AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

แนวทางการเลี้ยงลูก ดีๆ แม้ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน”

แนวทางการเลี้ยงลูก จะ “รวย” แค่ไหน… ก็ต้อง เลี้ยงลูก แบบ “จน” เพราะการเลี้ยงลูกสมัยนี้ นับเป็นเรื่องท้าทายของคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างมาก

สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคน อาจเป็นกังวลและคิดวางแผนไว้ก่อนมีลูกว่า ถ้ามีลูกแล้วจะเลี้ยงแบบไหนดี? เพื่อให้ลูกโตมามีชีวิตที่ดี มีความสุข ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันได้ …ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าหากมีลูกแล้วต้องมีหลายเสียง หลายคน และหลายตำรา ที่มีคำแนะนำเรื่องการเลี้ยงลูกมากมาย ซึ่งต้องได้ผ่านหูผ่านตากันมาอย่างแน่นอน

แต่ก็เชื่อว่าสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อแม่  ย่อมมีวิธีการเลี้ยงลูกที่ดีในแบบฉบับของตัวเองกันอยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางดี ๆ ในการเลี้ยงลูก Amarin Baby & Kids จึงมีข้อคิดดี ๆ เป็นแนวทางในการเลี้ยงลูก เพื่อให้ลูก ๆ ของคุณหันมาตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้อย่างไม่ลังเลใจ มาฝากค่ะ

อยากให้คุณพ่อคุณแม่อ่าน แนวทางการเลี้ยงลูก ดี ๆ แม้ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน”

โดยเรื่องราวนี้มาจาก คุณ “ขจรศักดิ์” ซึ่งเป็นผู้แปลและเรียบเรียง ไว้เมื่อวันที่ 6/4/17 มีใจความว่า…

วันนั้น  พาลูก ไปร้านเครื่องเขียน

ลูกอยากได้กล่องดินสอ  เลือกแบบสุดหรู 

แต่ ผมให้ซื้อ แบบธรรมดาที่ใช้งานได้ดี เหมือนกัน

หน้างอ ขึ้นมาทันที 

อยากได้ ไม้บรรทัด  ก็อยากได้ แบบวิจิตรพิสดาร

ผมให้เลือกแค่ แบบพื้นฐานที่ใช้งานได้เหมือน มาตรฐานทั่วไป

หน้าก็ยิ่ง งอหนัก เข้าไปอีก 

ผมไม่ได้ว่าอะไร 

ตั้งใจ ก่อนนอนคืนนี้  จะชี้แนะลูก ด้วยการ เล่านิทานเปรียบเปรย ให้เข้าใจ

หลังจากได้ เป็นพ่อคนแล้ว  ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูก ไม่ให้เหมือนแบบที่ชาวเอเชียเขานิยมทำกัน  ที่มัก ไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ในหิน ประคบประหงม เกินพอดี

หลายปีผ่านไป  ผมรู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงลูกของผมจะลำบากมากขึ้นทุกวัน  จนกระทั่งวันหนึ่ง  ผมได้อ่านจดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งที่โพสต์ลงในบอร์ดของมหาวิทยาลัยนานกิง

จดหมายจากผู้ใช้นานว่า “พ่อผู้ขมขื่น” เขียนถึงลูกเขาที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น  แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูก จดหมายฉบับนี้มีคุณค่ามากในสายตาของผม

……………………………………………………………………………………………

ถึงลูกรักของพ่อ

แม้ลูกจะทำให้พ่อทุกข์ใจเกินบรรยาย  แต่ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่อ อยู่วันยังค่ำ

หลังจากที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว  อาจเป็นเพียงคนเดียวของตระกูลเราในรอบหลายชั่วอายุคนที่ทำได้สำเร็จ

อ่านต่อ >> แนวทางการเลี้ยงลูก ดี ๆ แม้ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

หลังจากนั้น พ่อชักไม่แน่ใจว่าตกลงใครเป็นพ่อและใครเป็นลูกกันแน่

พ่อช่วยแบกสัมภาระ ไปส่งลูกถึงหอพัก  ช่วยกางมุ้ง  ปูที่นอน  ซื้อกับข้าวกับปลา  ต้องสอนแม้กระทั่งวิธีบีบยาสีฟันออกจากหลอด

ทั้งหลายทั้งปวง  ดูเหมือนว่ามันเป็นหน้าที่ที่พ่อสมควรต้องทำให้  ไม่ได้ยินคำว่าขอบคุณสักคำจากลูกตั้งแต่ต้นจนจบ

รู้สึกด้วยซ้ำว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พ่อผู้ด้อยความสามารถคนนี้มีโอกาสได้รับใช้ลูกทูนหัว ที่บัดนี้ได้เป็นนักศึกษาผู้ทรงเกียรติไปแล้ว

ปีแรกทั้งปี  ที่บ้านได้รับจดหมายจากลูกสามฉบับ  ข้อความรวมกันแล้วอาจยาวกว่าข้อความในโทรเลขหนึ่งฉบับสักหน่อย  ข้อความย่นย่อ  ลายมือหวัดอ่านยาก  มีแต่คำว่า “เงิน” นี่ตั้งใจเขียนได้ชัดเจนที่สุด

พอขึ้นปีที่สอง  จดหมายมาแบบถี่ๆ  ล้วนขอเงินเพิ่ม  ลีลาการเร่งเร้าให้ส่งเงิน  ข้อความที่เรียกร้องความเห็นใจ  รับรู้ได้ถึงว่า  หากเรียนจบแล้ว  ลูกสามารถไปยึดอาชีพเป็น พวกเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สินได้เยี่ยมแน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้พ่อเจ็บปวดที่สุดนั้น  มาจากการที่ลูกอาจหาญ ถึงขั้น ปลอมแปลงตัวเลขจำนวนเงิน ที่ต้องจ่ายค่าหน่วยกิต ของมหาวิทยาลัย 

ไม่คิดว่าลูกจะใช้วิธีนี้  มาหลอกลวงเงินทองจากผู้เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิด  เลี้ยงดู  รักใคร่ลูกมาตลอด  เพียงเพื่ออยากได้เงินเพิ่ม ไปเที่ยวผับ  เที่ยวบาร์และร้องคาราโอเกะ…

คิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ ก็เจ็บปวดเมื่อนั้น  นอนไม่หลับ  จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า  สาเหตุก็มาจากลูก  คนที่พ่อเลี้ยงดูด้วยมือจนเติบใหญ่  แต่กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าในร่างของนักศึกษา

ขอภาวนาในใจว่า นอกจากวิชาความรู้ต่างๆที่ลูกจะเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาแล้ว  ลูกจะกรุณาพัฒนาจิตใจให้เป็นคนซื่อสัตย์และกตัญญูรู้คุณด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด…….


……………………………………………………………………………………………

หลังจากได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าผมยังต้องเดินหน้าทำตามนโยบายในการดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก

แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้างลำบาก ในสังคมของเรา

มีอยู่วันหนึ่ง  เพื่อนสมัยเรียนที่ย้ายไปออสเตรเลียกลับมาเยี่ยมบ้าน มีโอกาสได้นั่งคุยกัน

เขาเล่าว่า  คนออสเตรเลียนอกจากเชื่อถือในพระเจ้าแล้ว  อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นก็คือ  วิธีการเลี้ยงลูกแบบ “จะรวยแค่ไหน  ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน”

พวกเขาเชื่อว่า  เด็กที่เติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลปกป้องมากไป ของพ่อแม่

เมื่อโตแล้ว จะไม่มีปัญญา ที่สามารถ ยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง

และก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่น  แม้กระทั่งพ่อแม่ตนก็ตาม

 

อ่านต่อ >> แนวทางการเลี้ยงลูก ดี ๆ แม้ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

วันถัดมาเรามีโอกาสออกไปทำธุระด้วยกัน เจอฝนระหว่างทาง

เขาเห็นเด็กน้อยถูกห่อหุ้มด้วยผ้านวมอย่างหนากลมไปหมดทั้งตัว จนดูคล้าย “ลูกบอลยัดนุ่น”

เขาบอกว่า  “เด็กควรจะใส่เสื้อผ้าน้อยกว่าผู้ใหญ่หน่อย” เขาเล่าว่าในออสเตรเลีย  แม้หน้าหนาวก็จะไม่เห็นเด็กที่ถูกห่อแบบ “ลูกบอลยัดนุ่น” เหมือนที่เห็น 

หรือในวันแดดจ้า  แม้เด็กจะนั่งอยู่ในรถเข็นเด็ก  แต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแข็ง  ไม่ยอมดึงที่บังแดดออกมา กันแดดให้ลูก

เด็กที่วิ่งเล่นแล้วหกล้มเอง พ่อแม่ก็จะยืนดูเฉยๆ ให้ลูกลุกขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง ต่างๆ นานา ล้วนพยายาม ให้ลูก ฝึกช่วยตัวเอง และอดทน ให้มากที่สุด

ธรรมเนียมของครอบครัวชาวเอเชียอย่างพวกเรา  หลักการที่ยึดติดมานานกับนโยบายที่ว่า  “จะยากจนแค่ไหน  ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก”

สงสัย จะถึงเวลาต้อง ทบทวนกันใหม่ ได้แล้ว

การเลี้ยงลูกของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้  ตอนลูกยังเล็กและอ่อนแอ  บางชนิดอมลูกไว้ในปาก บางชนิดซุกลูกไว้ใต้ปีก  กลัวลูกๆจะไม่ปลอดภัย 

แต่พอลูกเริ่มโตได้ที่แล้ว  พวกเขาจะไล่ลูกออกไปอย่างไร้เยื่อใย  ให้ลูกไปเผชิญกับโลกภายนอกเอง  ไปฝึกวิทยายุทธ์เอง  ไปเผชิญปัญหาและมรสุมทุกรูปแบบ  แล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน

เห็นหรือยังว่าแม้แต่สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการที่ว่า “โอ๋ลูกจนไม่ลืมหูลืมตา  ก็คือการฆ่าลูกแบบเลือดเย็น”

จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน” ด้วยวิธีนี้จะบังคับให้ลูกๆทั้งหลายรู้จักยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และรู้จักสำนึกและตอบแทนบุญคุณคนเป็นพ่อเป็นแม่

สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม  ถึงแม้คุณจะห่วง ด้วยวิธีปกป้อง หรือโอ๋ลูกขนาดไหนก็ตาม

คุณคงไม่มีปัญญาตามไปวุ่นวายหรือดูแลพวกเขาในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขา

เพราะตอนนั้น คงได้เวลา ที่คุณ จะได้หลับยาวไปแล้ว

“ขจรศักดิ์”

แปลและเรียบเรียง

6/4/17

เพราะพ่อแม่ทุกคนรักลูก และอยากให้ลูกมีความสุข แต่คุณพ่อ คุณแม่อยู่เลี้ยงลูก ตามใจลูกไปตลอดชีวิตไม่ได้ ต้องปล่อยให้ลูกรู้จักโต รู้จักดูแลตัวเอง และรู้จักความลำบาก

“ลำบาก” ไม่ใช่ปล่อยให้หิว อดตาย อดมื้อกินมื้อ ให้ลูกไปทำงานหนัก เพื่อแลกกับอาหาร แต่เป็นการมอบหมายหน้าที่ให้รับผิดชอบ และฝึกให้ลูกรู้จักรอ

หน้าที่ที่พ่อแม่มอบหมาย จะปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็ก ให้เขารู้จักความรับผิดชอบ ให้เขาเรียนรู้ และเข้าใจว่าบางสิ่งบางอย่างไม่ได้หามาได้ง่ายๆ ต้องใช้ความพยายาม และอดทน อย่าเลี้ยงลูกให้สบายวันนี้ แล้วลำบากไปทั้งชีวิต

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : oknation.nationtv.tv