AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

7 เรื่องพื้นฐานที่ควรสอนลูกให้ติดเป็นนิสัย! ตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น

การเลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่น …เพราะการเลี้ยงลูกหนึ่งคนตั้งแต่แรกเกิดจนสามารถ เจริญเติบโตขึ้นมา พร้อมยืนหยัดด้วยตนเองได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับชีวิตคนเป็นพ่อแม่

เชื่อว่าคุณแม่เกือบทุกคนคงมีปัญหากลุ้มใจระหว่างที่เลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่เพราะลูกมักจะไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด เช่นว่าเราอยากให้ทำแบบนี้แต่ก็จะไปทำอีกอย่างหนึ่ง ทำให้การเลี้ยงลูกไม่เป็นไปอย่างราบรื่น จนบางครั้งก็ทำให้คนเป็นแม่อาจรู้สึกเครียด ท้อหรือไม่มั่นใจในตัวเองว่านี่เราเลี้ยงลูกได้ดีพอหรือยัง สอนลูกแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ และจะเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นเด็กที่มีจิตใจแข็งแกร่ง หรือเลี้ยงอย่างไรให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอนาคตก้าวไกลและประสบความสำเร็จในชีวิตได้ Amarin Baby & Kids จึงขอนำเสนอแนวทางเกี่ยวกับพื้นฐานการเลี้ยงลูกแบบฉบับคนญี่ปุ่น กับ 7 เรื่องพื้นฐานที่ควรสอนลูกให้ติดเป็นนิสัย มีดังนี้

การเลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่น กับ 7 เรื่องพื้นฐานที่ควรสอนลูกให้ติดเป็นนิสัย!

1. สอนให้ลูกรู้จักการทักทายเป็นอย่างดี

พื้นฐานของการสื่อสารนั้นอยู่ที่ “การทักทาย” หากลูกสามารถทักทายผู้อื่นด้วยความนอบน้อมจนติดเป็นนิสัยแล้ว ไม่ว่าจะพบเจอใครก็รู้จักยกมือไหว้หรือโค้งพร้อมกล่าวทักทายจะทำให้เด็กดูน่าเอ็นดู น่าคบหาและสื่อถึงว่าได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี และที่สำคัญการทักทายด้วยความนอบน้อมตั้งแต่แรกพบนั้นเป็นที่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นซึ่งเด็กที่มีนิสัยตรงนี้กับเด็กที่ไม่มีนั้น จะเกิดความแตกต่างกันเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

การสอนให้รู้จักการทักทาย เริ่มต้นจากที่บ้าน เช่น เมื่อตื่นนอนพูดทักทายกับลูกว่า “สวัสดีตอนเช้า (おはよう โอะฮาโย)” ตอนกินข้าวพูดว่า “จะทานแล้วนะ (いただきます อิตะดะคิมัส)” ก่อนนอนพูดว่า “ราตรีสวัสดิ์ (おやすみなさい โอะยะสุมินะไซ)”

Must readวิธีสอนลูกไหว้อย่างไรให้ได้ผล

2. สอนเรื่องกฎมารยาทในสังคม

การสอนเรื่องกฎมารยาทที่ต้องระวังในที่สาธารณะ เช่น รถบัส รถไฟ ออนเซน ฯลฯ เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกับการทักทาย

Must read : ฝึกมารยาท วัย 1-3 ปี

อ่านต่อ >> พื้นฐานการเลี้ยงลูกแบบฉบับคนญี่ปุ่นที่ควรสอนลูกให้ติดเป็นนิสัย” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

3. สอนให้ลูกรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน

เนื่องจากอาหารมื้อเช้าถือเป็นอาหารมื้อสำคัญกว่ามื้ออื่นๆ  การทานอาหารเช้าทุกวันจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและกระตุ้นพลังสมองช่วยในการเรียนรู้ กระตุ้นความจำและความกระตือรืนร้นทำให้สามารถดำเนินกิจกรรมในหนึ่งวันได้อย่างเต็มที่ การทานอาหารเช้ายังช่วยเรื่องผลการเรียนของเด็กที่ทานอาหารเช้าได้ดีกว่าเด็กไม่ทานอาหารเช้าได้อีกด้วย คุณแม่จึงควรให้ลูกทานอาหารเช้าทุกวัน

Must read : กลยุทธชวนใจให้ลูกรักมื้อเช้า

4. ให้ลูกได้ลองประสบการณ์ที่หลากหลาย

สมมติว่า ขณะที่ลูกกำลังพยายามทำอะไรอยู่แล้วเกิดผิดพลาดขึ้น ตอนนั้นคุณแม่จะทำอย่างไรคะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกกำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม แต่ดันทำน้ำหก คุณแม่จะหงุดหงิดโกรธหรือบ่นว่า “เอาอีกแล้วนะ(もう โม่ว)” หรือเปล่าคะ

Must read : เล่นสร้างประสบการณ์

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

5. ผลักดันและส่งเสริมจุดเด่นในตัวลูก

อย่างบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกหลายคนก็ได้รับการจุดประกายความเป็นอัจฉริยะจากการที่พ่อแม่ผลักดันและส่งเสริมความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวจนประสบความสำเร็จ

ว่าแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ลองสังเกตกันดูว่าลูกชอบหรือถนัดอะไร และน่าจะมีแนวโน้มเก่งด้านไหน เผื่อจะได้เป็นอัจฉริยะคนใหม่ในอนาคตก็เป็นได้นะคะ

Must read : 5 วิธี ส่งเสริมความ “อยากรู้อยากเห็น” ของลูกน้อย

อ่านต่อ >> พื้นฐานการเลี้ยงลูกแบบฉบับคนญี่ปุ่นที่ควรสอนลูกให้ติดเป็นนิสัย” คลิกหน้า 3

6. แสดงความรักแบบไม่จำกัด

เด็กที่มีความรู้สึกยอมรับในตัวเองสูง เช่นรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นที่ต้องการของใครสักคน จะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองและมีแนวโน้มที่จะมีนิสัยมุ่งมั่นพยายามที่จะท้าทายสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

และรากฐานของนิสัยเช่นนี้เกิดจาก ความรักจากพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเลี้ยงดูลูกเพื่อให้เกิดความรู้สึกยอมรับในตัวเอง

สำหรับการแสดงความรักต่อลูก สามารถทำได้ด้วยการสัมผัส เช่น การโอบกอด การอุ้ม การหอมแก้ม ลูบหัวเป็นต้น

Must read : การเจริญเติบโตของลูก จากความรักของพ่อแม่

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

7. คุณแม่ก็ต้องมีความสุขด้วยเช่นกัน

มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่หมกมุ่นอยู่กับแต่เรื่องลูก คิดแต่เรื่องลูกจนลืมนึกถึงตัวเอง เรื่องของตัวเองเอาไว้ทีหลังจนทำให้ไม่ได้ผ่อนคลายจิตใจเท่าที่ควร ยิ่งคุณแม่ลูกเล็กด้วยแล้วล่ะก็ แทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวหรือเวลาดูแลตัวเองเลยก็ว่าได้ แต่อันที่จริงแล้วหากคุณแม่ปรารถนาจะให้ลูกมีความสุข ก่อนอื่นคุณแม่ก็ต้องแสดงท่าทีให้ลูกเห็นว่าเรามีความสุขด้วยเช่นกัน

ฉะนั้นตัวคุณแม่เองก็ควรที่จะหาเวลาผ่อนคลายจิตใจบ้าง อาจจะเอาลูกไปฝากเนอสเซอรี่ชั่วคราวหรือฝากให้ญาติดูแลแทนสักครึ่งวันหรือ 1 วัน หลังจากนั้นคุณแม่ก็ไปช็อปปิ้ง เข้าร้านเสริมสวยหรือไปนวดผ่อนคลาย เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจกระชุ่มกระชวยแล้วค่อยกลับมาเต็มที่กับการเลี้ยงลูกต่อไปก็ได้

Must read : เสริมสวยหลังคลอด การดูแลตัวเองของคุณแม่

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลการแปลจาก : ชุฟุจัง

ที่มาข้อมูล locari.jp , www.shufuchan.com