AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สอนลูก รู้จัก “การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” อ้างจากเรื่องจริง!

สอนลูก ให้แบ่งปัน และรู้จักการให้ …ถ้าพูดถึงการให้ ความหมายของการให้ในทศพิศราชธรรมจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี แล้ว คือ ทาน (ทานํ) หมายถึง การให้ การเสียสละ นอกจากเสียสละทรัพย์สิ่งของแล้ว ยังหมายถึงการให้น้ำใจแก่ผู้อื่นด้วย ซึ่งเป็นข้อที่ 1 ใน 10 ข้อของทศพิธราชธรรม

สำหรับการให้ ถ้าเป็นการให้โดยไม่หวังผลหรือสิ่งตอบแทน นั่นหมายถึง การให้ที่ให้ด้วยใจ ให้แล้วเกิดความสุขต่อเพื่อนมนุษย์ แม้แต่ต่อสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาร่วมชะตาชีวิตบนโลกมนุษย์ด้วยกัน เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน

การให้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการให้ด้วยทรัพย์สิน เงินทอง ในที่นี้จะหมายถึง การให้ด้วยน้ำใจ ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า เป็นเรื่องที่หายากในสังคม การที่จะพบบุคคลที่มีความเสียสละ ทุ่มเท อุทิศแรงกายแรงใจ เสียสละเวลาส่วนตัว ด้วยแล้ว เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ยากเหลือเกินที่จะค้นพบ…การให้ด้วยน้ำใจ

Amarin Baby & Kids จึงขอนำเสนอเรื่องราว จากผลของการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน พร้อมแนะนำเทคนิคการสอนลูกให้รู้จัก การให้ ด้วย 3 วิธีง่ายๆ เพื่อให้คุณธรรมความดีนั้น ส่งกลับมาหาลูกของคุณ เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้

สอนลูก ให้แบ่งปัน และรู้จักการให้
จากเรื่องจริง!
“ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว”

…เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กชายเคลลี่ ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เขาต้องหาเงินไปโรงเรียนเองด้วยการนำสิ่งของใส่กระเป๋าเดินไปขายตามบ้านที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง

วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่ารถและค่าสินค้าแล้ว เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์ เท่านั้น
ขณะนั้นเขากำลังหิวมาก แต่เงินสดที่เขามีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว

ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึง
แต่เมื่อกดกริ่ง หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตู
เด็กชายเคลลี่ กับเกิดความละอายใจที่จะขออาหารเหมือนกับขอทาน เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้น

แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่าคงจะกำลังหิว!
เธอจึงได้นำเอานมสดแก้วใหญ่มาให้เคลลี่ดื่มเด็กชายเคลลี่ดื่มนมอย่างกระหายจนหมดแก้ว แล้วถามว่า ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ครับ?
เจ้าของบ้านสาวตอบว่า ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้น้ำใจไมตรี

เคลลี่ซาบซึ้งใจมากและตอบว่า ถ้าเช่นนั้น ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่รู้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย…

Must readสอนลูกให้มีน้ำใจ ในพริบตา!

อ่านต่อ >> เรื่องจริง! “ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

…อีก 30 ปีต่อมา มีหญิงคนหนึ่งป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ
ซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้
จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านโรคหัวใจทำการรักษา
เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้ว…

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นได้สะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้น
จึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษ
โดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุดและยาราคาแพงที่ดีสุด จนผู้ป่วยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้าน

ผู้ป่วยมีความกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์
ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงจะต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้
เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และยังไม่สามารถไปเบิกได้จากที่ไหนได้

แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ได้บอกเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีให้นำใบเก็บเงินไปให้เขา
แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัด
แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย

ข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า
.
.
.
“จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมสดหนึ่งแก้ว
ลงนาม นายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่”

ชมคลิปเรื่องจริงของ ดร.โฮเวิร์ด เคลลี (Dr. Howard Kelly)

(ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : Gigi Rune)

…ซึ่งจากเรื่องจริงนี้

นายแพทย์ที่ชื่อ โอเวอร์ด เคลลี่ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลจอห์น ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้มีฐานะจน เพียงแต่ไปเที่ยวเล่นและแวะฟาร์มแห่งหนึ่ง และจะขอน้ำดื่ม เด็กผู้หญิงที่เปิดประตูเอานมมาให้ดื่ม จึงเป็นที่มาของความประทับใจ ต่อมาด้วยความบังเอิญ ผู้หญิงต้องมีรับการรักษาและต้องเข้ารับการผ่าตัดจากนายแพทย์คนนี้ นายแพทย์จึงไม่คิดค่ารักษา บอกว่าจ่ายเต็มจำนวนแล้วด้วยนมหนึ่งแก้ว (ที่มาของเรื่อง : www.truthorfiction.com/rumors/o/oneglassofmilk.htm)

…และจากเรื่องราวข้างต้นนั้น ทำให้รู้ว่า คนเราต้องรู้จักให้ผู้อื่นก่อน และควรเป็นการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ  แล้วสิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมา ดังนั้นการสอนให้ลูกรู้จักให้ มีน้ำใจ และแบ่งปันผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ก็เปรียบเสมือนพรที่พ่อแม่ได้ให้ลูกไว้ เพื่อวันหนึ่งที่ลูกทำความดีนี้ สิ่งนี้จะตอบแทนลูกเอง โดยไม่ทันตั้งตัว

อ่านต่อ >> “3 ขั้นตอนง่ายๆ สอนลูกรักเป็นคนรู้จักให้” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ทั้งนี้การสอนเรื่อง การให้ กับลูก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ ต้องฝึกสอนตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ เพราะโดยพื้นฐานของเด็กทั่วไป มักเผลอแสดงความเห็นแก่ตัว-หวงของออกมา นั่นไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันเป็นสัญชาตญาณดิบในการดำรงชีวิตของมนุษย์ แต่คุณพ่อคุณแม่คงไม่ยินดีนักหากลูกจะติดนิสัยเหล่านี้ไปจนโต

ตรงกันข้ามกับเด็กที่รู้จักให้ และเปี่ยมไปด้วยความรู้สำนึกต่อคนรอบข้างที่ดูแลเขา ทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ ที่จะเป็นที่รักของคนทั่วไป อีกทั้งการรู้จักให้ยังช่วยบ่มเพาะจิตใจ ทำให้เขาเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

นับข้อดีได้มากขนาดนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการแก้ปัญหาเด็กขี้หวงของ เห็นแก่ตัว เรามีวิธีสอนให้เด็กๆ “รู้จักให้” อย่างมีประสิทธิภาพ มาฝากกันค่ะ ดังต่อไปนี้

√ ขั้นแรก – เตรียมความพร้อมก่อน

เด็กเล็กที่ดูไม่ประสีประสา ยังไม่รู้ความอะไร แต่เขาก็รู้จักหวงของ และรู้คุณค่าของสิ่งที่ตนมี อย่างของขวัญวันเกิด หรือความสำคัญของวันเกิด การจะสอนให้เขารู้จักให้ จึงควรเริ่มจากอธิบายให้เขาฟังว่าเด็กบางคนไม่ได้โชคดีเกิดมามีพ่อแม่ที่เอาใจใส่ และเห็นวันเกิดของเขาเป็นวันสำคัญอย่างตัวเขา เมื่ออธิบายอย่างนี้ เด็กจะเริ่มเห็นอกเห็นใจผู้ที่ขาดขึ้นมาได้ในทันที เป็นการค่อยๆ ปลูกความเห็นอกเห็นใจในผู้อื่นลงในใจเด็ก แล้วเขาจะนึกอยากช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขบ้าง

√ ขั้นที่สอง – ลงมือปฏิบัติ

การแนะให้ลูกรู้จักให้ อาจเป็นของเล่นชิ้นที่ไม่โปรดแล้ว หรือแม้แต่ชิ้นโปรดแต่ไม่ได้เล่นแล้ว หรืออาจเป็นการพาลูกไปซื้อข้าวของสำหรับการบริจาค โดยให้ลูกมีส่วนในการเลือกที่คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ชี้แนะ หรือแม้แต่เก็บค่าขนมของตัวเอง โดยไม่ควรหัดให้ลูกบริจาคเฉพาะของที่เขาไม่เอาแล้ว แต่ควรหัดให้ลูกคิดว่าคนที่จะมอบของให้เขาขาด และต้องการอะไรจริงๆ เพราะการทำทานนั้นยิ่งทานนั้นออกไปจากใจที่ประณีตเท่าไรก็ยิ่งได้บุญเท่านั้น และเมื่อนำของไปมอบให้ ควรให้ลูกเป็นผู้ที่มีส่วนในการมอบ โดยเฉพาะของที่เป็นของเขา เพื่อให้เขาได้สัมผัสการให้จริงๆ เมื่อได้ให้ใจของเขาจะเบา และมีกำลัง จิตใจอย่างนี้สะสมมากๆ จะช่วยให้เขาเป็นคนจิตใจดี มีความเชื่อมั่นในความดีของตัวเอง และเป็นเด็กรู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

√ ขั้นที่สาม – ยืดอายุความรู้สึกดี

ในการทำบุญทำทานนั้น ก่อนให้ ระหว่างให้ และหลังให้ หากใจเบิกบานเรียกว่าได้อานิสงส์ครบ ฉะนั้นเมื่อได้แบ่งปันของให้ผู้อื่นแล้ว เด็กจะรู้สึกดี คุณพ่อคุณแม่ควรช่วยเสริมด้วยการชื่นชมการทำดีของเขา อธิบายให้เขาฟังว่าผลจากการให้ของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เช่น หากเขามอบของเล่นให้คนที่ขาดก็แนะได้ว่าคนอื่นจะได้มีเล่น สนุก แบบเดียวกับเขา

บางครอบครัวอาจต่อยอดด้วยการทำสมุดความดีให้เขาลงบันทึกสิ่งดีๆ ที่ได้ทำด้วยตัวเอง เอากลับมาดูอีกเมื่อไรก็ชื่นใจเมื่อนั้น แถมเมื่อมากครั้งแล้ว ยังอาจรวมให้เป็นรางวัลให้ลูกประหลาดใจ ดีใจกับการทำความดีของตนขึ้นไปได้อีก

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลและเรื่องราวดีๆ จาก :  www.manager.co.th , ac127.wordpress.com