เป็นที่น่าสลดหดหู่ใจอีกครั้งกับข่าวคราวการจากไปของทารกวัยเพียง 3 เดือนกว่า ที่คุณแม่จับให้ลูกนอนคว่ำจน ลูกขาดอากาศหายใจ บนที่นอน
เรียกได้ว่าเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักภายหลังจากที่ Drama-addict ได้โพสต์ข่าวคราวการจากไปของทารกวัย 3 เดือน กับสองวัน ที่คุณแม่ได้แชร์เตือนครอบครัวอื่นเพื่อเป็นอุทาหรณ์ของการปล่อยให้ลูกนอนคว่ำตั้งแต่อายุยังน้อย โดยคุณแม่เล่าว่า
####เตือนแม่ๆทุกคนนะคะ ####
#การปล่อยลูกน้อยนอนคว่ำ เราคนนึงค่ะที่ปล่อยน้องนอนคว่ำตั้งแต่สะดือหลุดได้12วัน น้องมีพัฒนาการดีแข็งแรงทุกอย่าง กลับหน้าเองตลอด ตั้งแต่เริ่มนอนคว่ำ จน3เดือนค่ะ จนน้องพลิกกลับมาหงายเอง ชูคอเอง เพราะความชะล่าใจของแม่ค่ะ พอน้องอายุได้แค่ 3เดือนกับ2วัน วันนั้นแม่นั่งรีดผ้าอยู่หน้าห้องแม่เทียวดูน้องทุก30นาที พอเวลา 1.30 คุณแม่เข้าไปดูน้องครั้งสุดท้ายจับน้องว่าฉี่ไหม น้องก็กลับหน้าขยับตัวอยู่เลยค่ะ และพอเวลา 02.00 แม่เข้าไปอีกครั้งเพื่อจะปลุกน้องขึ้นมากินนม จับน้องที่กำลังนอนคว่ำหน้า แต่น้องกับไม่ขยับตัว คุณแม่เริ่มใจสั่นและรีบดูว่าน้องมีอะไรปิดจะหมูกไหม แต่ไม่ค่ะ พอดูหน้าน้องกับคว่ำลงไปกับที่นอน น้องเริ่มซีด ตาโรย คุณแม่กับคุณพ่อรีบอุ้มน้องขึ้นรถ ทั้งผายปอดทั้งปั๊มหัวใจลูก ไปจนถึงโรงบาล หมอก็พยายามช่วยเต็มที่ค่ะ และแล้วน้องก็ต้องจากคุณพ่อกับคุณแม่ไปค่ะ ด้วยความที่เป็นลูกคนแรกหมอช่วยยื้ออยู่3 ชม. เต็มค่ะ จนหมอบอกกับแม่ว่าให้ปล่อยน้องไปนะคะคุณแม่เพราะหมอทำทุกวิถีทางแล้ว หัวใจน้องไม่ตอบสนอง เท่านั้นแหละค่ะแม่แทบล้มทั้งยืน ทำอะไรไม่ถูก เลยค่ะ พอเห็นแม่ๆลงรูปลูกนอนคว่ำหน้าทีไรรุ้สึกกลัวทุกทีค่ะ ####อยากให้แม่ๆดูแลน้องอย่างใกล้ชิดอย่าละห่างสายตานะคะ เพราะบางทีเค้าไม่มีเสียงร้องอะไรเลย เพื่อเตือนเรา พอจะรู้อีกทีก็สายไปแล้ว####
ซึ่งงานนี้เรียกได้ว่า เหล่าคุณพ่อคุณแม่หรือแม้แต่คนที่ไม่มีลูกเองนั้นได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างไม่หยุดหย่อน บ้างก็ว่า สาเหตุเพราะคุณแม่อาจจะอยากให้ลูกมีหัวสวย หัวทุย เลยหัดให้ลูกนอนคว่ำตั้งแต่ยังเล็ก เป็นต้น
ด้วยความรักและเป็นห่วงกับทุก ๆ ครอบครัว ทีมงาน Amarin Baby & Kids จึงอยากที่จะขอนำเสนอสาเหตุของการเสียชีวิตของทารกที่เกิดขึ้นบ่อยและมากที่สุดคือ “โรคไหลตายในทารก” หรือเรียกอีกอย่างว่า Sudden Infant Death Syndrome (SIDS) และไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นนะคะ ที่เกิดการสูญเสียนี้ ยกตัวอย่างประเทศสหรัฐอเมริกาที่ พบว่ามีเด็กทารกสูญเสียจากภาวะดังกล่าวประมาณ 1.5 คนต่อเด็ก 1,000 คน โดยสาเหตุหลัก ๆ นั้นมาจาก การที่ “ลูกขาดอากาศหายใจ” เพราะคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกนอนคว่ำ
การนอนคว่ำนั้น เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการตายฉับพลันของเด็กทารก สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นได้จัดตั้งโครงการ “Back to sleep” หรือ “โครงการให้เด็กนอนหงาย” เริ่มตั้งแต่ในปี 1992 และจากการจัดตั้งโครงการนี้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ระวังกันมากขึ้น ทำให้การตายของทารกด้วยโรค SIDS นั้นลดลงอย่างชัดเจน
โรคไหลตายหรือ SIDS คืออะไร … อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
เครดิต: Drama-addict
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
โรคไหลตายหรือ SIDS คืออะไร?
โรคไหลตายในเด็ก หรือ SIDS (Sudden Infants Death Syndrome) คือภาวะที่ทำให้เด็กทารกเสียชีวิตเฉียบพลันขณะนอนหลับ มักเกิดกับเด็กทารกแรกเกิด – 1 ขวบ โดยเฉพาะในช่วง 2 – 4 เดือนแรก และสามารถเกิดได้กับเด็กที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัยมาก่อน สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ยังคงค้นคว้าหาคำตอบอยู่
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กเสียชีวิต คือ
- การนอนคว่ำ ด้วยความรักและหวังดี คุณพ่อคุณแม่ก็มักจะอยากให้ลูกโตมามีศีรษะที่สวยและทุย จึงเริ่มจับให้ลูกนอนคว่ำ แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่เสียงที่จะทำให้ “ลูกขาดอากาศหายใจ” โดยไม่รู้ตัว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกนอนคว่ำได้ แต่จะต้องเป็นในขณะที่ลูกตื่น และจะต้องอยู่ในการดูแลของคุณพ่อคุณแม่อย่างใกล้ชิดเท่านั้น
- การถูกนอนทับ คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกนอนร่วมเตียงเดียวกันได้ค่ะ แต่จะต้องระวังเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กทารกที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือน คนที่มีความเสี่ยงในการนอนทับเด็กทารกคือคนอ้วน มาก ๆ คนที่กินยานอนหลับ ยาทำให้ง่วงเช่นยาแก้หวัด ยากล่อมประสาท คนเมาเหล้า และเด็กโต เพราะคนเหล่านี้มักหลับสนิทเกินไป นอนทับแล้วไม่ยอมรู้สึกตัว
- ที่นอน การจัดที่นอนให้กับทารกนอนนั้น จะต้องมั่นใจว่า ฟูก เบาะหรือหมอนนั้นเรียบตึงแล้วจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ระวังผ้าห่มที่นุ่ม ๆ หนา ๆ และมีขนาดใหญ่ เพราะหากลูกพลิกตัวคว่ำหน้าลงไป ก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงให้ต่อการถูกกดจมูกและปากจนขาดอากาศหายใจได้
อ่านวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดโรค SIDS เพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไป
เครดิต: Ahlulbait
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดโรค SIDS
- จัดท่านอนให้ลูกอยู่ในท่าที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น การนอนตะแคง หรือนอนหงาย เป็นต้น
2. อุณหภูมิในห้องนอนจะต้องไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
3. ให้ลูกน้อยดื่มนมแม่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเสียชีวิตในเด็ก
4. ไม่สูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงลูกน้อย ไม่ให้เข้าใกล้คนสูบบุหรี่
5. ต้องมั่นใจว่าเบาะหรือฟูกควรแน่น ไม่อ่อนยวบยาบจนเกินไป
6. ควรปล่อยให้เตียงของลูกน้อยโล่งเสมอ ไม่ขึงผ้ากันรอบเตียง ไม่มีสิ่งของใด ๆ อยู่บริเวณศีรษะรอบเตียง
7. เลือกชุดนอนให้ลูกน้อยอุ่นพอเหมาะ และใส่ได้พอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไปจนรุ่มร่าม
8. ถ้าเป็นชุดนอนที่มีผ้าเนื้อบาง ต้องห่มผ้า โดยเลือกผ้าเนื้อเบา ให้ปลายเท้าของลูกอยู่ติดปลายเตียงเสมอ
9. วิธีการห่มผ้าคือสอดผ้าห่มให้กระชับตัวลูก หากใช้ผ้าห่มผืนหนา หรือหนัก เมื่อลูกดิ้น หรือหน้าคว่ำ อาจถูกผ้าห่มกดทับจมูก และปาก และเป็นสาเหตุให้ขาดอากาศหายใจได้
ทั้งนี้วิธีที่ป้องกันลูกได้ดีที่สุดก็คือ การที่คุณพ่อคุณแม่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลาลูกนอนหลับนั่นเองค่ะ และสำหรับคุณแม่ท่านไหนที่อยากจะให้ลูกมีหัวสวยแล้วละก็ วันนี้ เราก็มีวิธีการทำให้ลูกหัวสวยโดยไม่ต้องนอนคว่ำมาฝากกันค่ะ
คลิกอ่านวิธีการทำอย่างไรให้ลูกหัวสวยได้โดยไม่ต้องนอนคว่ำ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่กำลังตั้งคำถามว่า “อยากให้ลูกหัวสวย แต่ไม่อยากให้นอนคว่ำ” นั้นจะมีวิธีการไหนได้บ้าง วันนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kid ได้เตรียมวิธีการทำให้ลูก “หัวทุยสวย” มาฝากกันค่ะ
- คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะช่วยลูกจัดท่านอน ด้วยการให้ลูกนอนตะแคงซ้าย – ขวา สลับกันไป
- เลือกหมอนที่นุ่ม สบายสำหรับเด็ก ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอนหนุนที่เป็นหลุม เพราะอาจจะยิ่งทำให้ความบิดเบี้ยวของกะโหลกศีรษะลูกนั้นมีมากขึ้น
- อุ้มสลับข้างไปมาซ้ายขวา อย่าอุ้มลูกด้านใดด้านหนึ่งเพียงเดียวเป็นระยะเวลานาน
- อย่าให้ลูกนอนในรถเข็นหรือคาร์ซีทนานจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ศีรษะของลูกนั้นผิดรูปได้
เป็นอย่างไรบ้างคะ แค่ 4 ข้อง่าย ๆ เท่านี้ ก็สามารถทำให้หัวของลูกคุณแม่ทุยสวยได้ไม่ยากแล้วละค่ะ
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
ท่านอนของลูกแต่ละวัย นอนท่าไหนถึงจะดี และเหมาะสม
นอนแยกห้อง แบบฝรั่ง VS นอนรวมกับพ่อแม่แบบไทย อย่างไหนดีกับลูกมากกว่ากัน!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่