ลูกไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ พฤติกรรมนี้ จะเริ่มหนักขึ้นอย่างจริงจัง เมื่อลูกเข้าวัย 8-12 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการมีอิสระในการตัดสินใจ เพราะเด็กในวัยนี้จะเริ่มมีความคิด และบุคลิกภาพเป็นของตัวเองชัดเจน มองโลกและตัดสินใจแบบของตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านการมองจากผู้ใหญ่
พ่อแม่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อพัฒนาการทุกๆ ด้านของลูก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาและจิตใจ นั่นเพราะมีหน้าที่ในการเลี้ยงดู อบรม สั่งสอนลูกโดยตรง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีและเหมาะสมให้กับลูก เพื่อให้ลูกพร้อมที่จะเรียนรู้และรับฟังคำสั่งสอนนั้นๆ
ทั้งนี้ เพราะสิ่งที่ถือว่ามีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการของลูกก็คือการเลี้ยงดูที่อบอุ่น เอาใจใส่และเต็มไปด้วยความรักของพ่อแม่นั่นเอง มีงานวิจัยมากมายที่กล่าวตรงกันว่า การที่คุณพ่อคุณแม่โอบกอดสัมผัสลูกด้วยความรัก จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุข ซึ่งจะส่งผลให้สมองเกิดการหลั่งของสารเคมีที่ทำให้เด็กมีความสุขและอารมณ์ดีเบิกบาน (Endorphin) ทำให้สมองของเด็กเจริญเติบโตได้ดี มีความจำดี และสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
ลูกไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ต้องรีบสอน 5 อย่างนี้ สร้างให้ได้ก่อน 8 ขวบ!
แต่อย่างไรก็ดี ในเรื่องของการอบรมสั่งสอนลูกซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำควบคู่กันไป ซึ่งเมื่อถึงวัยและเวลาอันสมควร คำสอนของพ่อแม่บางอย่างอาจเข้าถึงตัวลูกได้ยาก เพราะเวลานั้นลูกจะเริ่มโตและมีความคิดเป็นของตัวเองอย่างจริงจัง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรตระหนัก ถึงสิ่งที่ต้องสอนลูก ก่อนที่ลูกจะไม่เชื่อฟัง ดังนั้นแล้วทางทีมงาน Amarin Baby & Kids จึงมีวิธีช่วยให้พ่อแม่รีบสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดที่ดี ให้ลูกน้อยตั้งแต่ยังเล็กๆ มาฝากกันค่ะ
โดยทางทีมงานได้ขออนุญาตนำคำแนะนำจาก ทพญ.จีรภา ประพาศพงษ์ หรือคุณหมอภา เจ้าของ เพจหมอภา/Jeerapa prapaspong ซึ่งคุณหมอได้เขียนอธิบายไว้อย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ในการเลี้ยงลูกกับ 5 ทักษะสำคัญที่ควรสอนลูกให้ได้ก่อนลูกจะถึงอายุ 8 ขวบ นั่นเอง
โดยคุณหมอ ได้เกริ่นถึงปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่มักถามกันมามากมาย
= ลูกติดโทรศัพท์นอนดูทีวี เล่นเกม เสียบหูฟังตลอด
= ลูกเรียกร้องให้ซื้อโน่นนี่ให้ นับวันยิ่งแพงขึ้น ตามเพื่อน
= บอกลูกว่าแต่งตัวแบบนี้ไม่เหมาะ ไม่สุภาพ ลูกก็ไม่ฟัง
= ไม่สนใจอะไรเลย ม.1 สอบติดแล้ว ขอเป็นอิสระ อยากไปหาแต่เพื่อน ไม่เอาพ่อแม่ ญาติพี่น้องเลย จะให้ไปหาผู้ใหญ่ก็ไม่ไป
= แม่อยากให้พัฒนาเรื่องโน้น เรื่องนี้ ก็ไม่เอา !!
นี่คือตัวอย่าง inbox ที่หมอได้รับเยอะมากกกก ซึ่งเป็นในช่วงอายุของเด็กที่แก้ไขยากแล้ว ♥♥♥
และคุณหมอจึงกล่าวต่อไปว่า มีหลักคิดที่ 7 ในหนังสือ “30 หลักคิด ติดปีกลูก” ที่ว่าด้วยเรื่องการ “เข้าใจธรรมชาติ โฟกัสให้ถูกจุด” คือ พ่อแม่มีเวลาที่จะสอน มอบอิทธิพลทางความคิดที่ดีๆ ให้กับลูกให้ได้ ก่อน 8 ขวบ !!
บทเรียนจากคุณหมอ Deepak Chopra ผู้นำด้านจิตวิญญาณคนสำคัญของโลก ผู้ได้รับการยกย่องจาก นิตยสารไทม์ ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลสำคัญและบุคคลตัวอย่างแห่งศตวรรษ สอนบทเรียน เกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็ก ให้เข้าถึงศักยภาพภายในของตนเอง
อ่านต่อ >> “หมอภาแนะ! 5 อย่าง ที่พ่อแม่ต้องสร้างให้ได้ ก่อนลูกอายุ 8 ขวบ” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วัย 8-12 ปี วัยแห่งการมีอิสระในการตัดสินใจ
เด็กวัยนี้มีความคิด และบุคลิกภาพเป็นของตัวเองชัดเจน มองโลกและตัดสินใจแบบของตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านการมองจากผู้ใหญ่ เด็กจะเริ่มเลือกว่า “ตัวเองชอบหรือไม่ชอบทำอะไร” หมอกำลังจะมาบอกว่า หมดเวลาที่เราจะบอก สั่ง ชี้นำ ทางความคิดให้กับลูกแล้ว !!
เขาจะไม่ฟังเราแบบเด็กๆ อีกต่อไป ลูกจะคิด เลือกตัดสินใจและทำเรื่องราวต่างๆ เอง ซึ่งการเลือกของเขา ถ้าเราได้สะสม “ภูมิคุ้มกันทางความคิดที่ดี” ตั้งแต่เล็กๆ
พอถึงวัยนี้ เราก็วางใจได้ว่า ลูกจะคิด เลือก ตัดสินใจทำสิ่งดีๆได้อย่างแน่นอนไม่มีอะไรให้เราต้องกังวล !!
5 อย่าง สร้างให้ได้ก่อน 8 ขวบ !!
1. นิสัยรักการอ่าน
เมื่อลูกมีอุปนิสัยนี้แล้ว จะผ่อนแรงเราได้มาก ที่สำคัญในเวลาที่ลูกเริ่มคิด ตัดสินใจ มองโลกเองด้วยมุมมองของเค้า เป็นอีกวิธีที่ลูกจะได้รับอิทธิพลทางความคิดดีๆ และตอนที่ลูกฟังเราน้อยลง อยากฟังคนอื่นมากขึ้น 🙂 หนังสือดีๆ ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิต ยิ่งในยุคที่ข้อมูลความรู้ดีๆ เข้าถึงได้ง่ายด้วยแล้ว เราอยากพัฒนาชีวิตด้านไหน ก็อ่านหนังสือของคนสำเร็จเรื่องนั้นๆอยากสำเร็จในชีวิต ก็มีศาสตร์แห่งความสำเร็จให้อ่าน อยากสำเร็จด้านการเงิน การงาน ความสัมพันธ์ สุขภาพ จิตวิญญาณ ทุกอย่าง มีข้อมูลเกรดดี มีคนสำเร็จระดับสูงเรื่องเหล่านี้ให้เดินตามอยู่แล้ว ถ้าลูกรักการอ่านแล้วลงมือทำ ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความสำเร็จดังที่หวัง มีเวลา มีกำลัง ได้แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้สังคมย่อมเป็นไปได้ ♥ ♥
สอนลูกเลือกสิ่งดีๆ เลือกหนังสือดีๆ ให้กับตัวเองตั้งแต่เล็ก เมื่อมีนิสัยรักการอ่านเป็นทุน จะสอนจะเรียนรู้อะไรก็ง่ายแล้วค่ะนิสัยรักการอ่าน อ่านในโพสต์ย้อนหลังนะคะ เขียนไว้เยอะเลย
หมอรู้จากประสบการณ์เพราะลูก 2 คน เมื่อมีนิสัยนี้แล้ว เขาจะไม่ค่อยสนใจมือถือ เพราะเขาบอกว่า หนังสือทำให้ได้อยู่ในโลกของเรา ได้จินตนาการเองสนุกกว่า ♥ ที่สำคัญ เป็นเครื่องมือที่หมอคอยป้อนให้คนอื่นมาสอนลูกแทนค่ะ ♥
♦ Must read : แนะนำ 50 วรรณกรรมเพื่อลูกฉลาด ต้องอ่านก่อนโต
♦ Must read : วิธีสร้างลูกน้อยรักการอ่าน 8 step
2. สอนทักษะการเป็นเจ้านายอารมณ์
สิ่งสำคัญที่เกิดคือ “ทักษะการควบคุมตนเอง” อุปนิสัยสำคัญมากกกของคนสำเร็จที่ต้องมี !! เริ่มต้นจาก 6 ข้อในหนังสือหมอ และฝึกฝนเด็กๆ ผ่านสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เด็กที่มีทักษะการเป็นเจ้านายอารมณ์ จะควบคุมตัวเองได้ดีไม่ว่าด้านไหน ควบคุมตัวเองต่อแรงกระตุ้นอยากเอาแต่ดูมือถือ เล่นเกม อยากซื้อโน่นนี่ โมโหเวลาถูกคนอื่นว่า คนอื่นแกล้ง เด็กจะรู้จักอดทนรอคอย จริงๆมีข้อดีอีกมากมาย เริ่มจะยาวไปแล้วค่ะ ทักษะนี้ อาจไม่ได้ทั้งหมดทันทีในวัยนี้ แต่พื้นฐานดีมีชัยไปกว่าครึ่ง !!
3.ทักษะการเป็นเจ้านายเทคโนโลยี
ก่อนที่เราจะหยิบยื่น หรือบางบ้านมอบมือถือให้กับลูกได้ครอบครองเป็นเจ้าของ เราต้องมอบทักษะนี้ให้กับลูกก่อน เทคโนโลยี ถูกออกแบบมาให้คนสนใจ คนชอบอยากเล่น อยากใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ลองมองดูผู้ใหญ่ในยุคนี้สิคะ เราเองยังควบคุมตัวเองได้ยาก แล้วเด็กที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนการควบคุมตนเอง ฝึกฝนการเป็นเจ้านายของมัน ก็ย่อมตกเป็นเครื่องมือที่ผู้ผลิตสร้างขึ้นแน่นอน
เทคโนโลยี ใช้ให้ดีมีประโยชน์มากๆ หมอพูดในฐานะที่ลูกทั้ง 2 คน มีโอกาสใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาภาษามาตั้งแต่เล็กตอนนี้โตแล้ว ยิ่งเป็นเด็กโฮมสคูล ลูกได้ใช้เป็นเครื่องมือในการหาความรู้อย่างคุ้มค่ามากๆ เทคโนโลยี ถ้าเรียนรู้ในการเป็นเจ้านายของมัน ยิ่งในยุคนี้ จะมีประโยชน์มากๆกับชีวิต ♥ ♥
อ่านต่อ >> “หมอภาแนะ! 5 อย่าง ที่พ่อแม่ต้องสร้างให้ได้ ก่อนลูกอายุ 8 ขวบ” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
4. ค่านิยมทางความคิดเรื่องต่างๆ (แต่ละครอบครัวแตกต่างกัน)
ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะเป็นจุดส่งผ่านอิทธิพลทางความคิดไม่ว่าเรื่องไหน ก่อนวัยที่ลูกจะคิด เลือก ตัดสินใจและทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ฟังพ่อแม่น้อยลง หันมาฟังสิ่งรอบตัว คนรอบตัว และตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง
ยกตัวอย่าง…
= ค่านิยม การแต่งตัวให้เหมาะสมกับโอกาส สถานการณ์กาลเทศะ
= การคบเพื่อน (เริ่มโต เรื่องนี้สำคัญมาก) เราจะเป็นค่าเฉลี่ยของ 5 คนที่เราคบ นั่นคือ ลูกคบเพื่อนแบบไหน โอกาสที่ลูกจะคิด เป็น และทำสิ่งต่างๆ แบบเพื่อนมีสูงมาก พ่อแม่ต้องส่งมอบอิทธิพลในการเลือกคบเพื่อนดีๆ เพื่อนที่นำพาลูกไปสู่ทางที่ดีให้ได้ก่อนวัยที่จะแตะเพื่อนลูกไม่ได้ เพราะเขาเลือกของเขาเองแล้ว
= การเลือกเสพสื่อ สิ่งดีๆ เข้าหัวในแต่ละวัน สอนแนะนำตัวอย่าง สื่อดี สื่อไม่ดี ข้อพึงระวังการใช้สื่อ
= การพัฒนาตัวเอง การเรียนรู้ การฝึกฝนทักษะชีวิต
= ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว กับครอบครัว การจัดสรรแบ่งเวลา
หมอเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวมากๆ สิ่งที่หมอทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง และสอนลูกเสมอ คือเรามีเวลาให้ตัวเองได้ แต่ต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวด้วย ลูกเป็นคนสำคัญในครอบครัว ลูกหล่อเลี้ยงหัวใจ คนแก่ให้ชุ่มชื่นขึ้น จงทำหน้าที่ดีๆของลูกให้ดีที่สุด
ในขณะที่คุณยาย คุณปู่ คุณย่า ยังอยู่กับลูก เด็กอยู่กับคนแก่ ดูแลคนแก่ คือภาพที่น่ารัก น่าชื่นชม นี่คือค่านิยมของหมอที่สอนลูก ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกครอบครัว อยากสอนเรื่องไหน รีบส่งมอบอิทธิพลทางความคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพราะถ้าเกินจากนี้ เราอาจไม่มีเวลาเหลือแล้ว !!
5.ทักษะการเป็นเจ้านายของเงิน
เด็กควรได้รับการสอน การเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี เด็กที่ได้อ่าน “ความสุข ลูกเสกได้” จะเข้าใจดี ♥ เด็กควรได้รู้จักคำว่า “จำเป็น” กับ “ความต้องการ” เด็กควรได้เรียนรู้การบริหารเงิน โดยมีแม่คอยดูแล และค่อยๆให้อำนาจในการใช้เงินของเขาทีละนิด
สิ่งสำคัญที่หมอเห็นว่า ดีมากๆ จากประสบการณ์คือ เด็กควรได้เรียนรู้การหารายได้ด้วยตนเอง โดยใช้ทักษะและความสามารถของเขาที่มีในตัว เราจะได้เห็นความสามารถในตัวของเด็ก หลายเดือนก่อนไปเข้าค่าย หมอได้เห็นศักยภาพ เด็กโฮมสคูลเยอะมาก
มีทักษะเรื่องนี้ ผลที่ตามมาคือ เด็กจะรู้คุณค่าของเงิน รู้ว่า เงินทองไม่ได้ลอยมาจากฟากฟ้า ได้บริหารความคิด ไอเดียสร้างสรรค์ รู้จักฝึกฝนทักษะ ได้พัฒนาตัวเองเพื่อนำทักษะความสามารถตัวเองออกมาใช้เขาจะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
(คุณหมอภาเอ่ยถึงลูกสาว) = เจ้าขามีเงินไปบริจาคให้คนขาดโอกาส เก็บเงินซื้อจักรยาน ซื้อตั๋วไปเที่ยวฮ่องกงให้ตัวเองได้ กำลังอยู่ในเป้าหมาย เก็บเงินพาพ่อแม่ น้อง คุณยายไปเที่ยวให้ได้ ด้วยเงินของตัวเองทั้งหมด ตอนนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว ก็เพราะมีแรงผลักดันให้ได้ฝึกฝนทักษะนี้ตั้งแต่เล็กๆ
♦ โบนัสแถมท้าย…
♥ ♥ สอนลูกให้รู้จักการตั้งเป้าหมาย ♥ ♥ คนที่มีเป้าหมาย มีฝัน จะมีพลังมหาศาลในชีวิต ชีวิตของเขาจะตื่นเช้าขึ้นมาเต็มไปด้วยแผนการว่า
วันนี้เราจะทำอะไรที่ขยับไปให้ใกล้เป้าหมายดีนะ ♥ หมอสอนลูกให้ตั้งเป้าหมายตั้งแต่เล็ก เพื่อนๆที่ติดตามกันมาจะได้อ่าน และตอนหลังมาเป็นเด็กโฮมสคูล จึงมีโอกาสในการฝึกฝนทักษะตรงนี้ค่อนข้างมาก เพราะต้องฝึกดูแลตัวเอง ทุกด้าน ทั้งรับผิดชอบเรื่องพื้นฐานตัวเอง การศึกษาตัวเอง รับผิดชอบเป้าหมายของตัวเอง ว่าเราจะเดินไปทางไหน
สอนลูกให้ตั้งเป้าหมายให้ครบทุกด้าน แต่ละวันของเด็กที่มีเป้าหมาย จะเต็มไปด้วยพลัง มีแรงขับเคลื่อน เขาจะไม่ทิ้งเวลาให้ผ่านไปวันๆ เขาจะไม่เหลือเวลาไปติดมือถือจนไม่ได้ทำอะไร เพราะไหนจะเรียน ไหนจะพัฒนาภาษา ไหนจะฝึกฝนพัฒนาตัวเองด้านต่างๆ ไหนจะสร้างผลงานตัวเอง
ชีวิตที่มีเป้าหมาย ชีวิตที่ได้เดินตามฝัน ชีวิตที่ได้เลือกทำสิ่งที่ตัวเองรัก ตัวเองถนัด เป็นชีวิตที่มีความสุขและมีพลังมาก ♥
ทั้งนี้คุณหมอภา ยังได้กล่าวจบท้ายว่า แรงบันดาลใจในการเขียนบทความยาวเหยียดนี้เพราะมี inbox ตัวอย่างปัญหาข้างบน มาหาหมอเยอะมากกกก ถามว่า หลังจากนี้แก้ได้มั้ย แก้ยากมากๆ แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ค่อยๆแก้ไข ไปทีละเปลาะ
หมอแนะนำ ให้เริ่มจากเติมถังบรรจุรักให้เต็มก่อน อย่าเพิ่งมุ่งสอน หรือแก้ไข เพราะวัยนี้ มักไม่ได้ผลแล้ว เมื่อมีความรักความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลูกมีความเชื่อใจเราลูกจะยอมเปิดใจรับฟังคำชี้แนะจากพ่อแม่ แล้วค่อยๆแก้ไปทีละเปลาะนะคะ 5 อย่าง สร้างให้ได้ก่อน 8 ขวบ
หลังจากนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล…
ทำให้ดี…เรามีเวลาไม่นาน
เพื่อนๆ เหลือเวลาอีกเท่าไหร่คะ ??
ด้วยความรัก
หมอภา/Jeerapa prapaspong
#30หลักคิดติดปีกลูก
#ความสุขลูกเสกได้
อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!
- ทำอย่างไรเมื่อ…ลูกไม่อยากไปโรงเรียน !!
- ลูกไม่ได้เกิดมาโดยบังเอิญ และมีพรสวรรค์พิเศษ
- 4 กับดักชีวิตคู่ ทำลาย ความสุข-ความสำเร็จของลูก
- เติมอาหารสมองให้ลูกในตอนเช้า สร้างจิตสำนึกที่ดีให้ลูก
ขอขอบพระคุณบทความดีๆ จาก คุณ หมอภา/Jeerapa prapaspong