เมื่อลูกเป็นหวัดคัดจมูก หายใจได้ลำบาก คุณแม่ก็จะอยากเอาน้ำมูกที่ค้างอยู่ในจมูกลูกออก เพื่อให้หายใจได้โล่งขึ้น ที่ดูดน้ำมูก จึงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เป็นตัวช่วยแม่ ๆ ได้ดี
ที่ดูดน้ำมูก เด็กและทารก ใช้อย่างไร? แบบไหนดี?
ที่ดูดน้ำมูก มีกี่แบบ?
-
ลูกยางแดง
การใช้ลูกยางแดง เหมาะกับเด็กเล็กที่มีน้ำมูกใส ไม่เหนียว ปริมาณไม่มาก ลูกยางแดงที่เป็นลูกยางทั้งอันคือส่วนปลายเป็นยางไม่ใช่พลาสติกจะช่วยดูดน้ำมูกในรูจมูก และดูดเสมหะที่โคนคอได้ การดูดเสมหะที่คอจะกระตุ้นให้เด็กไอช่วยขับเสมหะออกมาแล้วดูดเสมหะที่คอออก
วิธีใช้ลูกยางแดงดูดน้ำมูก
- ใช้มือข้างที่ถนัดจับลูกยางแดง บีบลมออกให้แฟบ เตรียมพร้อมที่จะดูด ขณะที่มืออีกข้าง จับหน้าเด็กให้เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง (การจับให้เด็กหันหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง เป็นการป้องกันไม่ให้เด็กสำลักเอาน้ำลายหรืออาหารเข้าปอด หากขณะดูดน้ำมูกหรือเสมหะแล้วเด็กอาเจียนออกมาพร้อม ๆ กัน)
- สอดลูกยางแดงเข้าไปในรูจมูกทีละข้าง โดยสอดเข้าไปตื้นๆ พร้อมกับปล่อยมือช้าๆ น้ำมูกจะถูกดูดเข้ามาในลูกยางแดง
- ดึงลูกยางแดงออกจากรูจมูก บีบน้ำมูกที่ดูดมาได้ทิ้งในทิชชู หรือภาชนะที่เตรียมไว้
- ทำซ้ำ ๆ แบบเดิม และดูดน้ำมูกออกจนหมดในจมูกแต่ละข้าง
ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- พกพาได้สะดวก
- มีแรงดูดมาก
ข้อเสีย
- ล้างทำความสะอาดยาก น้ำมูกที่ถูกดูดจะอยู่ในลูกยางแดง ทำให้ไม่รู้ว่าล้างน้ำมูกออกหมดหรือยัง มีคนเคยผ่าดูข้างในลูกยางแดง พบว่ามีเชื้อราอยู่
- ใช้วิธีควบคุมแรงดูดด้วยมือ ทำให้บางครั้งน้ำมูกถูกดูดออกมาแรงเกินไป ลูกอาจเจ็บได้
- ลูกยางแดงอาจทิ่มเยื่อบุจมูกลูกได้
2. เครื่องดูดน้ำมูกชนิดสายยาง
ที่ดูดน้ำมูกชนิดสายยาง ถูกออกแบบเพื่อขจัดปัญหาของการดูดช่วงสั้นในที่ดูดน้ำมูกแบบลูกยางและยังลดแรงดูดที่มากเกินไปในลูกยาง โดยใช้การดูดจากปากของแม่ซึ่งจะมีความต่อเนื่องกว่า สามารถควมคุมแรงดูดด้วยตนเอง น้ำมูกที่ถูกดูดออกมาจะถูกแยกเก็บใส่ขวด ง่ายต่อการมองเห็นและทำความสะอาด น้ำมูกจะไม่ไหลย้อนกลับ ปลายซิลิโคนนิ่ม ไม่ทำให้ลูกน้อยเจ็บโพรงจมูก
วิธีใช้ ที่ดูดน้ำมูก ชนิดสายยาง
- ล้างทำความสะอาดที่ดูดน้ำมูกก่อนใช้ทุกครั้ง
- เหน็บปลายเล็ก (ที่มีรูอากาศใหญ่กว่า) ไว้ที่ปากของแม่
- อุ้มทารกจัดท่าให้สบายและล็อคศีรษะให้คงที่
- นำปลายที่มีรูอากาศเล็กเรียวแตะบริเวณปลายจมูกของทารกเบา ๆ
- คุณแม่ดูดโดยการหายใจเข้าทางปากโดยควบคุมแรงดูดตามแต่คุณแม่ต้องการ
- ล้างทำความสะอาดโดยล้างถ้วยพบาสติก และสายยางโดยใช้น้ำผ่านรูอากาศทั้งสองรู
- เก็บไว้ที่สะอาด
ข้อดี
- สามารถควบคุมแรงดูดได้ด้วยตนเอง
- แรงดูดมีความต่อเนื่องกว่าที่ดูดน้ำมูกแบบลูกยางแดง
- น้ำมูกไม่ไหลย้อนกลับ
ข้อเสีย
- คุณพ่อคุณแม่เสี่ยงต่อการติดหวัดจากลูก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ ที่ดูดน้ำมูกเด็กและทารก ใช้อย่างไร? แบบไหนดี?
ที่ดูดน้ำมูก เด็กและทารก ใช้อย่างไร? แบบไหนดี?
3. เครื่องดูดน้ำมูกอัตโนมัติ
เครื่องดูดน้ำมูกอัตโนมัติ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ดูดน้ำมูกลูกออกมาได้สะดวก เพราะเครื่องถูกออกแบบมาให้ใช้งานแบบอัตโนมัติ เพียงแค่นำเครื่องไปจ่อไว้ที่รูจมูกลูก และกดปุ่มทำงาน ภายในไม่กี่วินาทีเครื่องจะทำการดูดน้ำมูกออกมาไว้ในลูกโป่งที่มีไว้สำหรับเก็บน้ำมูก มีแรงดูดที่เหมาะสม และไม่เป็นอันตรายกับโพรงจมูกลูก เครื่องบางรุ่นจะมีเสียงเพลงเพื่อกลบเสียงดูดน้ำมูก จะทำให้ลูกน้อยไม่รู้สึกกลัวขณะดูดน้ำมูกอีกด้วย
วิธีใช้เครื่องดูดน้ำมูกอัตโนมัติ
- สำหรับน้ำมูกที่เริ่มข้นเหนียว ควรหยอดน้ำเกลือลงไป 3-7 หยดก่อนดูด
- เปิดเครื่องดูดทันทีที่หยดน้ำเกลือลงไป
- สอดปลายดูดไปที่จมูกของลูกน้อย ค่อย ๆ หมุนปลายดูดเพื่อให้น้ำมูกออกมาง่ายขึ้น ในกรณีน้ำมูกที่ติดลึกและเหนียวข้น สามารถปรับระดับความแรงให้แรงขึ้น อาจใช้นิ้วปิดจมูกอีกข้างจะช่วยให้ดูดน้ำมูกที่ค้างอยู่ในจมูกออกมาได้ดีขึ้น
- หลังจากดูดใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดรอบจมูกลูกน้อย เพื่อทำความสะอาดอีกครั้ง
ข้อดี
- ล้างทำความสะอาดได้ง่าย อุปกรณ์บางส่วนสามารถนำเข้าเครื่องนึ่งขวดนมได้
- อุปกรณ์ถูกออกแบบมาให้จับถนัดมือ สะดวกต่อการใช้งาน
- มีแรงดูดที่เหมาะสม ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เป็นอันตรายกับโพรงจมูกลูกน้อย
- พกพาสะดวก
- ดูดน้ำมูกได้ง่าย เร็ว และลูกน้อยไม่ค่อยรู้สึกกลัวขณะดูดน้ำมูก
ข้อเสีย
- ราคาแพง เมื่อเทียบกับที่ดูดน้ำมูกแบบอื่น ๆ
- แรงดูดอาจน้อยไปสำหรับเด็กที่เริ่มโตแล้ว
อย่างที่ทราบกันดีว่าไม่มียาใดที่ฆ่าเชื้อไวรัสหวัดได้ เราจึงไม่สามารถให้ลูกกินยาเพื่อให้ลูกหายหวัดได้ สิ่งที่จะทำให้ลูกหายจากอาการหวัดคือการทำให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ ทานน้ำสม่ำเสมอ และรอเวลาให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต้านเชื้อไวรัสหวัด ดังนั้น สิ่งเดียวที่พ่อแม่อย่างเราทำได้คือบรรเทาอาการหวัดให้ลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นการทานยาลดน้ำมูก บรรเทาอาการไอต่าง ๆ การล้างจมูก รวมถึงการดูดน้ำมูก ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้อาการจากหวัดมารบกวนการทำให้ร่างกายของลูกน้อยแข็งแรงนั่นเอง
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
กินยาดักไข้ กันลูกเป็นหวัด เป็นไข้ ได้จริงหรือ?
วิธีส่องดูคอลูก เมื่อ “เป็นหวัดเจ็บคอ”
ลูกดื้อยา เพราะเชื้อแบคทีเรียกลายพันธุ์จากการใช้ยาปฏิชีวนะ
ระบาดหนัก!! หนาวนี้พบป่วย “ท้องร่วง” เก้าแสนกว่าคนแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : คลังข้อมูลดิจิทัล สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่