AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ผิดไหม? ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกสาวเล่นรถ พ่อแม่ควรทำไงดี!

ผิดไหม! ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกสาวเล่นรถ ลูกเบี่ยงเบนทางเพศรึเปล่า พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี?

ทำจะอย่างไรดี หาก ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ส่วน ลูกสาวเล่นรถ แบบนี้แปลว่า ลูกเบี่ยงเบนทางเพศ หรือเปล่า? พ่อแม่ควรปล่อยให้ ลูกชายเล่นตุ๊กตา ไปแบบนี้ หรือควรหยุด!!

ผิดไหม? ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกสาวเล่นรถ

“เมื่อลูกชายชอบสีชมพู ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกชายชอบเล่นทําอาหาร
ส่วน ลูกสาวชอบสีฟ้า ลูกสาวชอบเล่นรถ เล่นหุ่นยนต์”

เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องเริ่มเป็นกังวล เมื่อเห็นลูกเล่นของเล่นในแบบที่ไม่สมดุลกับเพศของเขา คือ เด็กชายเล่นของเล่นของเด็กผู้หญิง ส่วนเด็กหญิงเล่นของเล่นเด็กผู้ชาย

ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้พ่อแม่เกิดคำถามขึ้นในใจว่าลูกของเราเมื่อโตขึ้นไปจะมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศหรือไม่ โดยเรื่องนี้ก็ได้มีคำพูดที่ว่า “ของเล่นทั้งหมดนั้นแท้ที่จริงแล้วสะท้อนให้เห็นจักรวาลขนาดเล็กที่เป็นโลกของผู้ใหญ่” ซึ่งเป็นคำพูดของโรลอง บาร์ตส์ นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ในหนังสือสุดคลาสสิกของเขาชื่อ มายาคติ ที่พยายามชี้ให้เห็นเรื่องบางเรื่องในสังคมที่เรารู้สึกว่าเป็นปกตินั้น แท้จริงแล้วมันกลับเป็นภาพลวงหรือมีบางสิ่งบางอย่างแฝงอยู่

ทำให้พ่อแม่บางคนรู้สึกแปลกๆ หรือไม่พอใจที่ ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ชอบเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ เช่นเดียวกับที่ผู้หญิงไม่ควรเล่นรถยนต์หรือหุ่นยนต์มากเท่าไร

อย่าให้ของเล่น เป็นกรงขังเพศของเด็ก

ในอดีตเมื่อกำหนดให้เด็กผู้ชายต้องเล่นรถถังหรืออาวุธ ส่วนเด็กผู้หญิงเล่นตุ๊กตาได้อย่างเดียว จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก แต่สาเหตุที่ทำให้เด็กต้องเล่นของเล่นอย่างนั้นอย่างนี้ตามเพศทางกายภาพของเขา ก็เป็นผลมาจากกระบวนการขัดเกลาทางสังคม ไม่ว่าจะมาจากพ่อแม่ ครอบครัว สื่อ และโรงเรียน ที่มีส่วนต่อการสร้างหรือก่อรูปต้นแบบของเพศสภาพต่อเด็ก และยังทำหน้าที่สร้างลักษณะเฉพาะของพฤติกรรมทางเพศ บ่มเพาะปมความเป็นชาย ปมความเป็นหญิงให้เกิดขึ้นกับเด็กอย่างมาก

สาเหตุที่มีการเลือกของเล่นข้างต้นให้เด็กแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากความเชื่อว่า เด็กผู้ชายเป็นพวกที่มีนิสัยชอบการแข่งขัน ก้าวร้าว และชอบเครื่องยนต์กลไก ก็เลยทำให้ได้หุ่นยนต์และอาวุธเป็นของเล่นเสมอ ในขณะที่เด็กผู้หญิงจะถูกคาดหวังว่าเป็นคนที่รักสวยรักงาม ชอบการดูแลคนและเด็ก (เช่นเดียวกับต้องเป็นภรรยาที่ดีในอนาคต) ก็เลยทำให้ได้ตุ๊กตาบาร์บี้ ชุดทำกับข้าว หรือชุดปฐมพยาบาลไปเล่น

อย่างไรก็ดี บางอย่างย่อมมีข้อยกเว้น เราจึงไม่อาจมองอะไรแบบสุดโต่งได้เสมอไป เพราะมีงานวิจัยจำนวนหนึ่งที่ทำการทดลองกับเด็กแล้วพบว่า เด็กบางคนก็มีกลไกบางอย่างในการที่จะเลือกของเล่นตรงกับเพศของตัวเองเหมือนกัน คือเด็กชายวิ่งไปหาหุ่นยนต์ โดยที่อิทธิพลของพ่อแม่หรือสังคมไม่ได้แสดงผลอย่างมีนัยชัดเจน และก็พบเช่นกันว่าเด็กผู้หญิงมักชอบเล่นของเล่นผู้ชาย มากกว่าของเล่นผู้หญิง

แต่สรุปสั้นๆ ก็คือ เพศสภาพของเด็กนั้นถูกลับถูกสร้างโดยผ่านโลกของผู้ใหญ่ไม่ระดับใดก็ระดับหนึ่ง หรือพูดอีกแบบก็คือ ความเป็นชายเป็นหญิงของเด็กนั้นมาจากสังคมผู้ใหญ่ไม่ใช่ตัวเด็กเองทั้งหมด    

อ่านต่อ >> “พ่อแม่ควรทำอย่างไร
หากลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกสาวเล่นรถ” คลิกหน้า 2


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : thestandard.co/postmodern-children

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ทั้งนี้ตามข้อมูลของกรรมการสิทธิมนุษยชน (ปี 2-14) ได้กล่าวว่า เด็กที่เป็นเพศทางเลือก (LGBTI) บ่อยครั้งมักได้รับความรุนแรงภายในโรงเรียน ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมและอัตลักษณ์ของเด็ก เช่นเดียวกับแรงกดดันที่เด็กได้รับจากพ่อแม่หรือสังคมที่นำไปสู่นิสัยก้าวร้าวของเด็กอีกด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กพัฒนาพฤติกรรมที่ชอบต่อต้านสังคมขึ้น

ดังนั้น จึงเชื่อว่าเพศสภาพนั้นสามารถก่อรูปขึ้นได้ผ่านจากสิ่งของ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพฤติกรรมและบุคลิกลักษณะของเด็ก เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างเหมาะสม จึงควรให้เด็กเลือกของเล่นตามที่เขาอยากจะเล่น ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ก็ได้ หรือจะแต่งกาย และทำทรงผมของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามความคาดหวังของสังคม เพราะจะช่วยทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมเชิงบวกและมีสุขภาพจิตที่ดี

เด็กควรเล่นอะไรดีที่สุด

สำหรับการเล่นของเล่น ของเด็กในยุคสมัยนี้ นักคิดแบบโพสต์โมเดิร์น (Postmodernism) หรือ ยุคสมัยใหม่ ซึ่งเป็นพวกที่ไม่เชื่อความคิดเชิงเดี่ยวหรือครอบจักรวาล คือไม่เชื่อว่าอะไรเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ควรเคารพความแตกต่างและหลากหลาย (ว่ากันโดยทฤษฎี ส่วนปฏิบัติจะทำได้มากน้อยอีกเรื่องหนึ่ง) เพศไม่ได้เป็นสิ่งที่ตายตัว ต้องไร้โครงสร้างของความคิดแบบเดิมๆ

ด้วยวิธีคิดดังกล่าว ทำให้พวกเขามองว่าเด็กในโลกยุคโพสต์โมเดิร์นควรมีสิทธิที่จะเลือกเล่นของเล่นอะไรก็ได้ตามเพศสภาพของเขา หรือจะข้ามเพศสภาพก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะต้องไม่ลืมว่าเด็กนั้นมีสิทธิของเด็ก ในการที่จะเลือกสิ่งที่เขาชอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อแม่ในยุคใหม่จะต้องพยายามทำความเข้าใจทั้งต่อตัวเด็กและความหมายที่แฝงมาพร้อมกับของเล่น

อีกข้อหนึ่งก็คือ พ่อแม่ยุคโพสต์โมเดิร์นควรจะเข้าใจต่อความหลากหลายของเพศสภาพของเด็กให้มากขึ้น ควรยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศ บทบาท หรือการแสดงออกของบุคคลที่แตกต่างไปจากบรรทัดฐานทางสังคมกระแสหลักที่มักจะยึดติดกับเพศใดเพศหนึ่งเป็นหลัก

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ! หาก ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกสาวเล่นรถ

ซึ่งในช่วงวัยเตาะแตะ หาก ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา หรือ ลูกสาวชอบเล่นรถ คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งตกใจไป ควรปล่อยให้เขาเล่นก่อน เพราะจริงๆแล้วการดูแลตุ๊กตาเป็นการแสดงให้เห็นว่าลูกมีทักษะในการเข้าอกเข้าใจคนอื่น ส่วนการที่ลูกสาวชอบเอารถมาเล่นชนกัน ก็แค่การทดลองเพื่อเรียนรู้เรื่องเหตุและผล เท่านั้นเอง ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกรู้จักความเป็นเพศหญิงและชายให้มากขึ้น อาจหาโอกาสบอกเขาว่า ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ควรทำอะไรบ้าง โดยเรื่องนี้ป้าหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า…

สิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กชายอยากเป็นชาย ไม่ใช่การที่ได้ของเล่นเป็นรถหรือชุดคาวบอย หากแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เป็นพ่อตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ย่อมทำให้เขาอยากโตขึ้นมาเป็นแบบเดียวกับพ่อ

การที่พ่อไม่ซื้อตุ๊กตาให้ลูกชายเล่นหรือแสดงความไม่พอใจเวลาที่ลูกชายชอบเล่นแบบเด็กหญิง ไม่ได้ช่วยให้ลูกชายอยากเป็นชายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม คือ ถ้าหากพ่อเป็นพ่อที่มั่นใจและเชื่อถือในความเป็นชาย จะไม่หวั่นไหวเวลาที่เห็นลูกชายเล่นตุ๊กตาสมมติว่าเลี้ยงน้อง เพราะความเป็นพ่อก็ต้องเลี้ยงลูกด้วยเช่นกัน

เด็กหญิงจะเลียนแบบแม่ แม่ที่สนับสนุนให้ลูกสาวได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ไม่ให้ความเป็นเพศหญิงมาเป็นอุปสรรค และแม่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง จะช่วยให้ลูกโตขึ้นมาอย่างมั่นใจและเข้มแข็ง หากแม่ซื้อแต่ตุ๊กตาและชุดทำกับข้าวให้เล่น แต่งตัวให้ลูกเป็นเจ้าหญิง ชุดระบายลูกไม้ตลอดเวลา จะทำให้ลูกสาวมีความคิดเกี่ยวกับความเป็นหญิงที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นจริง

เด็กหญิงควรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อ เพราะหากพ่อเพิกเฉยหรือทอดทิ้งลูกสาว ไม่ยอมเล่นบอลกับลูกสาว ไม่ให้เข้าแคมป์หรือตกปลา จะทำให้ลูกสาวรู้สึกต่ำต้อยในเพศของตัวเอง เด็กชายเล่นตุ๊กตาได้ฉันใด เด็กหญิงก็เล่นรถได้ฉันนั้น การใส่เสื้อผ้าที่เป็นยูนิเซ็กซ์ คือ ใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เช่น ยีนส์ เสื้อยืด ไม่ได้มีผลเสียแต่อย่างใด

การมอบหมายงานบ้านให้ทำก็เช่นกัน ควรทำเหมือนกัน ทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน เช่น จัดห้องนอน ล้างจาน ตัดหญ้า ล้างรถ หากแต่ลูกๆอยากจะแลกเปลี่ยนงานกันเองด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย ย่อมทำได้เช่นกัน โดยทั้งพ่อและแม่ควรทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของเด็ก นอกเหนือจากเรื่องพันธุกรรมที่อาจจะเป็นสาเหตุแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่มักเป็นต้นเหตุของพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศในเด็กก็คือ คือ เรื่องของปมชีวิตหรือการใช้ชีวิต สภาพสิ่งแวดล้อมหรือการเลี้ยงดูที่หล่อเลี้ยงเด็กมา ซึ่งนอกจากการปฏิบัติหน้าที่ของพ่อแม่ที่ชัดเจนแล้วดังที่กล่าวไปข้างต้นนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญสำหรับเด็ก ๆ และเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีสำหรับการเลี้ยงดู ก็คือ การให้ความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่นในครอบครัว เพราะหลายครั้งที่พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศในเด็กนั้นเกิดจาก การที่เด็กขาดความอบอุ่นนั่นเอง

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.facebook.com/SuthiRaXeuxPhirocnKicwww.paolohospital.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids