AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เด็กแรกเกิดตัวเหลือง อันตรายหรือไม่? รักษาอย่างไร?

เด็กแรกเกิดตัวเหลือง คืออะไร? ทำไมถึงอันตราย? คืออย่างนี้ค่ะ ปกติแล้วหลังจากลูกคลอดออกจากท้องแม่แล้ว คุณหมอจะทำการตรวจร่างกายของลูกว่ามีสิ่งผิดปกติอะไรหรือไม่ อาการตัวเหลืองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณหมอจะต้องตรวจ เพราะ เด็กแรกเกิดตัวเหลือง ที่ไม่ได้รับการรักษา สารเหลืองนี้จะเข้าไปอยู่ในเนื่อเยื่อสมอง ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ได้ อันตรายมากใช่ไหมล่ะคะ เรามาทำความรู้จักกับภาวะตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดกันดีกว่าค่ะ

เด็กแรกเกิดตัวเหลือง อันตรายหรือไม่? รักษาอย่างไร?

อะไรคือภาวะตัวเหลือง?

เด็กแรกเกิดตัวเหลือง สามารถพบได้ถึง 50% ของเด็กแรกเกิดทั้งหมด หมายถึงครึ่งนึงของเด็กแรกเกิดจะมีภาวะนี้  เด็กที่มีภาวะตัวเหลือง จะมีสารสีเหลืองที่เรียกว่า “บิลิรูบิน” ในเลือดสูงกว่าปกติ บิลิรูบินนี้เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นภาวะปกติของร่างกายทุกคน แต่ในเด็กแรกเกิดที่ยังเจริญเติบโตไม่มากพอที่จะกำจัดสารบิลิรูบินและขับออกจากร่างกายทางอุจจาระและปัสสาวะได้ จึงส่งผลให้ผิวหนังและตาขาวของทารกมีสีเหลือง

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกตัวเหลือง?

อ่านมาถึงตรงนี้ แม่ ๆ หลายคนอาจจะกังวลใจว่าลูกเราจะตัวเหลืองไหม เพราะอาการนี้พบได้บ่อยในเด็กแรกเกิดทั่วไป อย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ เพราะถึงจะมีอาการตัวเหลือง ก็ไม่ได้หมายความว่าสารเหลืองจะขึ้นไปทำลายสมองได้ในทันที ปกติแล้วหลังจากคลอดได้ 1-3 วัน คุณหมอจะตรวจค่าของสารเหลืองที่มีอยู่ในร่างกายก่อนค่ะ หากมีค่าสูงเกินระดับที่ 13 คุณหมอจะรีบทำการรักษาโดยการถ่ายเลือดทันที หากค่าของสารเหลืองมีค่าเกินระดับที่ 8 คุณหมอจะรักษาโดยการส่องไฟ และหากมีค่าต่ำกว่านั้น คุณหมอจะให้กลับบ้านเพื่อปล่อยให้กลไกของร่างกายที่เมื่อเจริญเติบโตขึ้นแล้ว จะสามารถขับสารเหลืองออกมาได้เอง

แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อได้กลับบ้านแล้ว ค่าของสารเหลืองจะไม่มีทางขึ้นมาในระดับที่เป็นอันตรายได้อีกนะคะ ในวันที่ 5-7 หลังคลอด คุณหมอจะนัดมาตรวจค่าของสารเหลืองอีกครั้ง เพื่อดูว่าร่างกายได้สร้างกลไกการขับสารเหลืองได้ดีพอหรือยัง หากยังไม่ดีพอ คุณหมอก็จะดูสาเหตุว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ เช่น ลูกได้รับน้ำนมไม่เพียงพอในการช่วยขับสารเหลือง ลูกติดเชื้อไวรัส ตับอักเสบ เป็นต้น

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ เด็กแรกเกิดตัวเหลือง มีอาการอย่างไร?

เด็กแรกเกิดตัวเหลือง มีอาการอย่างไร?

อาการตัวเหลืองสามารถสังเกตได้โดยง่าย โดยใบหน้าของลูกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนก่อน และจะลามไปส่วนอื่น ๆ เช่น แขน ขา ลำตัว และท้อง เป็นต้น ในเด็กบางคนจะมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย

แต่หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการเหล่านี้ร่วมกับอาการตัวเหลือง ควรรีบพาลูกไปหาคุณหมอทันที

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ สาเหตุของ เด็กแรกเกิดตัวเหลือง

สาเหตุของเด็กแรกเกิดตัวเหลือง มีอะไรบ้าง?

เด็กแรกเกิดตัวเหลืองนั้นเป็นเพราะ ระดับสารบิลิรูบินในเลือดมีสูงมากเกินไป โดยสารนี้เกิดขึ้นเมื่อเม็ดเลือดแดงซึ่งทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายแตกตัว ในภาวะปกติ บิลิรูบินในกระแสเลือดจะถูกส่งไปที่ตับและขับออกทางอุจจาระ แต่ในเด็กแรกเกิด ตับจะยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้ไม่สามารถกำจัดสารนี้ได้รวดเร็วพอ ซึ่งภาวะนี้ทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะตัวเหลืองปกติ ซึ่งเด็กแรกเกิดที่เป็นภาวะนี้จะสามารถหายได้เองใน 2 สัปดาห์ และไม่เป็นอันตรายกับสมองลูก แต่ภาวะตัวเหลืองก็อาจเกิดจากภาวะตัวเหลืองที่ผิดปกติได้ ดังสาเหตุต่อไปนี้

  1. ลูกเป็นโรค G6PD หรือภาวะการบกพร่องเอนไซม์ G6PD ส่งผลทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการทำลายเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ พบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง
  2. เกิดจากหมู่เลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากัน เช่น แม่ที่มีหมู่เลือด Rh ลบกับลูกหมู่เลือด Rh บวก หรือ แม่ที่มีหมู่เลือดโอกับลูกที่มีหมู่เลือดเอบี มีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้นในลูกคนที่สอง เนื่องจากร่างกายแม่จะสร้างภูมิคุ้มกันต่อหมู่เลือดที่ไม่เข้ากันกับทารก
  3. เกิดมาจากนมแม่ ลูกได้รับนมแม่ปกติ พัฒนาการด้านน้ำหนักตัวขึ้นดี ส่วนมากจะพบภาวะตัวเหลืองชัดเจนในช่วงท้ายสัปดาห์แรกเป็นต้นไป
  4. การได้รับนมแม่หรือนมผงไม่เพียงพอ ทำให้ปัสสาวะหรืออุจาระน้อย ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับสารเหลืองออกทางปัสสาวะหรืออุจาระได้ จนน้ำหนักตัวน้อยไม่เป็นไปตามพัฒนาการ พบในทารกที่แม่ขาดประสบการณ์ในการให้นม เช่น ไม่รู้ว่าน้ำนมที่ลูกดูดจากเต้ามีปริมาณเท่าไร ทำให้ไม่รู้ว่าลูกดูดนมอิ่มหรือยัง หรืออาจเกิดจากปัจจัยของตัวทารกเอง เช่น คลอดก่อนกำหนดหรือมีภาวะดูดนมยาก ภาวะลิ้นติด เป็นต้น
  5. ภาวะตับอักเสบ อาจพบอาการอื่นร่วมกับอาการตัวเหลืองด้วย เช่น อาการไข้ ไม่ดูดนม ซึม ท้องโตเนื่องจากตับโต
  6. เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด อาจพบอาการเหล่านี้ร่วมกับภาวะตัวเหลือง เช่น มีไข้ ชัก ซึม ไม่ดูดนม ท้องอืด
  7. ภาวะพร่องไทรอยด์แต่แรกเกิด ทารกที่มีภาวะตัวเหลืองจากสาเหตุนี้จะมีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์ ในบางครั้งอาจมีภาวะกระหม่อมกว้างกว่าปกติ สะดือจุ่น ลิ้นโตคับปาก แต่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ปกติแล้วทารกทุกรายจะได้รับการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ตั้งแต่แรกเกิด
  8. ภาวะท่อหรือทางเดินน้ำดีตีบตันหรือโป่งพอง จะแสดงอาการของโรคที่สำคัญคือ ตัวเหลืองร่วมกับอุจจาระมีสีซีด ปัสสาวะมีสีเข้ม เนื่องจากไม่สามารถขับบิลิรูบินออกทางน้ำดีได้

ภาวะตัวเหลืองในเด็กแรกเกิด อันตรายแค่ไหน?

หากระดับของบิลิรูบินในเลือดสูงมาก บิลิรูบินจะเข้าไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อสมองและก่อให้เกิดความผิดปกติทางระบบประสาท เรียกว่า เคอร์นิกเทอรัส (kernicterus) ถ้าหากเกิดขึ้นเฉียบพลัน ทารกจะมีอาการซึม ดูดนมน้อยลง ตัวอ่อนปวกเปียก หรือ อาจเกิดอาการเกร็งหลังแอ่น ชัก มีอาการไข้ และอาจร้องไห้เสียงแหลม หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ในระยะเวลา 6-12 เดือนต่อมา ทารกจะมีการเคลื่อนไหวผิดปกติของร่างกายและแขนขา การได้ยินและการเคลื่อนไหวของลูกตาผิดปกติ พัฒนาการล่าช้า ระดับสติปัญญาลดลง ถ้าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในทารกแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แม้ว่าจะลดระดับของบิลิรูบินจนเข้าสู่ภาวะปกติ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ วิธีการรักษาภาวะเด็กตัวเหลือง และพ่อแม่จะช่วยให้ค่าสารเหลืองลดลงได้อย่างไรบ้าง

วิธีการรักษาภาวะเด็กตัวเหลือง

อาการตัวเหลืองที่ไม่รุนแรงจะหายไปได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ในรายที่อาการไม่ดีขึ้นและมีระดับสารบิลิรูบินในเลือดสูง แพทย์อาจใช้การรักษาเพื่อลดระดับสารบิลิรูบินในเลือดด้วยวิธี ดังต่อไปนี้

  1. การส่องไฟรักษา ไฟในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาลูกไปส่องกับหลอดไฟธรรมดาทั่วไปนะคะ เพราะไม่สามารถรักษาภาวะตัวเหลืองได้ค่ะ หลอดไฟที่ใช้ส่องเป็นหลอดไฟชนิดพิเศษค่ะ มีความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสำหรับรักษาอาการตัวเหลืองเท่านั้น ไม่สามารถรักษาอยู่ที่บ้านได้
  2. การถ่ายเลือดร่วมกับการส่องไฟรักษา ถ้าหากระดับของบิลิรูบินในเลือดสูงมากจนอาจจะเกิดการสะสมในเนื้อเยื่อสมอง หรือแสดงอาการเฉียบพลันทางสมองเบื้องต้นแล้ว ควรใช้วิธีการถ่ายเลือดร่วมกับวิธีการส่องไฟรักษาเพื่อลดระดับของบิลิรูบินในร่างกายของทารกได้อย่างทันท่วงที
  3. การรักษาด้วยยา ยาที่สามารถรักษาภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดได้คือยาชีววัตถุ เช่น อิมมูโนโกลบูลินชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous immunoglobulin)

พ่อแม่จะช่วยให้ค่าสารเหลืองลดลงได้อย่างไรบ้าง?

ในกรณีที่ค่าสารเหลืองไม่ได้อยู่ในระดับที่จำเป็นต้องส่องไฟเพื่อการรักษา คุณหมอจะแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกกลับบ้านและคอยดูอาการของลูกต่อไป หากพบสิ่งผิดปกติ ถึงพาไปพบแพทย์ คุณพ่อคุณแม่ที่ได้ทราบข่าวนี้ มักจะกังวลว่า ถ้าสารเหลืองเกิดเพิ่มขึ้นโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบจะทำอย่างไร และต้องทำอย่างไรบ้างให้สารเหลืองนี้ถูกขับออกไปได้โดยเร็ว เรามีวิธีมาฝากค่ะ

  1. พาลูกมาตรวจตามที่หมอนัด (ไม่ควรเลื่อนวัน หากไม่จำเป็น) เพื่อให้คุณหมอคอยสังเกตอาการของลูก และจะได้รักษาได้ทันที
  2. คอยสังเกตว่าลูกมีอาการตัวเหลืองเพิ่มขึ้นหรือไม่
  3. สังเกตสีของอุจจาระหรือปัสสาวะของทารก หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น อุจจาระมีสีซีด หรือ ปัสสาวะมีน้ำตาลเข้มควรมาพบแพทย์
  4. นับจำนวนครั้งของการอุจจาระและปัสสาวะ เพื่อตรวจสอบว่าได้รับนมเพียงพอหรือไม่
  5. อาการหรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น มีไข้ ซึม ไม่ดูดนม หรือท้องอืด ควรพาลูกน้อยมาพบแพทย์ทันที
  6. หากเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ และประสบปัญหาในการให้นมลูก เช่น ลูกดูดนมยาก ลูกดูดนมน้อยหรือยังให้นมลูกไม่ถูกต้อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงทารกด้วยนมแม่ในสถานพยาบาลเพื่อเสริมพัฒนาการที่ดีของทารก
  7. **การให้ลูกดื่มน้ำ นอกจากไม่ได้ช่วยลดสารเหลือง ยังทำให้เสี่ยงต่อภาวะน้ำเป็นพิษอีกต่างหาก**

 

แม่พริมาเองก็มีประสบการณ์ที่ลูกทั้งสองคนเกิดภาวะตัวเหลืองหลังคลอด ทำให้ทราบดีว่า เด็กแรกเกิดตัวเหลือง นั้นอันตรายมากแค่ไหน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้น จึงอยากให้บทความนี้ เป็นข้อมูลให้แก่แม่ท้อง แม่แรกคลอดทุกคนได้อ่านเพื่อทำความรู้จักกับภาวะนี้ และเตรียมรับมือ หากภาวะนี้เกิดขึ้นกับลูกของเราค่ะ

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจได้ที่นี่

โรคในทารกแรกเกิด 10 โรคฮิตลูกมักเป็นในขวบปีแรก

นี่คือพัฒนาการ ความจำ ของลูกทารกตั้งแต่แรกเกิด – 1 ขวบ

10 กิจกรรมเล่นกับลูก เสริมสร้าง พัฒนาการทารกแรกเกิด

 

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th, pobpad.com, เพจคุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids