AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

วิจัยชี้! ลูกน้อยนอนตะแคงดีต่อสมอง

ทารกนอนตะแคง

ท่านอนตะแคงทารก ช่วยให้สมองดีได้ จริงหรือ? …เพราะการนอนหลับเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับลูกน้อย เพราะการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ และมนุษย์เราใช้เวลาเพื่อการนอนถึง 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมดที่มีในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นท่าที่ใช้นอนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะส่งผลให้ลูกน้อยนอนหลับสนิท ตลอดคืน และตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น แจ่มใส พร้อมที่จะเรียนรู้ในระหว่างวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลูกหลับแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรจะให้ลูกนอนท่าไหนดี

หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กล่อมลูกนอนได้แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่มักกังวลกันนั้นก็ คือ ถ้าให้ลูกนอนท่านี้ เดี๋ยวหัวลูกจะไม่สวยหรือเปล่า หรือนอนท่าไหนถึงจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกได้ Amarin Baby & Kids มีคำตอบเกี่ยวกับท่านอนที่จะช่วยให้ลูกน้อยสมองดี หัวสวย และมีสุขภาพแข็งแรงหลังตื่นนอน เพื่อพร้อมเรียนรู้ มาฝากค่ะ

♥ บทความแนะนำน่าอ่านแชร์ประสบการณ์ตรง!! สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อกล่อมลูกนอนหลับ
♥ บทความแนะนำน่าอ่าน :  เพลงกล่อมเด็ก แบบไทยๆ ช่วยพัฒนาสมองและให้ลูกน้อยหลับสบาย

วิจัยชี้ ท่านอนตะแคงทารก ดีต่อสมอง

มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสโตนีบรูค (Stony Brook University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารประสาทวิทยา (Journal of Neuroscience) เผยว่า สมองก็มีฟังก์ชันกำจัดขยะด้วยตัวเอง ผ่านระบบที่หมอตั้งชื่อว่า กลิมพาติก (Glymphatic System) ซึ่งทำงานคล้ายกับระบบต่อมน้ำเหลืองของร่างกาย โดยทุกคนให้ความสำคัญกับการค้นพบนี้ เพราะว่าขยะในสมอง เช่น อัลมีลอยด์ บีตา (Amyloid Beta) และโปรตีนเทา (Tau Proteins) เป็นตัวจุดชนวนโรคอัลไซเมอร์ และโรคระบบประสาทอื่นๆ

โดยระบบกลิมพาติก จะทำงานดีที่สุดขณะหลับ นักวิจัยจึงทำการทดลอง ผ่านการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อสำรวจเส้นทางของระบบนี้ในหนูทดลอง ขณะ นอนตะแคงข้าง นอนหงาย และนอนคว่ำ โดยเจ้าของงานวิจัย แพทย์หญิง ดร. เฮเลน เบนเวนิสเต อาจารย์มหาวิทยาลัย สรุปว่า หนูตัวที่นอนตะแคงข้าง สามารถกำจัดแอมีลอยด์ บีตาได้ดีกว่าถึงร้อยละ 25 และยืนยันว่า ขยะสมองเหล่านี้ไม่ได้มีต้นกำเนิดในสมองโดยตรง

ดร. เฮเลนอธิบายว่า…

การนอนตะแคงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองไขสันหลัง ท่านี้จึงทำให้สมองกำจัดขยะได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันโรคระบบประสาท นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน

อีกทั้ง ท่านอนตะแคงถือเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพที่สุด เพราะยังช่วยลดปัญหาการนอนกรน และดีต่อผู้ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่อง “งานวิจัยเผย นอนตะแคงดีต่อสมอง” เผยแพร่ใน www.cheewajit.com
แหล่งที่มา : www.goodlifeupdate.com/

อ่านต่อ >> “ให้ลูกน้อยนอนตะแคงดีจริงหรือ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่ลองพิจารณาถึงอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ จะเห็นว่าอวัยวะข้างขวาของร่างกายมักมีขนาดที่ใหญ่กว่าอวัยวะที่อยู่ข้างซ้าย

และนี้อาจคือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การนอนตะแคงขวาเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพ เพราะจะไม่ทำให้น้ำหนักไปกดทับอวัยวะที่อยู่ข้างซ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจ

♥ บทความแนะนำน่าอ่าน :  เปิดคัมภีร์ ทารกนอนหลับแบบไหน? ช่วยให้พัฒนาการดี

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ข้อดีและข้อควรระวังในการนอนของลูกน้อยแต่ละท่า

√ ท่านอนหงาย

ข้อดี 

ข้อควรระวัง

♥ บทความแนะนำน่าอ่านทารกฟินแลนด์นอนในกล่อง ได้ประโยชน์เหลือเชื่อ!

อ่านต่อ >> “นอนอย่างไรให้ลูกหัวสวย” คลิกหน้า 3

√ ท่านอนคว่ำ 

ข้อดี

ข้อควรระวัง

ซึ่งปัจจุบันเด็กหัวแบนกันมากขึ้น เนื่องจากทางการแพทย์แนะนำให้เด็กทารกนอนหงายมากกว่านอนคว่ำ  เพื่อป้องกันภาวะ SIDS (Sudden Death Syndrome) หรือโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตขณะนอนหลับ

หัวแบน สาเหตุเนื่องมาจากกระดูกของเด็กแรกเกิดเป็นกระดูกที่มีความอ่อน หากนอนทับอยู่ในตำแหน่งเดิมตลอดเวลาก็จะทำให้กะโหลกศีรษะของเด็กแบนได้ แต่สภาวะดังกล่าวนี้ไม่ได้ส่งผลอันตรายใด

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากให้ลูกหัวแบนมีคำแนะนำง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

วิธีป้องกันลูกหัวแบน

ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ท่านอนในแต่ละแบบ ทั้งนอนหงายและคว่ำ ต่างก็มีข้อดี และข้อควรระวังแตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่ควรสลับเปลี่ยนให้ลูกนอนคว่ำและหงายบ้าง เพื่อฝึกพัฒนาการด้านร่างกายเช่น การชันคอ ยกศีรษะ ขยับแขน ขยับขา เป็นต้น แต่ปัจจัยสำคัญในการเลือกท่านอนของลูกต้องขึ้นอยู่กับอายุของลูกด้วย

ทั้งนี้ในเรื่องของท่านอนหงาย นอนคว่ำ หรือนอนตะแคง นอนแบบไหนถึงจะดีสำหรับลูกที่สุด สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงวัยของลูกด้วยว่า ควรจะนอนท่าทางแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับวัย เพื่อการนอนหลับที่ดี และช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายไปพร้อมๆ กันค่ะ

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.momlovelybaby.com , baby.haijai.com