ป้อนกล้วยลูก …กล้วย เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์ อุดมด้วยวิตามินมากมาย แต่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ไว้ว่า ห้ามป้อนกล้วยให้กับลูกน้อยที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน เพราะอาจเป็นอันตรายมากๆ ถึงขั้นเสียชีวิตได้
การป้อนกล้วยเป็นอีกหนึ่งเรื่องความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ ที่เมื่อเด็กอายุได้ประมาณหนึ่งก็เริ่มจะให้กินอาหารที่อ่อนๆนิ่มๆ กัน ซึ่งกล้วยก็เป็นตัวเลือกยอดฮิต เพราะหาง่าย นิ่ม กินแล้วหนักท้อง แต่ตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว องค์การอนามัยโลก ยูนิเซฟ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนไม่ควรกินอะไรนอกจากนม โดยเฉพาะถ้าเป็นนมแม่ยิ่งดีที่สุด
ส่วนเหตุผลที่ว่า ต้องการให้ลูกอายุยังไม่ถึง 6 เดือน กินกล้วยเข้าไปเพื่อให้อยู่ท้อง จะได้หลับนานๆ จะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาดูดนมแม่บ่อยๆ นั้น ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเคยมีกรณีที่ป้อนกล้วยให้กับเด็กอายุยังไม่ถึงเดือนด้วยเหตุผลนี้ ผลที่เกิดขึ้น คือ กล้วยไปทำให้ลำไส้อุดตัน กระเพาะอาหารแตก และเสียชีวิต
…ดังนั้นถ้ามีปัญหาลูกตื่นบ่อย ให้หาทางแก้ปัญหาโดยวิธีอื่น ไม่ใช่แก้ปัญหาโดยการป้อนกล้วย เช่น ตื่นบ่อยเพราะไม่ชอบถูกวางให้นอนเพียงลำพัง ก็ให้เอามาอุ้มบ่อยๆ ไกวเปลให้มีการเคลื่อนไหวเหมือนอยู่ในท้องแม่ ลูกก็จะหลับได้ดีขึ้น แต่ถ้ามีนมแม่ไม่พอจริงๆ ควรไปคลินิกนมแม่เพื่อหาสาเหตุ และ หาทางเพิ่มน้ำนม และในระหว่างที่น้ำนมยังไม่มาเต็มที่ ก็ให้เสริมนมผงที่ลูกไม่แพ้ไปก่อน แต่ไม่ใช่ให้กล้วย
Must read : ไขคำตอบ สารอาหารในนมแม่ชนิดใดที่ทำให้ลูกฉลาด?
Must read : แนะนำพ่อแม่มือใหม่! ขั้นตอนการเตรียมนมและวิธีชงนมที่ถูกต้องเพื่อไม่ไห้เกิดฟอง (มีคลิป)
เหตุผลที่ไม่ควรป้อนกล้วย ทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน
1. เด็กทารกสำลักอาหารได้ง่าย
เพราะระบบการกลืนอาหารของทารกยังไม่พร้อมที่อายุ 3-4 เดือน และในช่วงอายุน้อยกว่า 6 เดือน การกินอาหารของเด็กจะเป็นระบบอัตโนมัติ (reflex) เหมาะสำหรับการดูดกลืนของเหลว เช่น นม หากเป็นกล้วย จะมีความหนืด และแข็งมากกว่าโอกาสสำลักก็มีมากขึ้น นอกจากนี้การตั้งคอของเด็กในช่วงก่อน 6 เดือนก็ยังไม่ดี ซึ่งหากเกิดการสำลัก เด็กก็จะไม่สามารถช่วยตัวเองได้ค่ะ
2. ทำให้การย่อยในลำไส้มีปัญหา
ในช่วงก่อนอายุ 6 เดือน ในลำไส้ของทารกยังมีการสร้างเอนไซม์เพื่อใช้ในการย่อยแป้ง ไขมันได้ไม่สมบูรณ์ และยังมีปริมาณแบคทีเรียที่ช่วยย่อยในทางเดินอาหาร (Probiotic) ไม่เพียงพอ การเริ่มอาหารแข็งเร็วเกินไปจะทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหา เกิดลำไส้อุดตันในเด็กทารก เกิดกระเพาะอาหารแตกได้ ซึ่งอันตรายมาก เสียชีวิตได้เลยนะคะ มีเคสเกิดขึ้นมาแล้ว
อ่านต่อ >> “เหตุผลที่ไม่ควรป้อนกล้วย ทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน”
คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
3. เพิ่มโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
หลายกลไก ทั้งจากการสำลักอาหาร หรือจากเชื้อที่ผ่านไปทางลำไส้ จะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อของทารก
4. ขาดสารอาหาร
หากเปรียบเทียบกับนมแม่แล้ว ปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ ที่อยู่ในกล้วยนั้นน้อยกว่าในนมมาก โดยเฉพาะสารอาหารในกลุ่มแคลเซียม และไขมันที่จำเป็น ค่ะ หากให้ทารกรับประทานกล้วยหรือ อาหารเสริมอย่างอื่นและลดปริมาณการรับประทานนมแม่ลง ก็อาจจะส่งผลให้ทารกขาดสารอาหารบางอย่างได้
5. อ้วน
ปริมาณสัดส่วนสารอาหารที่จำเป็นไม่ได้เหมาะสมกับทารกเท่าที่ควร เนื่องจากมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตอยู่เยอะ และบางบ้านยังเพิ่มสารให้ความหวานพวกน้ำตาลลงไปอีก เพื่อให้ป้อนได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เด็กติดหวาน และอ้วนได้ค่ะ
6. ตื่นตอนกลางคืน ร้องไห้ งอแง
การกินกล้วย หรืออาหารแข็งอื่นๆ นอกจากจะไม่ช่วยให้อิ่มท้อง นอนหลับสบายแล้ว ยังทำให้ทารกเกิดอาการท้องอืด นอนไม่หลับ ตื่นมาร้องตอนกลางคืนอีกตะหาก
Must read : แก้ปัญหาลูกน้อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง เลือกยาตัวไหนให้ลูกดี?
√ ข้อสรุปเกี่ยวกับการ ป้อนกล้วยลูก
หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการป้อนกล้วยให้ลูกน้อย ควรป้อนหลังอายุ 6 เดือน และบดให้นิ่มๆ ป้อนเล็กน้อยพอ เพราะนมแม่ คือ อาหารที่ดีที่สุดของทารก หรือหากหลายคนอาจบอกว่า โบราณก็ป้อนกันมาตั้งเยอะ ไม่มีใครตาย จริงๆแล้วอาจจะมีการตายแต่ไม่ได้เก็บสถิติบันทึกข้อมูล จดรายละเอียดไว้ ว่าตายเพราะกินกล้วย แต่หากใครรอดมาได้ถือว่าเป็นผู้โชคดีค่ะ อย่าลืมนะคะว่าสมัยก่อนเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน อัตราการรอดชีวิตของทารกในสมัยก่อนต่ำกว่าสมัยนี้ค่ะ
อ่านต่อ >> “ประโยชน์ของกล้วยที่เด็กควรกิน” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
“กล้วย” ซึ่งเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกันมานานแสนนาน เพราะเมืองไทยเป็นแหล่งปลูกกล้วยหลายพันธุ์ เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยหักมุก กล้วยเล็บมือนาง กล้วยเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย หาง่าย กินง่าย สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารคาวหวานได้ มีรสชาติหวานหอมอร่อย อีกทั้งมีประโยชน์และสรรพคุณมากหลาย ยิ่งเฉพาะในเรื่องโภชนาการแล้วต้องถือว่ากล้วยเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากทีเดียว จึงมีประโยชน์แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กๆแล้วมักไม่พลาดที่จะต้องกินข้าวบดกับกล้วยจากฝีมือคุณแม่แน่นอน แต่ก็ควรให้ลูกทานได้หลังจากอายุ 6 เดือนขึ้นไป ตามเหตุผลที่กล่าวไว้ข้างต้น >> คลิก!! เพื่อย้อนกลับไปอ่าน เหตุผลที่ไม่ควรป้อนกล้วย ทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน
ประโยชน์ของกล้วยต่อเด็ก
√ กล้วยช่วยในการเจริญเติบโตทางร่างกายของทารก
กล้วยเป็นผลไม้ที่เหมาะเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กทารกโดยตรง เพราะเนื้อมีลักษณะนิ่ม ง่ายต่อการกินของทารกที่ยังไม่มีฟันหรือที่ฟันเพิ่งเริ่มขึ้น นอกจากนี้ กล้วยยังมีคุณค่าของธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกด้วย เช่น มีกรดอะมิโนและเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับเด็กทารกหลายชนิด อีกทั้งมีส่วนประกอบของโปรตีนที่ใกล้เคียงกับน้ำนมแม่ เราจึงเห็นภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันที่ใช้กล้วยน้ำว้ามาบดกับข้าวให้เด็กทารกกินเป็นอาหารเสริม เพราะทำให้เด็กทารกมีสุขภาพแข็งแรง
√ กล้วยเพิ่มประสิทธิภาพสมองของเด็ก
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูงมากที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด เพราะในผลกล้วยสุกหนัก 100 กรัมมีสารโปแตสเซียมประมาณ 370 มิลลิกรัม ซึ่งสารโปแตสเซียมในกล้วยมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มพลังให้สมองตื่นตัว สมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กเรียนที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ทางโรงเรียนจัดอาหารว่างตอนเช้าคือนมกับกล้วยน้ำว้าให้เด็ก ๆ ได้รับประทานทุกวัน เพราะเป็นการช่วยเตรียมสมองให้พร้อมสำหรับการเรียนนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเรื่อง The Many Benefits of Bananas (ประโยชน์มากมายของกล้วย) ของโรงเรียน Twickenham ในแคว้น Middlesex ที่ประเทศอังกฤษ พบว่านักเรียน200คน ที่รับประทานกล้วยหอมในมื้อเช้าและมื้อกลางวันเป็นประจำทุกวัน มีผลการเรียนอยู่ในระดับดี (2005) ดังนั้น กล้วยจึงเหมาะกับวัยเด็กซึ่งเป็นวัยเรียนรู้ที่ต้องใช้สมองและใช้ความคิดในการเรียนรู้
√ กล้วยช่วยเพิ่มพลังงานแก่เด็ก
ในกล้วยสุก มีน้ำตาล 3 ชนิด คือ กลูโคส ซูโคส และฟรุคโตส และมีคาร์โบไฮเดรตสูงถึง 22.2 กรัม (คำนวณจากกล้วยที่มีน้ำหนัก100กรัม) ดังนั้น กล้วยจึงให้พลังงานอย่างดี เหมาะสำหรับเด็กๆในวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตและชอบเคลื่อนไหวร่างกายในการวิ่ง กระโดด เล่น ทำกิจกรรมต่าง ๆ การให้เด็ก ๆ รับประทานกล้วยทุกวันจึงสามารถช่วยกระตุ้นให้สมองและร่างกายของเด็กให้ทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไวและกระฉับกระเฉง
อ่านต่อ >> “ประโยชน์ของกล้วยที่เด็กควรกิน” คลิกหน้า 4
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
√ กล้วยช่วยทำให้เด็กอารมณ์ดี
กล้วยหอมมีวิตามินบีอยู่มาก ซึ่งมีสรรพคุณที่สามารถช่วยลดความเครียดได้ นอกจากนี้ กล้วยยังมีโปรตีนชนิด try potophan ซึ่งช่วยทำให้เด็กรู้สึกอารมณ์ดี มีความสุข และสารโปแตสเซียมทำให้หัวใจทำงานได้ดี จึงส่งผลให้ออกซิเจนออกไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ ร่างกายจึงเกิดการผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้ความเครียดลดลง
√ กล้วยช่วยเรื่องระบบขับถ่ายของเด็ก
- ช่วยแก้อาการท้องผูก การให้เด็กรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้เด็กไม่มีอาการท้องผูก เพราะกล้วยมีเส้นใยอาหารอยู่มาก จึงช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวก
- ช่วยแก้อาการท้องร่วง นำกล้วยดิบมาฝานเป็นแว่นบาง ๆ ทั้งเปลือก ตากแห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียดเป็นผงใช้ชงดื่ม ช่วยรักษาอาการท้องเสียหรือท้องเดิน อีกทั้งสามารถลดอาการท้องเฟ้อท้องอืดได้อีกด้วย
และนอกจากประโยชน์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วนี้ ในกล้วยยังมีวิตามินบี1ที่มีสรรพคุณในการป้องกันโรคเหน็บชา มีวิตามินซี ใช้ป้องกันโรคหวัด มีแมกนีเซียม ช่วยควบคุมความดันเลือดและมีแคลเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และปัจจุบันยังมีการสนับสนุนให้กินกล้วยมื้อเช้าทุกวันเพื่อล้างพิษและลดไขมันในร่างกายอีกด้วย (Hamachi,Asa Banana Diet,2008)
จะเห็นได้ว่า กล้วยๆ มีประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นที่มีราคาแพงกว่า อีกทั้งกล้วยยังหากินได้ง่าย มีทุกฤดูกาลและราคาถูกอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูก ๆ ได้กินกล้วยกันทุกวันเพื่อสุขภาพร่างกาย สมองและอารมณ์ที่ดีของเด็ก ๆ นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ดีเพื่อให้ลูกได้รับประโยชน์ของกล้วยอย่างถูกต้องและเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่ควรป้อนกล้วยลูกให้ถูกเวลา ถูกต้องตามวัยที่ลูกควรกินด้วย เพราะถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ป้อนกล้วยให้ลูกที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน เนื่องจากก่อน 6 เดือนเด็กยังมีกระเพาะอาหารและลำไส้ไม่แข็งแรงเต็มที่ ระบบการย่อยยังไม่สมบูรณ์ หากกินอาหารอื่นที่ไม่ใช่นมเข้าไป อาจมีความผิดปกติได้ เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย แพ้อาหารเนื่องจากเยื่อบุลำไส้ยังอยู่กันหลวมๆ ทำให้โปรตีนแปลกปลอมเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือด ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารต่อต้านโปรตีนแปลกปลอม แล้วนำไปสู่การเกิดโรคภูมิแพ้ในอนาคต
แม้ว่าสารอาหารในกล้วยมีอยู่ประมาณ 20 กว่าชนิด แต่ในขณะที่สารอาหารในนมแม่มีมากกว่า 200 ชนิด ดังนั้นเทียบกันไม่ได้เลย แล้วทำไมถึงต้องรีบสละการกินอาหารที่มีสารอาหารมากกว่า ไปกินอาหารที่มีสารอาหารน้อยกว่าด้วย ผลไม้ย่อมเป็นอาหารที่มีประโยชน์แน่นอน แต่ต้องเริ่มกินในเวลาที่เหมาะสม
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!
- กล้วยบด รับประทานก่อน 6 เดือน เสี่ยงติดเชื้อ
- สุดเศร้า ทารกวัย 1 เดือนเศษ ตายเพราะป้อนกล้วยบด
- 10 เคล็ดลับ ป้อนอาหารลูกเล็กอย่างปลอดภัย
- ลำไส้อักเสบ เพราะกินอาหารเสริมก่อนวัยอันควร
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th , www.bnhhospital.com พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด