ถ้าไม่ตี ลงโทษลูกอย่างไร เมื่อลูกทำผิด! เพราะการตีลูกหรือทำให้ลูกเจ็บโดยวิธีใดๆ นั้นไม่เป็นผลดีต่อลูกเลย ตามมาดูคำแนะนำจากคุณหมอกับวิธีสอนลูกเมื่อลูกทำผิดกันค่ะ
ลูกทำผิดจะสอน หรือ ลงโทษลูกอย่างไร ถ้าไม่ตี!
เชื่อว่าสมัยก่อนตอนคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กๆ ต้องเคยถูกคุณครูหรือพ่อแม่ของตัวเองตี ทำให้เราอาจมองว่าการตีนั้นเป็นเรื่องธรรมดาในการอบรมดูแลลูก แต่จริงๆ ผลเสียของการลงโทษลูกด้วยการตี อาจทำลูกโตมาก้าวร้าว สมองพัฒนาช้า
Must read >> พฤติกรรมลูกสะท้อนการเลี้ยงดูของพ่อแม่
ซึ่งเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า.. การลงโทษลูกอายุ 1 ขวบด้วยการตีนั้น จะทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและเรียนรู้ได้ช้าภายใน 2 ปีข้างหน้า ขณะที่การลงโทษด้วยการอบรมด้วยการดุนั้นจะไม่ก่อให้เกิดผลดังกล่าว
โดยการศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์ในการสืบหาว่า การเลี้ยงดูของแม่มีผลต่อพฤติกรรมที่ไม่ดีของเด็กอย่างไรบ้าง หรือเด็กจะมีความคิดท้าทายหรือไม่หลังจากที่โดนลงโทษด้วยวิธีรุนแรง โดยมีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดูค, มิสซูรี่-โคลัมเบีย, เซาท์แคโรไลน่า, โคลัมเบีย, ฮาวาร์ด และนอร์ธแคโรไลน่า ร่วมค้นหาคำตอบ
ในการศึกษานักวิจัยได้หาข้อมูลจากแม่ 2,500 คน ทั้งคนขาว คนดำ คนละตินที่มีลูกเด็ก โดยได้เข้าไปสัมภาษณ์และสังเกตพฤติกรรมถึงบ้านเลยในช่วงที่เด็กอายุได้ 1 ปี 2 ปี และ 3 ปีนี้ โดยอาสาสมัครทุกคนมีฐานะอยู่ในระดับยากจน เพราะนักวิจัยเชื่อว่าพ่อแม่ที่ยากจนมักจะลงโทษด้วยวิธีการตีมากกว่าพ่อแม่ที่มีฐานะปานกลางหรือร่ำรวย
นักวิจัยได้สัมภาษณ์แม่ทุกคนว่าบ่อยแค่ไหนที่ทุกคนในบ้านจะลงโทษด้วยวิธีการตีเด็กในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ โดยนักวิจัยยังได้สังเกตด้วยว่าแม่จะลงโทษด้วยการดุลูกบ่อยหรือไม่ในช่วงที่ไปเยี่ยมบ้านนี้
แม่ ลงโทษลูกอย่างไร บ้าง?
จากการศึกษาพบว่า.. เด็กผิวดำมักจะถูกตีและดุมากกว่าเด็กกลุ่มอื่น อาจจะเนื่องด้วยปัจจัยทางวัฒนธรรม เช่น เชื่อว่าการที่เด็กต้องให้ความเคารพผู้ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ และเชื่อในเรื่องของการลงโทษแบบลงไม้ลงมือจะทำให้เด็กเคารพผู้ใหญ่ได้ นอกจากนั้นแล้ว แม่ผิวดำบางคนยังบอกด้วยว่าเคยลงโทษด้ววิธีการรุนแรง อันตราย หรือขังอยู่ในห้องเล็กๆ กรณีที่ลูกไม่เชื่อฟังหรือดื้อมากๆ
ทั้งนี้นักวิจัยจึงได้สรุปผลกระทบของการลงโทษต่อพฤติกรรมของเด็กไว้ดังนี้…
- การค้นพบของเราแสดงให้เห็นว่าการตีนั้นมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก … ลิซ่า เจ. เบอร์ลิน นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์สำหรับนโยบายเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยดูค หัวหน้าทีมวิจัยเปิดเผย
- โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่ถูกตีบ่อยๆ เมื่อครั้งที่อายุได้แค่ 1 ปีนั้นจะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เมื่อโตมาได้จนอายุ 2 ปี และก็จะทำคะแนนบททดสอบทางความคิดได้น้อยกว่าคนอื่นเมื่ออายุได้ 3 ปี
- หรือแม้แต่นำปัจจัยเรื่องอื่นมาวิเคราะห์เช่น อายุ เชื้อชาย การศึกษาของแม่ รายได้และโครงสร้างครอบครัว และเพศของเด็กนั้นพบว่าผลที่ออกมาก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิมนัก
นอกจากนั้นยังสรุปได้ว่า .. เด็กที่ก้าวร้าวมากขึ้นเมื่ออายุได้ 2 ปีและมีการเรียนรู้ที่ช้าในช่วงอายุ 1-2 ปีมักจะไม่ถูกลงโทษเท่าไหร่เมื่อช่วงอายุ 2-3 ปี ฉะนั้นพฤติกรรมของแม่จึงน่าจะมีผลมากกว่าพฤติกรรมของลูก
ขณะเดียวกัน จากการศึกษาพบยังพบว่า .. การลงโทษด้วยการดุนั้นไม่ได้มีผลต่อพฤติกรรมก้าวร้าวหรือการเรียนรู้ที่ช้าของเด็กแต่อย่างใด แต่ที่น่าสนใจ คือ หากดุแล้วได้รับกำลังใจจากแม่ในภายหลัง เด็กก็จะทำคะแนนบททดสอบทางความคิดได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงผลการศึกษาจาก : www.sciencedaily.com
“ตีลูก” ดี-ไม่ดี อย่างไร ?
ทั้งนี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการฝึกวินัยเด็กด้วยวิธีนี้ เพราะ “การตีลูก” อาจยับยั้งเด็กไม่ให้ทำผิดซ้ำเรื่องเดิม แต่ก็ทำได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ และการตีอาจหยุดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ได้แต่ใช้เปลี่ยนนิสัยไม่ได้ รวมทั้งใช้สอนถูกผิดไม่ได้ นอกเสียจากเด็กจะเข้าใจว่าเขาถูกตีหรือไม่ถูกตีเพราะอะไร!
อ่านต่อ >> “ผลเสียของการลงโทษลูกด้วยการตี
และถ้าไม่ตีจะลงโทษลูกอย่างไรดี” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
(ต่อ : ลูกทำผิดจะสอน หรือ ลงโทษลูกอย่างไร ถ้าไม่ตี!) ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบว่าประโยชน์ระยะสั้นของการตี สร้างความเสี่ยงหลายอย่างในระยะยาวให้เด็ก ได้แก่
1. การตีจะเพิ่มความรุนแรง ความก้าวร้าวและพฤติกรรมต่อต้านสังคมให้มีมากยิ่งขึ้น
2. เด็กจะเข้าใจว่าการใช้กำลังเป็นวิธีตัดสินความขัดแย้งที่ดีที่สุด
3. เด็กจะไม่ยอมเรียนรู้วิธีจัดการความโกรธและอารมณ์หงุดหงิดด้วยวิธีอื่นๆ ที่รุนแรงน้อยกว่า (เพราะเขาเรียนรู้จากตัวอย่างวิธีรุนแรงที่พ่อแม่ทำให้ดูแล้ว)
4. การตีเป็นการแสดงการใช้อำนาจในทางที่ผิดของคนตัวโตที่มีกำลังมากกว่าต่อคนตัวเล็กๆ ที่กำลังน้อยกว่า
5. การตียังอาจเป็นเหตุของการบาดเจ็บที่รุนแรงในเด็กแม้จะไม่ได้เจตนา โดยเฉพาะตีเพราะโกรธหรือโมโห
6. แม้จะตีหลังจากอารมณ์โกรธลดลงแล้ว ร่างกายลูกอาจไม่เป็นอะไร แต่จะยิ่งทำให้เด็กสงสัยกว่าการถูกตีทันที หลังจากที่ทำผิด ซึ่งก็สร้างความรุนแรงทางใจได้ไม่น้อยแถมยังใช้ขัดเกลานิสัยเด็กไม่ได้อีกด้วย
… โดยจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็บอกว่า ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนหรอกว่าตีตอนเกิดเหตุเลยกับตีหลังจากเหตุจบไปแล้วอะไรจะแย่กว่ากัน
ถ้าไม่ตีแล้วจะฝึกวินัย หรือ ลงโทษลูกอย่างไร ถึงจะดี?
และสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สงสัยว่าแล้วถ้า ลูกทำผิด หรือ ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง แต่ไม่ให้ตี แล้วจะ ลงโทษลูกอย่างไร ดี? เรื่องนี้ คุณหมอโอ๋ เจ้าของเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับ วิธีสอนลูก เมื่อลูกทำผิด ถ้าไม่ตีลูก พ่อแม่จะทำอะไรได้บ้าง มีอยู่ 9 ข้อด้วยกัน ดังนี้…
- ให้ทางเลือก = เราทุกคนอยากรู้สึกมีอำนาจ เพราะไม่ชอบถูกบังคับ แทนการตี ลองให้ลูกมีอำนาจโดยให้ทางเลือกที่เหมาะสม “หนูจะหยุดกระโดดบนโซฟา หรือจะลงมากระโดดบนพื้น” “หนูจะปิดหน้าจอเองหรือจะให้แม่ปิด”
- ให้เรียนรู้ผลที่เกิดตามธรรมชาติ = เช่น แทนการตีลูกที่ไม่ยอมกินข้าว ควรทำให้บรรยากาศการกินดีๆ แต่เก็บข้าวเมื่อเลยเวลา ปล่อยให้ลูกหิวได้ และไม่มีอะไรให้จนกว่าจะถึงมื้อหน้า “การหิว” ที่เป็นผลลัพธ์ที่ลูกต้องเรียนรู้ตามธรรมชาติ
- ให้เรียนรู้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำ = เช่น ถ้าไม่รีบทำการบ้าน ก็ลดเวลาที่ดูทีวีลงถ้าไม่นั่งคาร์ซีท ก็ยังไม่ออกจากบ้าน หรือ ถ้าลงไปร้องดิ้นไม่หยุด แม่ก็จะพากลับบ้านก่อน
- ให้รับผิดชอบกับการกระทำนั้น = เช่น แทนการตีลูกที่ทำน้ำหก ให้ฝึกเอาผ้ามาเช็ดน้ำที่ทำหก หรือ หักค่าขนมชดเชยที่ทำของหาย ลดเวลาดูทีวีเมื่อทำการบ้านไม่เสร็จตามเวลา เป็นต้น
- สอน และบอกให้ทำ = เด็กต้องการแค่การสอน พูดบอก หรืออธิบายว่าควรทำอะไร โดยไม่ต้องใช้อารมณ์และความรุนแรง พ่อแม่ที่สอนด้วยอารมณ์สงบ สมองส่วนคิดเปิด จะสอนลูกได้ง่ายกว่า
- “กอด” ช่วยลูกสงบอารมณ์ = แทนการตี ขู่ ลูกที่กำลังร้องไห้แล้วสั่งให้หยุด เราอาจใช้วิธี กอดลูกให้สงบ แสดงความเข้าใจ (โดยไม่ต้องตามใจ) “ไม่มีเด็กที่รู้สึกดีขึ้นแล้วจะไม่หยุดร้องไห้”
- สงบ = เช่น แทนการโมโหหรือตีที่ลูกเถียง เราอาจเลือกใช้ความสงบ ไม่ตอบโต้ในบทสนทนาที่ไม่มีประโยชน์”ลูกไม่เถียงคนเดียว”หรือใช้การสงบ เมื่อลูกโวยวายร้องไห้ บอกสั้นๆ ว่าแม่ “รอหนูดีขึ้น”
- มองหาที่มาและแก้ปัญหา = พ่อแม่ที่คิดแต่เรื่องจะ ลงโทษลูกอย่างไร มักมองที่พฤติกรรม โดยลืมหาสาเหตุของปัญหา เช่น แทนการตีลูกที่คะแนนไม่ดี อาจต้องมองหาว่าอะไรที่ทำให้ลูกทำไม่ได้ ปัญหาบางอย่างลูกต้องการคนช่วย “แก้ไข” ไม่ใช่ “ลงโทษ”
- ใส่ใจและให้ความรักมากขึ้น = หลายครั้งปัญหาดื้อปวดหัวของลูก จนต้องตีลูกบ่อยๆ เป็นจากการต้องการความรัก หรือจากการต่อต้านที่ไม่ได้รับความรัก แทนการตีลูก หันมาใส่ใจกับเวลาที่ให้ลูกให้มากขึ้น
ทั้งนี้คุณหมอโอ๋ยังได้ฝากให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านและคิดก่อนที่จะ ลงโทษลูกอย่างไร ว่า…
- วินัย ไม่ใช่แค่เรื่องของการลงโทษ
- วินัยที่ดี เป็นการฝึกให้เด็กเรียนรู้เหตุผล เพื่อควบคุมตัวเอง “จากภายใน” ไม่ใช่ความกลัวภายนอก
- เด็กที่มีความสุข เรียนรู้ได้ดีกว่าเด็กที่มีอารมณ์เจ็บปวด มากมายมหาศาล
- สิ่งที่สอนเด็กได้ดีที่สุด คือ ผลที่เกิดขึ้นจริงจากการกระทำนั้น
- ถ้าเราไม่โมโหคนตาบอดที่เดินช้า เราไม่โมโหคนหูหนวกที่พูดยังไงก็ไม่ได้ยิน เราก็ไม่ควรต้องตีเด็กๆ ที่สมองยังพัฒนาไม่เต็มที่ และก็มีข้อจำกัดตามธรรมชาติ
- เด็กไม่น่ารักมักมีที่มา ลูกต้องการคนช่วยเหลือ ไม่ใช่คนคอยจ้องลงโทษหรือซ้ำเติม
ขอบคุณคำแนะนำจาก #หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
นอกจากนี้ด้านสมาคมกุมารแพทย์ของสหรัฐอเมริกายังได้แนะนำ วิธี ลงโทษลูกอย่างไร ให้พ่อแม่เปลี่ยนไปสอนหรือตักเตือนลูกด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การตี หรือวิธีอื่นที่เป็นไปในทางบวก
ซึ่งหากการตีนั้นเพราะความโมโห เมื่อพ่อแม่อารมณ์ปกติแล้วควรอธิบายถึงสาเหตุการตี ลูกทำอย่างไรถึงถูกตี และตัวคุณรู้สึกโกรธมากอย่างไร รวมถึงขอโทษลูกด้วย (ใช้ได้ในกรณีที่เด็กโตพอที่จะเข้าใจเช่นกัน)
อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญและพ่อแม่จำนวนไม่น้อยเห็นว่าบางกรณี เสียงตีดังเพี้ยะที่ฝ่ามือหรือที่ก้นอาจจำเป็นในสถานการณ์ที่อันตราย เพราะเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังเด็กที่เล็กเกินกว่าจะเข้าใจคำพูดได้ เช่น เมื่อเด็กวัยเตาะแตะเดินออกจากบ้านไปที่ถนนหรือเข้าใกล้เตาแก๊ส อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กๆ สามารถเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวได้แล้ว การตีหรือวิธีใช้กำลังอื่นๆ ก็ไม่ควรใช้อีกต่อไป
นอกจากนี้ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่แล้วบุคคลอื่นก็ไม่ควรใช้วิธี “ตี” กับเด็กเช่นกัน แม้การตีของพ่อแม่เกิดจากความรักความหวังดี แต่เด็กจะไม่รับรู้ความรู้สึกเช่นนั้นจากบุคคลอื่นแน่นอน เราควรกำชับกับทุกคนที่ใกล้ชิดดูแลลูกหรือเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงหรือครูว่าไม่ให้ตีหรือใช้กำลังกับพวกเขานะคะ
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :
- ปรับเปลี่ยนวิธี Timeout
- 8 วิธีสอนลูกเมื่อลูกทําผิด พร้อมหลัก 4 ข้อเพื่อฝึกวินัยให้ได้ผล
- 10 วิธีรับมือ ลูกดื้อ ตามแบบฉบับคุณแม่ยุคใหม่!
- 7 วิธีระงับความโกรธ ก่อนเผลอตีลูกด้วยอารมณ์
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่