AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

4 พฤติกรรมพ่อแม่ ที่เข้าข่าย “รักลูกจนเป็นพิษ”

พ่อแม่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อพัฒนาการทุกๆ ด้านของลูก การเลี้ยงดูที่เหมาะสม การจัดสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับลูก จะทำให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ แต่หากคุณพ่อคุณแม่แสดงความรักที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมพ่อแม่ 4 แบบนี้ อาจกลายเป็น “พิษ” ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว 

4 พฤติกรรมพ่อแม่ ที่เข้าข่าย “รักลูกจนเป็นพิษ”

เมื่อมีลูก พ่อแม่มักจะทุ่มเทความรักทั้งหมดที่มีให้กับลูก ดังคำกล่าวว่า “ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด” แต่ต้องระวังให้ดี อย่า “รักลูกจนเป็นพิษ” ด้วยพฤติกรรมเหล่านี้เลย

เครดิตภาพ : newagingparents.com

1. ปกป้องลูกมากเกินไป 

คุณพ่อคุณแม่ประเภทนี้จะรักและประคบประหงมลูกยิ่งกว่าไข่ในหิน โดยไม่ยอมให้ลูกทำอะไรเลยเพราะกลัวเป็นอันตราย กลัวลูกเจ็บ กลัวลูกลำบาก จึงเลี้ยงดูลูกแบบทำทุกอย่างให้และจัดการชีวิตของลูกหมดทุกเรื่อง ทั้งที่พัฒนาการตามวัยของเขาสามารถทำได้แล้ว เช่น อุ้มลูกตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้ลูกเดิน หรือวิ่งเล่น คลุกดินคลุกทรายตามประสาเด็ก ป้อนข้าวลูกทั้งๆ ที่ลูกควรจะกินข้าวเองได้แล้ว อาบน้ำแต่งตัว ติดกระดุม ใส่ถุงเท้า ใส่รองเท้าให้ลูก แทนที่จะฝึกลูกช่วยเหลือตัวเอง และชอบตามลูกทุกฝีก้าว คอยห้ามนั่นห้ามนี่ กลัวลูกไม่ปลอดภัย

การเลี้ยงดูลูกแบบนี้จะทำให้ลูกขาดทักษะในการช่วยเหลือตนเองจนติดไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ทำให้กลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นคนมีนิสัยลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ถ้าเป็นผู้ชายก็มีนิสัยขี้อาย ขี้ขลาด ไม่มีความเป็นผู้นำ ถ้าเป็นผู้หญิง ก็จะมีนิสัยหน่อมแน้ม เอาแต่ใจตัวเอง ชอบให้คนมาเอาอกเอาใจ เป็นคนที่ไม่มีความมั่นคงในอารมณ์

เด็กในแต่ละวัยนั้นเขามีพัฒนาการที่จะต้องดำเนินไปตามวัยของเขา อาจมีบางอย่างที่เขาต้องความพยายามหรือต้องใช้การฝึกฝนตนเองเพื่อให้เกิดความสำเร็จ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักอยู่เสมอก็คือ ความรักของเราต้องไม่ขัดขวางพัฒนาการที่เป็นไปตามวัยของเขา อย่าดูแลลูกให้ดูเหมือนเขาเป็นเด็กเล็กกว่าวัย  แต่ควรให้โอกาสลูกได้เผชิญกับปัญหา และจัดการแก้ปัญหาของตัวเองตามวัยและพัฒนาการที่ควรจะเป็น

(บทความแนะนำ เลี้ยงลูกแบบโอเว่อร์ ระวังลูกด้อยพัฒนา เสียสุขภาพจิต!)

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

เครดิตภาพ : fundacionshe.org

2. ตามใจลูกมากเกินไป

คุณพ่อคุณแม่ประเภทนี้จะตามใจลูกไปเสียหมด ไม่ว่าลูกจะอยากได้อะไรแม้จะมีราคาแพงหรือลำบากยากเย็นมากแค่ไหนก็จะต้องหามาให้ลูกจนได้ และแม้ว่าลูกจะทำผิดอะไร เช่น ไปรังแกเพื่อน หรือไปก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ แทนที่พ่อแม่จะดุว่ากล่าว กลับมองเป็นเรื่องตลกหรือเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องจัดการ ทำให้เด็กติดนิสัยกลายเป็นคนที่ก้าวร้าวชอบทำอะไรตามใจตัวเอง

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ที่รักและตามใจลูกมากเกินไปมักจะรักหลงลูกมากจนกระทั่งมองว่าลูกตัวเองเป็นเทวดาที่เก่งกว่า น่ารักกว่า ดีกว่าคนอื่นๆ เสมอ จะยกยอลูกมากเกินควร จนทำให้ลูกมีนิสัยหลงตัวเองแปรภาพผิดในการมองตัวเองว่าเหนือคนอื่น ซึ่งนิสัยนี้เมื่อติดไปจนเป็นผู้ใหญ่ จะกลายเป็นคนที่หลงตัวเองมาก ชอบดูถูกคนอื่น เวลาตนเองทำอะไรผิดพลาดก็จะไม่ยอมรับความผิดแต่จะชอบโทษคนอื่น ซึ่งคนที่มีนิสัยแบบนี้เป็นคนที่ใครๆ อยู่ด้วยลำบากมาก ดีไม่ดีสุดท้ายจะกลายเป็นคนที่สังคมไม่ต้องการ

คุณพ่อคุณแม่ควรสอนและทำให้ลูกเห็นว่า บางครั้งลูกอาจจะไม่ได้ทุกอย่างอย่างที่ลูกต้องการ นั่นก็คือความจริงของชีวิตที่เด็กจะต้องเริ่มเรียนรู้

(บทความแนะนำ เลี้ยงลูกแบบตามใจ แล้วลูกจะเสียคนจริงหรือไม่?)

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

เครดิตภาพ : sheknows.com

3. บงการชีวิตลูกมากเกินไป

คุณพ่อคุณแม่ประเภทนี้จะขีดเส้นทางชีวิตให้ลูกเดิน โดยมักจะใช้ข้ออ้างว่า พ่อแม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก โตมาจะรู้เองว่าพ่อแม่หวังดี บางครั้งก็เป็นการยัดเยียดความฝันของพ่อแม่ให้กับลูก โดยไม่สนใจความถนัดของลูก เช่น อยากให้ลูกเรียนเก่ง ก็บังคับให้ลูกเรียนกวดวิชา โดยไม่สนใจว่าลูกอย่างทำกิจกรรมอื่นๆ เลือกอาชีพให้ลูก โตไปต้องเป็นหมอ ต้องเป็นทูตให้ได้ เจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตลูกทุกอย่าง แม้เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ให้โอกาสลูกตัดสินใจเอง ไม่ว่าจะลูกจะทำอะไร ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือจะคบเพื่อน พ่อแม่ก็เลือกให้ทุกอย่าง

การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้ลูกเต็มไปด้วยความผิดหวัง และมีปมด้อย รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่บั่นทอนความรู้สึกความเชื่อมั่นและความพยายามของลูกในการที่จะทำให้พ่อแม่พอใจ

คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมว่า หน้าที่ที่สำคัญของพ่อแม่ คือ ควรสนับสนุนให้ลูกทำในสิ่งที่เขารัก หรือชอบ ตามศักยภาพที่เขามีอยู่ ไม่ใช่ทำตามความใฝ่ฝัน หรือทำแทนความฝันของตัวเอง หรือกำหนดเส้นทางชีวิตของลูกตามที่พ่อแม่คิดว่าดีที่สุด โดยที่ไม่สนใจว่าลูกจะมีความสุขหรือไม่ เป็นการทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว

(บทความแนะนำ ควบคุมลูกมากเกินไป คุณเป็นพ่อแม่แบบนี้บ้างหรือเปล่า?)

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

เครดิตภาพ : vision.org

4. รักลูกไม่เท่ากัน

ความรักแบบนี้มักเกิดในบ้านที่มีลูกหลายคน และคุณพ่อคุณแม่แสดงความรักต่อลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น รักลูกคนโตมากกว่าลูกคนเล็ก โอ๋ลูกคนเล็กมากกว่าลูกคนโต ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ลูกคนกลาง รักลูกชายมากกว่าลูกสาว รักลูกที่เรียนเก่งกว่าลูกที่เรียนด้อย พฤติกรรมการแสดงออกในความรักที่ลำเอียง รักลูกไม่เท่ากัน ของพ่อแม่จะส่งผลร้ายต่อลูกเป็นอย่างมาก โดยลูกคนที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่เท่าเทียมกับพี่น้องคนอื่นๆ อาจจะกลายเป็นเด็กที่มีนิสัยเก็บกด ขี้ใจน้อย เข้ากับคนอื่นได้ยาก เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นคนมีนิสัยขี้อิจฉา ขี้หึง หวาดระแวง ทิฐิสูง มีนิสัยชอบแข่งขันเอาชนะชิงดีชิงเด่นกับคนอื่น จนตัวเองและคนรอบๆ ข้างขาดความสุข

(บทความแนะนำ ทำอย่างไร? เมื่อลูกคิดว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน)

เด็กในแต่ละวัยนั้นมีความต้องการจากพ่อแม่ไม่เท่ากัน เด็กยิ่งเล็กมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องการการแสดงออกของความรักมากเท่านั้น ด้วยว่าไม่สามารถเข้าใจว่าอย่างไรเสียพ่อแม่ก็ต้องรักเขา แต่เด็กจะมองจากวิธีที่คุณพ่อคุณแม่แสดงออก วิธีการที่พ่อแม่อยู่กับเขาแล้วแปลเป็นความหมายของความรัก เพราะฉะนั้นในเด็กเล็กๆ คุณพ่อคุณแม่อย่ารีรอที่จะแสดงความรักกับลูก โดยการโอบกอด การจูบลูก หอมลูก บ่อยๆ หากปล่อยให้เด็กที่เติบโตมาภายใต้ความรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รัก จะไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เพราะแม้แต่คนที่ควรจะรักเขายังไม่สามารถจะรักเขาได้ เด็กบางคนจะโทษตัวเองว่าเขาเป็นลูกที่แย่ หรือเป็นเด็กที่ไม่ควรจะเกิดมา คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังตรงจุดนี้ ความรู้สึกเหล่านี้จะทำร้ายจิตใจเด็กค่อนข้างมาก เวลาที่เด็กไม่มีความรักในตัวเอง เขาก็จะไม่มีกำลังใจที่พัฒนาตัวเอง เด็กก็อาจจะมีปัญหาทางอารมณ์หรือปัญหาทางพฤติกรรม อาจจะมีลักษณะที่อารมณ์ไม่มั่นคง กลายเป็นคนซึมเศร้า แยกตัวเอง เก็บตัว หรือกลายเป็นเด็กก้าวร้าว เรียกร้องความสนใจ ก็นับได้ว่าเป็นการทำร้ายลูกเช่นกัน

ความรักเป็นสิ่งสำคัญในการหล่อหลอมเด็กให้เด็กมีพัฒนาการสมวัย และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงทางจิตใจ การรักลูกในทางที่ผิด ความรักนั้นจะเป็น “พิษ” ทำร้ายลูก ให้เขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะเผชิญสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ ควรรักลูกอย่างพอเหมาะ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป จะทำให้เขามีสุขภาพกายและใจที่ดี เติบโตไปเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคมต่อไป

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์ โดย ดร.แพง ชินพงศ์, ดูลูกคิด

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids