อุทาหรณ์จากเรื่องจริง พ่อแม่ระวัง! บ้านไหนชอบเลี้ยงลูกแบบสปอยล์ หรือ ตามใจลูกเกินไป อาจทำให้คุณเสียเวลาโดยใช้เหตุ และได้เด็กที่ไม่รู้คุณค่าของเงินมา 1 คน ดังเช่นเหตุการณ์นี้!
แต่ละบ้านก็มีสไตล์การเลี้ยงลูกที่ต่างกัน แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่ามีหลายบ้านที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนมีพฤติกรรมที่เรียกว่า… “ยิ่งรักก็ยิ่งสปอยล์” นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูก เอาอกเอาใจลูกเป็นพิเศษ อยากให้ลูกพอใจ อยากให้ลูกมีความสุข อยากให้ลูกรักเรา หรือรู้สึกว่าลูกของเราต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดแต่ บางครั้งการเข้าข้างลูกหรือ เอาอกเอาใจลูกจนเกินพอดี ที่เรียกว่า ตามใจลูกเกินไป หรือที่ฝรั่งเรียกว่า spoil = สปอยล์ (ทำให้เสีย)
อุทาหรณ์เลี้ยงลูกผิด! ตามใจลูกเกินไป จนไม่รู้คุณค่าของเงิน
แต่นั่นก็อาจทำให้พฤติกรรมที่ดีของลูกน้อยนั้นเริ่มเปลี่ยนไป จากการตามใจลูกมากเกินไป เช่น มักจะหงุดหงิดง่าย ชอบแสดงอารมณ์กราดเกรี้ยวโวยวาย ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน เมื่อทำอะไรให้แล้วเขาไม่ชอบ ก็จะแสดงอาการไม่พอใจ ไม่ชอบช่วยเหลือใคร แต่ชอบให้คนอื่นช่วยตัวเองมากกว่า จอมบงการ ไม่ค่อยชอบฟัง และไม่ทำตามผู้อื่น แต่ชอบที่จะให้ผู้อื่นฟัง และทำตามตนเองอยู่ฝ่ายเดียว มักงอแงเอาแต่ใจบ้างเวลาออกไปข้างนอก
ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กทุกคน ที่เหนื่อย เพลีย หิว เบื่อหน่าย แต่เมื่อใดก็ตามที่ลูกของคุณจงใจจะทำให้คุณขายหน้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง นี่อาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณอาการสปอยล์ หรือผลจากการที่คุณพ่อคุณแม่ ตามใจลูกเกินไป นั่นเองค่ะ
สำหรับเรื่องนี้ ได้มีผู้ใช้พันทิป สมาชิกหมายเลข 1791088 มาตั้งกระทู้เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจคุณพ่อคุณแม่ที่ ชอบเลี้ยงลูกแบบสปอยล์ หรือ ตามใจลูกเกินไป จนทำให้ เสียเวลา 10 ปี กับเงิน 10 ล้าน แต่กลับได้เด็กที่ไม่รู้คุณค่าของเงินมา 1 คน ตามชื่อกระทู้ โดยมีเรื่องราวดังนี้…
อยากเล่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับพ่อแม่ที่ชอบสปอยล์ลูกมากเกินไปครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องของน้องชายผมเองครับ
ซึ่งเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับครอบครัวเราสนิทกันเพราะบ้านอยู่ติดกัน เราโตมาด้วยกัน ผมอายุมากกว่าเค้าอยู่หลายปี
น้องชายผมเป็นคนเรียนเก่งครับ หัวดีมาก แต่ก็ขี้เกียจมาก โชคดีที่ได้เข้าโรงเรียนประจำจังหวัด แต่ก็หมดเงินไปเยอะมาก
ช่วงแรกๆก็ไม่เท่าไร แต่ยิ่งโตขึ้นยิ่งใช้เงินเก่งครับ เสื้อผ้าทุกตัวต้องแบรนด์เนม ซึ่งแน่นอนว่าลำพังเงินเดือนข้าราชการของแม่เค้า ไม่เพียงพอครับ จึงต้องกู้เงินมาใช้จ่าย
พอหนี้มากขึ้นก็เอาบ้านไปจำนอง ได้เงินมาร่วมสี่ล้าน เงินจำนวนนี้สุดท้ายก็หมดในเวลาไม่นาน …ในขณะที่บ้านกำลังจะถูกยึด คุณอาของผม หรือก็คือแม่ของน้องชาย ก็ได้มายืมเงินที่คุณย่า โชคดีว่าคุณย่าฐานะดีครับจึงช่วยใช้หนี้ให้ เฉพาะแค่ช่วงที่น้องชาย เรียน ม.ปลาย
บ้านก็ถูกจำนองถึงสองครั้งแล้ว และคุณย่าของผมก็ช่วยใช้หนี้ให้ทุกครั้ง ทำให้ฐานะทางการเงินที่บ้าน ของผมแย่ลงเอามากๆ เพราะผมอาศัยอยู่กับคุณย่า กับข้าวมื้อนึ่งเรากินกันแค่ผัดผักบุ้ง ปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ ไข่เจียว นี่คือเมนูที่เรากินกันเป็นประจำครับ ในขณะที่น้องชายชอบพาเพื่อนไปกินเลี้ยงสังสรรค์ เมาหัวราน้ำแทบจะทุกวัน
อ้อ เกือบลืมไป ตัวน้องชายเริ่มเที่ยวหนักขึ้น ใช้เงินมากขึ้น หลังจากเข้ามหาลัย เค้าสอบเข้าคณะวิศววะ มหาลัยชื่อดังแห่งนึงได้ แน่นอนว่าคุณอาของผมไม่เคยว่าอะไรเค้าเลยเรื่องการใช้เงิน ไม่มีญาติคนไหนตำหนิเค้าเลยในเรื่องนี้ แน่นอนว่าผมอยากจะห้ามเค้ามาก แต่ก็ถูกญาติผู้ใหญ่ห้ามไว้ ไม่ให้เข้าไปยุ่ง
ตอนนี้น้องชายเรียนจบแล้วทำงานมาได้สักพัก แต่ไม่มีเงินเก็บครับ และปัญหาสำคัญคือ เค้าไม่รู้ว่าเค้ามีหนี้ก้อนใหญ่ติดตัวอยู่ เพราะแม่เค้ากู้มาเยอะมาก เพื่อให้ลูกสบาย ไม่ต้องลำบากแม้แต่น้อย ทางบ้านผมก็ไม่มีปัญญาจะช่วยแล้วครับ เงินหมดไปกับน้องชายคนนี้ร่วมสิบล้าน แต่เค้าไม่เคยรู้สำนึกบุญคุณเลย ไม่เคยมาเยี่ยมคุณย่าเลย ถ้าไม่โดนบังคับให้มา ก็ไม่มีทางมาเลย
ทุกวันนี้เค้ายังบ่นว่าอยากจะได้กีตาร์ตัวละห้าแสน เป็นของขวัญที่เรียนจบมีงานทำอะไรแบบนี้ แต่เค้าไม่เคยคิดเลยว่าเงินที่ใช้ในชีวิตที่ผ่านมามันมาจากไหน เค้าไม่เคยรู้เลยว่า แม่เค้าและญาติพี่น้องต้องลำบากกันมากันมากแค่ไหน เพื่อให้เค้ามาถึงจุดนี้ อยากแชร์เรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้ครับ เผื่อพ่อแม่คนอื่นจะได้สติบ้าง
ขอบคุณเรื่องราวจาก ผู้ใช้พันทิป สมาชิกหมายเลข 1791088 : pantip.com/topic/34331439
ซึ่งจากเรื่องราวข้างต้นนั้นอาจเรียกได้อีกอย่างว่า พ่อแม่รังแกฉัน เพราะการเลี้ยงลูกแบบสปอยล์ ตามใจลูกเกินไป โดยเฉพาะเรื่องเงิน ปล่อยให้เงินมามีอำนาจ ไม่เห็นคุณค่าของของ อาจทำให้เด็กโตขึ้นกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ลูกน้อยของเราเป็นแบบนั้น Amarin Baby & Kids มีเทคนิคการเลี้ยงลูกยังไงให้ไม่ให้สปอยล์เรื่องการใช้เงิน มาแนะนำ ตามมาดูกันเลยค่ะ…
เรื่องเงินถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและค่อนข้างสอนกันได้ยากในแต่ละบุคคล แต่อย่างไรก็ดี การที่เด็กๆจะโตขึ้นมาได้และเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องการเงินนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ ว่าจะเลี้ยงดูสั่งสอนเข้ามาแบบไหน นอกจากนี้ค่านิยมทางสังคมก็ได้ทำให้ทั้งเด็กๆและครอบครัวอยากจะมีอยากจะได้เหมือนกับคนอื่นๆนั้น ก็ยิ่งทำให้เด็กๆมีนิสัยทางการเงินที่ถูกปล่อยปละละเลยจนเสียคนในที่สุด ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการ ตามใจลูกเกินไป จนเสียคน โดยเฉพาะเรื่องเงิน ตามมาดูกันค่ะว่าจะมีกลยุทธ์อะไรที่จะช่วยสอนลูกให้เค้ารู้จักรับผิดชอบทางการเงินได้บ้าง
1. รู้จักรับผิดชอบงานบ้าน
เด็กๆ แต่ละคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบในงานบ้านเป็นสัดส่วนของตัวเอง เช่น ล้างจานหลังทานข้าวทุกครั้ง คอยดูแลรักษาห้องของตัวเองให้สะอาด และเมื่อทำเช่นนี้ พวกเขาก็จะได้รางวัลเป็นค่าขนมตอบแทนในแต่ละเดือน ซึ่งนั่นจะช่วยสอนให้เด็กๆ รู้จักการเป็นเจ้าของบ้านจากการต้องดูแลบ้านช่องของตนเองให้ดีอีกด้วย
2. แยกให้ออกระหว่าง “ความจำเป็น” กับ “ความต้องการ”
สอนให้ลูกรู้จักการรับผิดชอบเงินที่มีอยู่โดยให้เงินตามสัดส่วนจำนวนอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังต้องให้เด็กๆทำงานบ้านเพื่อนแลกมาซึ่งค่าขนมเหล่านี้ ซึ่งลูกจะสามารถใช้เงินตรงนี้ซื้อสิ่งของที่เขาต้องการได้ แต่ว่าพ่อแม่จะต้องเป็นคนช่วยจ่ายในสิ่งที่จำเป็น นั่นรวมไปถึงรองเท้านักเรียนคู่ใหม่ เสื้อผ้าที่เอามาแทนเสื้อผ้าที่เก่าแล้ว การพาไปตัดผมและคลาสเรียนดนตรี
สิ่งของจำเป็นเหล่านี้ไม่ได้รวมพวกของเล่นต่างๆ เสื้อผ้าสวยงาม หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัย นั่นจะทำให้เด็กๆรู้จักแยกแยะว่า สิ่งใดคือสิ่งจำเป็นและสิ่งใดเป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาจะได้รู้วิธีการออมเงินที่ถูกต้องและใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์ เพื่อที่ว่าในภายภาคหน้า พวกเขาจะได้อยู่รอดได้โดยไม่ใช้จ่ายเงินจนเกินตัว
3. เห็นคุณค่าของการทำงานหนัก
ต้องให้ลูกรู้จักการหยิบจับสิ่งของและเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆแล้วออกมาทำงานอะไรบ้าง หรือให้คลุกคลีกับดินที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนอาจก็จะทำให้พวกเขา ไม่เย่อหยิ่งเกี่ยงงานจนเกินไป และหากคุณพ่อคุณแม่กับลูกทำงานบ้านด้วยกัน เมื่องานสำเร็จเสร็จสิ้น ลูกก็จะเห็นคุณค่าของความสำเร็จตรงนั้นมากกว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นั่นจะทำให้เมื่อเด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในทางการเงิน ไม่ใช้จ่ายไปสุรุ่ยสุร่ายเพราะพวกเขาจะต้องทำงานหนักกว่าจะได้เงินมา
4. รู้จักทำอะไรด้วยตัวเองเสียบ้าง
เมื่อลูกโตพอที่จะเข้าใจความรับผิดชอบต่างๆแล้ว ก็ให้ลองเลิกเตือนเลิกจี้ดู ว่ามีงานบ้านอะไรจะต้องทำบ้าง แล้วปล่อยให้พวกเขาลองทำดูเองแล้วดูซิว่าจะทำหรือไม่ ถ้าหากลูกเลือกที่จะไม่ทำงานบ้าน เดี๋ยวเขาก็รู้ผลเองว่าหากไม่ทำแล้วเขาก็จะไม่มีเสื้อใส่ไปโรงเรียน และถ้าหากลูกจนตรอกจริงๆ จนต้องมาขอยืมเสื้อผ้าสะอาดและถุงเท้าดีๆไปใส่ ก็ให้บอกปฏิเสธไป พวกเขาจะได้รู้ผลลัพธ์ของการไม่มีความรับผิดชอบด้วยตัวเอง และแก้ปัญหาด้วยตัวเองให้เป็น
เพราะฉะนั้น ต้องทำให้เด็กๆ รู้จักการทำผิดพลาดบ้าง เพื่อที่พวกเขาจะได้จำไว้เป็นบทเรียนไว้ปรับปรุงแก้ไขตัวเองในอนาคตครับ สิ่งนี้เองก็ดีต่อการเงินและการลงทุนของเด็กๆในอนาคตเช่นกัน ที่พวกเขาจะต้องรู้จักรับผิดชอบวางแผนการเงินให้ดีๆ เพราะถ้าหากพลาด หรือใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้ขึ้นมา ผลกระทบนั้นใหญ่หลวงกว่าแค่ไม่มีเสื้อผ้าใส่แน่นอน
5. อยากได้อะไร อดทนรอหน่อยก็ดีนะ
สอนลูกให้มีความอดทนกับสิ่งของที่อยากได้ โดยให้พวกเขารู้วิธีการออมเงินที่ถูกต้องเพื่อจะได้ซื้อของที่อยากได้เหล่านั้น ไม่ใช่ว่าหาทางซื้อมันให้ได้ในทันที นั่นจะยิ่งทำให้เมื่อลูกได้สิ่งของที่ต้องการภายหลังจากการออมเงินอย่างหนักหน่วงแล้ว เขาก็จะรู้สึกภูมิใจและเห็นคุณค่าของของชิ้นนั้นอย่างมาก โดยที่ไม่ทิ้งมันไปแล้วซื้อของใหม่เพิ่มเติมมาเรื่อยๆ
เราควรฝึกลูกให้เป็นแบบนี้ นั่นเป็นเพราะค่านิยมสังคมสมัยใหม่มักให้ค่ากับการได้ของที่ต้องการในทันที ทำให้เราไม่รู้จักการอดทนรอ หรือการเห็นค่าของของสิ่งนั้นมากนัก เราก็จะเข้ามาสู่วงจรการซื้อของใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆต่อไป และในอนาคตเมื่อลูกโตขึ้นหากพวกเขาต้องการอยากได้อะไรในทันทีแต่ยังไม่มีเงิน ณ ขณะนั้น พวกเขาก็จำเป็นจะต้องไปกู้เงินเพื่อให้ได้มา ซึ่งการกู้เงินเองถ้าหากลูกไม่รู้จักวิธีการจัดการทางการเงินเพื่อจ่ายเงินคืนให้ทันครบกำหนด หนี้ที่มีอยู่ก็จะยิ่งบานออกมาเรื่อยๆ เป็นผลเสียกับพวกเขาเองอีกต่างหาก
6. พาออกไปดูโลกบ้าง
นั้นก็เพื่อจะได้รู้ว่า ณ สถานที่อื่นบนโลกนี้เขามีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่เป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะหมุนรอบตัวลูกเสมอไป อาจพาลูกไปเข้าโปรแกรมอาสาสมัครช่วยเหลือชนบท เขาจะได้ไปเห็นว่า อันที่จริงแล้วยังมีผู้คนอีกมากมายที่ประสบความทุกข์ยากลำบากมากกว่าลูกมากนัก น่าจะช่วยสร้างให้ลูกมีความเห็นใจแก่ผู้อื่น และลดความเห็นแก่ตัว และความเอาแต่ใจตนเองลงไปได้ อีกทั้งพวกเขาก็จะรู้คุณค่าของสิ่งของต่างๆ ว่าในแต่ละชีวิตคน กว่าจะได้สิ่งของที่ต้องการมานั้นต้องทำงานเหนื่อยยากแค่ไหน การพาลูกออกไปดูโลกกว้างก็จะช่วยเปลี่ยนมุมมองและทำให้พวกเขามีความคิดลึกซึ้งต่อชีวิตและต่อโลกมากขึ้นด้วย
7. ท้อได้แต่ห้ามถอย
เมื่อเด็กๆ เจอกับอุปสรรคขวากหนาม เราต้องคอยเป็นกำลังใจให้พวกเขาไม่ให้ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะว่าในชีวิตอีกยาวไกลนั้นเด็กๆ จะต้องเจออุปสรรคอีกมากมาย ถ้าหากพวกเขายอมแพ้เพียงเรื่องง่ายๆ ในตอนนี้ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็อาจจะไม่สามารถจัดการสิ่งใดๆในชีวิตให้ราบรื่นไปได้เลย
โดยคุณพ่อคุณแม่ต้องคุยกับเขาและฝึกให้เขาหาหนทางแก้ปัญหา ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ลูกพบเจอกับปัญหา มันเป็นที่ตัวเขาหรือไม่ และมีสิ่งใดที่เขาควรจะปรับปรุง น่าจะทำให้ลูกมีแรงลุกขึ้นสู้ มองเห็นข้อบกพร่องของตัวเองออก และพยายามแก้ไขมันซะ สิ่งนี้จะยิ่งช่วยให้เมื่อลูกโตขึ้น หากต้องมีการแก้ปัญหาทางด้านการเงินพวกเขาจะได้ชี้จุดที่มีปัญหาออก แล้วลงมือแก้ปัญหาให้เรียบร้อย
เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ไม่ตามใจลูกเกินไป ซึ่งการสอนลูกให้มีความรับผิดชอบถือเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อพวกเขาโตขึ้นก็รู้จักเรื่องการใช้เงิน และไม่กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เสียคน รวมไปถึงเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจคนอื่น อย่างแน่นอน
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- สอนลูกเรื่องการออมเงิน ควรเริ่มเมื่อไหร่ดี?
- แนะพ่อแม่10 วิธี สอนลูก เพื่อรับมือกับอนาคต
- 9 วิธี เลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ บอกเลยทำง่ายไม่ยาก
- 8 ข้อควรสอนหาก อยากให้ลูกเป็นคนดี โตอย่างมีคุณภาพ
- ชีวิตลูก ต้อง (ฝึกให้) ลูกรับผิดชอบเองได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.gobear.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่