AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลูกร้องอาละวาดในที่สาธารณะ แม่จะทำยังไงดี?

ลูกร้อง อาละวาด

ลูกร้อง อาละวาด ในที่สาธารณะ … คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างหรือไม่? ซึ่งคุณหมอสินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม Kids Center โรงพยาบาลเวชธานี ได้กล่าวเกี่ยวกับการ “ร้องอาละวาด” ของเด็ก ไว้ว่า นี่คือส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ  ซึ่งจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลยค่ะ

ลูกร้อง อาละวาด เพราะอะไร

การร้องอาละวาด คือ การตอบโต้ของเด็กโดยทั่วไป เมื่อถูกขัดขวางอิสรภาพในการกระทำสิ่งที่ต้องการ หรือการเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ลักษณะการแสดงอารมณ์โกรธจะเกิดขึ้นในทันทีทันใด โดยไม่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า

การร้องอาละวาดไม่ได้เป็นเพียงการกระทำเพื่อเรียกร้องความสนใจแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เพราะเกิดจากการขาดทักษะในการสื่อสารของเด็ก รวมถึงตัวเด็กเองยังไม่เคยเรียนรู้การแสดงออกซึ่งอารมณ์โกรธในลักษณะอื่น

ซึ่งการร้องโวยวาย อาละวาดนี้ จะเกิดขึ้นกับเด็กในช่วงอายุ 1 – 3 ปี หรืออาจเรียกเด็กวัยนี้ว่า “วัยต่อต้าน” เพราะเมื่อเด็กวัยนี้รู้สึกคับข้องใจ โกรธ หรือผิดหวัง พวกเขามักแสดงออกโดยการร้องไห้ แผดเสียง หรือกระทืบเท้าไปมา ซึ่งบางครั้งทำให้พ่อแม่รู้สึกโกรธ หรืออับอายได้ อย่างไรก็ตาม การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กเพื่อที่จะเรียนรู้การควบคุมตนเอง และในความเป็นจริงเด็กเกือบทุกคนต้องมีภาวะนี้บ้างไม่มากก็น้อย และสามารถพบได้ทั่วไปในเด็ก เพราะถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ และสังคมของเด็ก

ทำไมเด็กต้องร้องอาละวาด?

เด็กวัยนี้เริ่มแสดงความเป็นตัวของตัวเอง อยากรู้อยากเห็นในสิ่งแวดล้อมซึ่งแปลกใหม่บนโลกใบนี้ เด็กมีความต้องการที่จะควบคุมทุกอย่าง ต้องการเป็นอิสระและพยายามที่จะทำอะไรที่เกินความสามารถของตนเอง ต้องการจะตัดสินใจเองและไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ดีพอ ยิ่งถ้าเขาเหนื่อย หิว หงุดหงิดหรือกลัวด้วยแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถที่จะจัดการตัวเองได้ ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองเป็นเรื่องยากสำหรับเขา การร้องอาละวาด จึงเป็นหนทางในการปลดปล่อยอารมณ์ของเด็ก

ปัญหาเด็กร้องอาละวาดมีลักษณะอย่างไร?

อาการอาละวาดของเด็กมักจะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 30 วินาทีถึง 2 นาที โดยจะมีความรุนแรงมากที่สุดในช่วง 30 วินาทีแรก ทั้งนี้พฤติกรรมผิดปกติที่มักปรากฏในเด็กที่มีปัญหาร้องอาละวาด ได้แก่

อย่างไรก็ตาม หากการร้องอาละวาดดำเนินไปมากกว่า 15 นาที เกิดขึ้นมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน หรือทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นอาการบ่งบอกถึงความผิดปกติทางด้านร่างกาย จิตใจ หรืออารมณ์ของเด็ก และย่อมถือว่าไม่ใช่ลักษณะการร้องอาละวาดแบบปกติ ดังนั้นเด็กจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับความร่วมมือระหว่างผู้ ปกครองและโรงเรียน ซึ่งอาการที่มักพบในการอาละวาดลักษณะนี้ ได้แก่

 

สาเหตุที่อาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมเช่นนั้น ได้แก่

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อ่านต่อ >> “วิธีป้องกันลูกร้องอาละวาด” คลิกหน้า 2

วิธีป้องกันการร้องอาละวาดของลูก

  1. พ่อแม่อาจจะไม่สามารถป้องกันการร้องอาละวาดได้ทุกครั้ง แต่สามารถลดโอกาสที่จะเกิดได้ โดยพยายามกระตุ้นให้เด็กพูด บอกความรู้สึก
  2. อาจมีการตั้งกฎที่เหมาะสมในบ้านและอย่าไปคาดหวังว่าเด็กต้องทำได้สมบูรณ์ ให้เหตุผลง่าย ๆ ว่าทำไมต้องมีกฎและพยายามอย่าไปเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ
  3. พยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เหมือนเดิมทุกวันเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เด็กคาดเดาต่อไปได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
  4. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้เด็กเกิดร้องอาละวาด เช่นการเล่นของเล่นที่ยากกว่าวัย
  5. หลีกเลี่ยงการไปนอกสถานที่ที่กินเวลานานๆและต้องอยู่อย่างเป็นระเบียบ ถ้าต้องเดินทางไปไหนก็ให้พกหนังสือเล่มโปรดหรือของเล่นที่ชอบ
  6. เตรียมของว่างที่มีประโยชน์เผื่อเวลาลูกหิวและแน่ใจว่าลูกได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว ก่อนออกเดินทาง
  7. เบี่ยงเบนความสนใจของเด็กจากกิจกรรมที่อาจนำไปสู่การร้องอาละวาด แนะนำกิจกรรมที่ต่างออกไป ถ้าเป็นไปได้พ่อแม่อาจต้องทำอะไรขบขันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น บางครั้งแค่เปลี่ยนสถานที่ก็ได้
  8. พยายามเลือกใช้คำอื่นแทนคำว่า “ ไม่-อย่า ” เพราะถ้าใช้บ่อย ๆ เด็กก็จะหงุดหงิดได้ง่าย
  9. เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเองบ้าง
  10. เป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการกับอารมณ์

 

วิธีรับมือ เมื่อลูกร้องอาละวาดไปแล้ว?

  1. เบี่ยงเบนความสนใจของเด็ก เช่น กิจกรรมใหม่ หนังสือ ของเล่น พยายามใช้คำพูดที่ละมุนละม่อม “อุ้ย แม่ได้ยินใครกดกริ่งที่ประตูแน่ะ ” การทำหน้าตลกๆหรือทำให้เป็นเรื่องขบขันก็อาจช่วยได้ บางครั้งควรบอกเด็กด้วยว่าให้ไปทำอะไรแทน
  2. ใจเย็น ถ้าพ่อแม่ก็โมโห จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง จำไว้ว่ายิ่งให้ความสนใจพฤติกรรมนี้มากเท่าไร มันก็จะยิ่งเกิดขึ้นบ่อยเท่านั้น
  3. การแสดงออกว่าโกรธที่ไม่รุนแรง เช่น ร้องไห้ กรีดร้อง เตะขา อาจเพิกเฉยได้ โดยยืนดูใกล้ๆหรือจับตัวเด็กไว้ โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรจนกว่าเด็กจะสงบ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ให้เดินออกมาจากห้องนั้นก่อน ลองรอประมาณ 1-2 นาที ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหรือจนกว่าลูกจะหยุดร้อง จากนั้นพยายามช่วยให้เขาไปสนใจสิ่งอื่นแทน ถ้าเด็กโตพอที่จะเข้าใจก็ลองพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและวิธีแก้ไขในครั้งต่อไป
  4. อย่างไรก็ตามการร้องอาละวาดที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ได้แก่ ทำร้ายตัวเองหรือคนอื่น ทำร้ายข้าวของ กรีดร้องหรือตะโกนเป็นเวลานานมากๆ การใช้ time-out หรือการขอเวลานอก คือการนำเด็กออกจากสถานที่เกิดเหตุ พาไปที่ที่เขาจะควบคุมตัวเองได้ ใช้สำหรับเด็กที่โตพอจะเข้าใจเหตุผล โดยให้เวลานอก 1 นาทีต่ออายุเป็นปี เช่น อายุ 4 ปี ให้ทำนาน 4 นาที เป็นต้น
  5. ไม่ควรทำโทษเด็กขณะร้องอาละวาดเพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กเก็บความคับข้องใจไว้และมีปัญหาทางอารมณ์ต่อไป ควรตอบสนองกับพฤติกรรมร้องอาละวาดอย่างสงบและเข้าใจให้มากที่สุด เมื่อเด็กโตขึ้นเขาก็จะเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเอง จำไว้ว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กที่จะทดสอบกฎของพ่อแม่ว่าจะเอาจริงหรือไม่ และพยายามอย่าใช้รางวัลเพื่อให้เด็กหยุดพฤติกรรม เพราะจะทำให้เด็กคิดว่าวิธีนี้ทำให้ตนเองได้ในสิ่งที่ต้องการ
  6. พ่อแม่ควรมีความเสมอต้นเสมอปลาย อย่าไปแสดงท่าทางลังเลกับคำสั่งของเราเอง เพราะจะยิ่งทำให้เด็กสับสนว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ ดังนั้น ก่อนจะตั้งกฎอะไร พ่อแม่ต้องมั่นใจด้วยว่าตนเองมีเวลาในแต่ละวันที่ได้สนุกสนานกับลูก และไม่ควรตั้งกฎไว้มากจนเกินไป ทุกคนในบ้านก็ต้องหนักแน่นกับกฎนั้น ปฏิบัติต่อเด็กให้เหมือนกัน

การร้องอาละวาดนั้นน่าเป็นห่วง?

โดยทั่วไปเด็กจะลดการร้องอาละวาดลงเองเมื่อเข้าขวบปีที่ 4 แต่ถ้าการร้องอาละวาดนั้นดูรุนแรงมากหรือเกิดขึ้นถี่เกินไปอาจเป็นสัญญาณต้นๆของภาวะปัญหาทางอารมณ์

ปรึกษากุมารแพทย์เมื่อไร เพื่ออะไร?

แนะนำว่า ควรปรึกษา เมื่อเด็กทำร้ายตนเองหรือคนอื่นขณะที่กำลังร้องอาละวาด หรือแย่ลงหลังอายุ 4 ปี เพื่อดูว่าเด็กมีปัญหาทางกายภาพหรือจิตใจแอบแฝงอยู่หรือไม่

การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่ปกติของเด็ก ไม่ง่ายนักที่จะจัดการ แต่การที่ผู้เลี้ยงดูให้ความรัก ความเข้าใจแก่เด็ก ก็จะสามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปได้แน่นอน

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th ,  taamkru.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids