วิจัยเผย! ประโยคที่พ่อแม่ควรพูดเพื่อ ปลอบใจลูก ยามพวกเขาเสียใจและร้องไห้
คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตตัวเองบ้างหรือไม่คะว่า หลังจากที่เรามีลูกเป็นของตัวเองนั้น พวกเราทุกคนมีความอ่อนแอกันมากขึ้น เวลาเห็นข่าวคราวและเรื่องราวที่เกี่ยวกับเด็ก ๆ นั้น หากเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีก็จะรู้สึกเศร้าใจ หงุดหงิดใจ หรือทำให้มีน้ำตากันได้ไม่ยากเลย แล้วถ้าหากเราพบกับลูกหรือเด็กคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานของเรากำลังร้องไห้สิ่งแรกที่พวกเราทุกคนจะทำคืออะไร? บังคับให้พวกเขาหยุดร้อง หรือว่าเลือกที่จะปลอบใจ … ทุกประโยคและทุกคำพูดของเรานั้น ล้วนส่งผลกระทบกับจิตใจของเด็กด้วยกันทั้งสิ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น วันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะมาขอนำเสนอเรื่องราว พร้อมกับคำแนะนำที่น่าสนใจมากฝากคุณพ่อคุณแม่ทุก ๆ ท่านกันค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น หากพร้อมแล้วไปดูกันเลย
เคที่ หยัง และทีมงานจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดได้ทำการศึกษาและค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับปฏิกิริยาด้านระบบประสาทของมนุษย์ที่มีผลกับเสียงร้องของเด็ก โดยทำการทดลองจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่จำนวนทั้งสิ้น 28 คน โดยมีเงื่อนไขว่าแต่ละคนนั้นจะต้องยังไม่มีลูก หรือไม่เคยเลี้ยงหรือดูแลเด็กมาก่อน และในระหว่างการทดลองนั้นได้ทำการสแกนสมองของกลุ่มตัวอย่างไปด้วย แล้วค่อย ๆ เปิดเสียงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องของสัตว์ยกตัวอย่างเช่น เสียงร้องของแมว สุนัข รวมไปถึงเสียงร้องของเด็กทารกพบว่า สมองของกลุ่มตัวอย่างนั้นมีปฏิกิริยาสนองตอบโต้กับเสียงร้องของเด็กมากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่จะทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นมีความรู้สึกไวกับเสียงร้องของลูก และการตอบสนองต่อเสียงร้องของลูกของคุณพ่อคุณแม่แต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป
หลายคนที่ไม่เข้าใจก็อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเสียงที่น่ารำคาญ หนวกหู และทำให้รู้สึกหงุดหงิด … จึงมักที่จะเลือกวิธีที่จะทำให้เด็ก ๆ หยุดร้องด้วยการพูดว่า “หยุดร้อง!!” หรือ “หยุดร้องได้แล้ว” หรือ “จะร้องไห้ทำไม” เป็นต้น คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ช่วยทำให้เด็กรู้สึกดีขึ้นเลยได้เลยละค่ะ อีกทั้งยังทำให้เด็กรู้สึกแย่กับพ่อแม่อย่างเราได้อีกด้วย
ซึ่งหลายคนก็อาจจะเถียงเป็นนัย ๆ ว่า “ไม่นะ ชั้นพูดลูกก็เงียบนี่! … ลูกเงียบจริงค่ะ แต่!! เป็นแค่ทางกายเท่านั้น ซึ่งทางใจของลูกไม่ได้เงียบตามลงไปด้วย” ทั้งยังทำให้ลูกเสียใจมากกว่าเดิมที่คุณพ่อคุณแม่ของเขาเองไม่เข้าใจ ดังนั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมงานวิจัยรู้สึกกังวลใจกับทางออกที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านเลือกใช้จึงอยากจะขอนำเสนอ 11 ประโยค ปลอบใจลูก ดังต่อไปนี้ ที่จะช่วยทำให้ทั้งคุณและลูกรู้สึกดีและเข้าใจกันมากกว่าเดิม
11 ประโยค ปลอบใจลูก ที่พ่อแม่ควรพูดทุกครั้งที่ลูกร้องไห้
- “พวกเราคือทีมเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน เกิดอะไรขึ้นพ่อ/แม่จะช่วยลูกเอง” เป็นประโยคที่ฟังดูง่าย ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ทำให้ลูกฟังแล้วรู้สึกอุ่นใจ จริงอยู่ที่ลูกอาจจะบอกว่า พวกเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขารุ้สึกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่เคียงข้าง
- “พ่อ/แม่เข้าใจ มันยากใช่ไหมจ๊ะ” หากมีคนอื่นพูดกับเราแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอย่างไรบ้างคะ ถ้าไม่ใช่ความรู้สึกสบายใจ ที่มีใครสักคนเข้าใจความรู้สึกของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่เรารัก … ลูกเองก็เช่นเดียวกันค่ะ แทนที่พวกเขาจะรู้สึกกลัวว่าจะโดนคุณพ่อคุณแม่ดุที่พวกเขาทำไม่ได้ แต่กลับได้ยินคำพูดที่แสดงความเข้าใจมากกว่าการตำหนิติเตียน เท่านี้ลูกก็มีพลังที่จะสู้และพยายามทำต่อให้สำเร็จได้ไม่ยากแล้วละค่ะ
- “พ่อ/แม่เข้าใจว่าลูกรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องกังวลไปจ้ะ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” เชื่อไหมคะว่า เด็กบางคนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดว่า ที่พวกเขาร้องไห้นั้นเป็นเพราะอะไร เด็กบางคนเศร้า เจ็บ โกรธ เสียใจผิดหวัง หรือแม่แต่ดีใจก็ยังร้องไห้เลย ซึ่งลูกไม่เข้าใจหรอกค่ะว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของพวกเขานั้นเรียกว่าอะไร … แต่การร้องไห้คือการแสดงออกที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะระบายออกมาได้ดีที่สุดแล้วนั่นเอง จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องแสดงความเข้าใจการอาการดังกล่าวของลูกก่อน
- “มันน่าเศร้าจริง ๆ” สำหรับประโยคที่ควรพูดเพื่อ ปลอบใจลูก ได้ดีอีกวิธีหนึ่งก็คือ การคล้อยตามไปกับความรู้สึกของลูกค่ะ บอกกับลูกว่าเรารู้สึกไม่ต่างอะไรไปกับลูกเลย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเศร้า เสียใจ หรือแม้แต่ผิดหวัง … เพราะการพูดกับลูกไปเช่นนั้นจะทำให้ลูกรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ตัวคนเดียว ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเพียงลำพัง ยังมีคุณพ่อคุณแม่ที่รักพวกเขามากที่สุดร่วมมีความรู้สึกเช่นเดียวไปกับเขาด้วย (แต่! การแสดงออกที่ว่านี้จะต้องมั่นใจนะคะว่า ไม่ได้มากจนเกินไป)
- “พักก่อนก็ได้จ้ะ” หากลูกเสียใจ ร้องไห้ในขณะที่ทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งละก็ ให้พาลูกออกมาจากตรงจุดนั้นค่ะ พร้อมกับถามลูกด้วยคำพูดที่ดี และมีน้ำเสียงอ่อนโยนว่าที่ลูกกำลังร้องไห้อยู่นั้นเป็นเพราะลูกไม่พร้อมที่จะทำกิจกรรมนั้นใช่ไหมหรือ หากคำตอบของลูกคือใช่ละก็ อย่าฝืนใจลูกค่ะ ให้พูดกับลูกว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ หนูยังไม่พร้อมที่จะทำก็พักก่อนก็ได้ พ่อ/แม่เข้าใจ” เป็นต้น
- “พ่อ/แม่ รักลูก ไม่ต้องกลัวนะ ลูกปลอดภัยแล้ว” หากลูกร้องไห้เพราะขวัญผวา หรือรู้สึกกลัว การดุลูกหรือสั่งให้ลูกหยุดร้องโดยไม่ถามไถ่ความรู้สึกของลูกเลยนั้นถือเป็นการแสดงออกที่ไม่ค่อยจะแนะนำเท่าไรค่ะ วิธีที่ดีที่อยากแนะนำในการ ปลอบใจลูก ในสถานการณ์นี้ก็คือ การพูดกับลูกว่าพวกคุณรักเขามากแค่ไหน พร้อมกับบอกลูกว่า ไม่ต้องกลัวหรือกังวลใจไปตอนนี้พ่อ/แม่อยู่ตรงนี้กับลูกแล้ว มั่นใจได้ว่าลูกปลอดภัยแล้วละจ้ะ
- “อยากพักแล้วค่อยลองใหม่ดีไหมจ๊ะ” ประโยค ปลอบใจลูก ลักษณะนี้มีไว้สำหรับเวลาที่ลูกร้องไห้เวลาที่ทำอะไรสักอย่างแล้วทำไม่สำเร็จค่ะ เป็นความรู้สึกที่ลูกรู้สึกว่ากำลังกดดันกับตัวเองอยู่ การบังคับลูกให้พยายามทำให้ได้โดยทันที อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไรนักค่ะ เพราะลูกอาจจะยังเล็กจนเกินกว่าที่จะฝืนทำต่อไปได้ เด็กบางคนพอตัวเองรู้สึกว่าทำไม่ได้ก็จะหงุดหงิดร้องไห้ และเมื่อยังทำไม่ได้อีก การฝืนใจให้ทำต่อไปก็จะทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดและโกรธมากขึ้นจนอาจสามารถทำลายข้าวของเลยก็เป็นได้นะคะ ดังนั้น หากลูกตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ให้คุณพ่อคุณแม่แนะนำให้ลูกพักสักครู่ก่อน แล้วค่อยลองใหม่จะดีที่สุดค่ะ
- “พอจะบอกได้ไหมจ๊ะว่าที่ลูกร้องไห้นั้นเพราะอะไร พ่อ/แม่จะได้ช่วยได้” ขณะที่ลูกร้องไห้ไม่หยุด คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะปวดหัวเป็นธรรมดา เพราะไม่เข้าใจว่าที่ลูกกำลังร้องไห้นั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่ แล้วแบบนี้จะช่วยเหลือลูกได้อย่างไรนั้น แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะพูดว่า หยุดร้องนั้นให้เลือกใช้ประโยคที่ว่า “ลูกพอจะบอกพ่อ/แม่ได้ไหมจ๊ะว่าที่ลูกกำลังร้องไห้อยู่นี้เป็นเพราะอะไร ถ้าหนูบอกคุณพ่อคุณแม่รู้จะได้ช่วยเหลือและแนะนำได้ถูก” เป็นต้น
- “พยายามให้ลูกนึกเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น” ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ลูกกำลังร้องไห้ด้วยความโกรธหรือเสียใจอยู่นั้น เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งนึงละก็ แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พูดกับลูก โดยให้ลูกพยายามนึกย้อนกลับไปว่าที่ผ่านมาลูกผ่านมาได้อย่างไรเช่น “พ่อ/แม่จำได้นะว่า คราวก่อนที่ลูกร้องไห้ด้วยความโกรธ หรืออยากได้ของ ๆ คนอื่นลูกของพ่อ/แม่ก็สามารถผ่านมาได้ด้วยการคิดว่า สิ่งของสิ่งนั้นไม่ใช่ของตัวเอง หากเราไปเอาของของเขามา เจ้าของก็อาจจะเสียใจด้วยเช่นกัน ลูกก็คงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นใช่ไหมจ๊ะ” เป็นต้น
- “เรามาช่วยกันหาทางออกดีกว่า” เมื่อไรก็ตามที่ลูกร้องไห้เพราะไม่รู้ว่าควรที่จะแก้ปัญหานั้นอย่างไร แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พูดกับลูกพร้อมกับยื่นมือเข้าช่วยเหลือลูกทันที อย่าปล่อยให้ลูกต้องแก้ปัญหานั้นเพียงลำพัง พร้อมกับเลือกใช้ประโยคน่ารัก ๆ ว่า “พ่อ/แม่ว่า เรามาช่วยกันหาทางออกดีกว่าไหมจ๊ะ” แต่แนะนำว่าพยายามให้ลูกหาทางออกด้วยตัวเองก่อน พอลูกบอกแล้วคุณพ่อคุณแม่เห็นว่า มีวิธีอื่นที่อาจจะดีกว่า ก็ค่อย ๆ แนะนำลูกไปนะคะ แต่ต้องไม่ลืมกล่าวชมลูกด้วยนะคะว่า วิธีของลูกนั้นดีมาก ๆ เลยจ้ะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าลูกทำสิ่งนี้เพิ่ม เป็นต้น
- “ไม่พูดอะไรเลย” บ่อยครั้งที่ความเงียบก็ช่วยทำให้ลูกเข้มแข็งและสงบได้เอง โดยมีผลพลอยได้คือ ความแข็งแกร่ง แต่ภายหลังจากที่ลูกเงียบเองได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่จะต้องไม่ลืมที่จะถามสาเหตุที่ลูกร้องไห้กันด้วยนะคะ
การปลอบใจลูกให้หยุดร้องไห้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่คุณพ่อคุณแม่มีวิธีพูดปลอบใจให้ถูกต้องเท่านี้ลูกของเราก็หยุดร้องไห้งอแง แถมภูมิใจที่มีคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าใจเขามากกว่าใครแล้วละค่ะ
อ้างอิง: Motherly และ The Guardian
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่