ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย ได้ทำภาพง่ายๆ เรื่อง “ เมื่อคุณ โมโหลูก ” ออกมาเตือนสติพ่อแม่ผู้ปกครองที่อาจเผลอใช้อารมณ์กับเด็ก ซึ่งส่งผลเสียกับอารมณ์ของลูกแน่นอน มาดูกันว่ามีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้แล้ว Amarin Baby & Kids ขอนำตัวอย่างดีๆ จากเว็บไซต์กรมสุขภาพจิต มาเป็นตัวอย่างกับคุณแม่ที่ขี้หงุดหงิด ขี้ โมโหลูก ให้ดูกันค่ะ…
อ่านต่อ “วิธีรับมือเมื่อคุณโมโหลูก” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
กรณีตัวอย่างจาก คุณแม่ที่ขี้หงุดหงิด ขี้โมโหลูก
“เป็นคนขี้โมโหลูกมากเลย ตอนนี้เลี้ยงลูก 3 คน วัย 6 ขวบ, 4 ขวบ และ 2 ขวบตามลำดับ อยู่กับสามีนะคะ สามีดีมากค่ะ แต่เลี้ยงลูกคนเดียว คือ ไม่มีปู่ย่า ตายายมาช่วยเลี้ยงหน่ะคะ อยู่ต่างจังหวัดกับแฟน เครียดมากค่ะ เวลาลูกทำอะไรเลอะนิดเลอะหน่อย ก็โกรธเหมือนคนบ้า เวลาพูดอะไรแล้วลูกไม่ฟัง ก็โมโหบ้าเหมือนกัน เช่น ขว้างปาสิ่งของ ตีตัวเองก็มี บางครั้งก็ตีลูกบ้างคะ อันนี้จะเก็บอารมณ์สุดๆ จนทนไม่ไหวจริงๆ แต่พอสักพักเดียวก็หาย คือ คิดได้ ว่าเรื่องแค่นี้เอง เก็บไป หรือเช็ดทำความสะอาดแค่นี้เอง เฮ้อ วันๆ เป็นหลายครั้งมากค่ะ จะเป็นบ้าหรือเปล่า มีใครช่วยแนะนำ ลดความโมโหบ้างได้คะ จะขอบคุณมากๆๆ ค่ะ
ซึ่งทีมสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องการ โมโหลูก ที่น่าสนใจไว้ว่า…
ความเหน็ดเหนื่อยสะสมจากการดูแลลูกทั้ง 3 คน ของคุณทำให้หงุดหงิด โมโหง่าย และคุณก็มักเก็บอารมณ์ดังกล่าวไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ความเครียดและอารมณ์ที่ถูกเก็บกดไว้ นานวันเข้าอารมณ์เหล่านั้นก็แสดงตัวในรูปแบบที่ไม่เหมาะสมออกมาจนได้ แล้วตอนนี้คุณก็กำลังว่ามันกำลังคุกคามชีวิตคุณ จนอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตเสียแล้ว
วิธีควบคุมอารมณ์ตนเองง่าย ๆ
-
เรียกสติกลับมา สติ คือ ความระลึกได้ ความนึกขึ้นได้ ความไม่เผลอ
ฉุกคิดขึ้นได้เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืม ระงับยับยั้งใจได้ จะก่อให้เกิดความยับยั้งชั่งใจและความระมัดระวัง ไม่ให้เผลอแสดงออกในสิ่งที่ไม่เหมาะสมจนเกิดความเสียหาย ทางที่ดีที่สุด คือ คุณต้องมีสติอยู่เสมอนั่นเอง วิธีเช็คง่าย ๆ ว่าตอนนี้คุณมีสติหรือไม่ ลองถามตัวคุณเองดูสิว่าตอนนี้คุณกำลังหายใจเข้าหรือออก ตอบได้ทันทีหรือต้องกลับไปคิดก่อน ฝึกเช็คสติตัวเองด้วยการสังเกตลมหายใจไปเรื่อย ๆ จะช่วยให้คุณคิดและทำเรื่องต่าง ๆ อย่างเป็นระบบมากขึ้น
-
ถอยออกมาตั้งหลัก ไม่จำเป็นที่คุณต้องเข้าไปจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างในทันทีทันใด
ยิ่งรู้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้โมโหขั้นมาแล้วละก็ ควรถอยออกมาตั้งหลักก่อน รอให้ใจเย็นลงซักนิดแล้วค่อยกลับไปจัดการต่อก็ได้
-
หาวิธีระบายอารมณ์ที่เหมาะสม
ลองใช้วิธีเขียนระบายความรู้สึกลงในกระดาษ เขียนทุกสิ่งที่อยากระบายออกไปให้มากเทาที่คุณต้องการ จากนั้นก็โยนมันทิ้งไปซะ แล้วลืมมันไปได้เลย
-
ให้อภัย เริ่มจากการให้อภัยตัวเอง
ให้อภัยคนที่ทำให้เราโกรธ / โมโห เลือกและมองหาแง่ดีของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา (แม้สิ่งนั้นจะดูห่างไกลจากการมีสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่ก็ตามที )
-
เหนื่อยนักก็พักหน่อย หามุมสงบหรือมุมส่วนตัวของคุณเองภายในบ้านไว้พักผ่อน
เช่น อ่านหนังสือดี ๆ สักเล่ม ฟังเพลงเบา ๆ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ เพื่อเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ และประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคุณเองก็จำเป็นต้องมีเวลาและพ้ืนที่ส่วนตัวเช่นเดียวกัน หรือหากทำได้ก็ควรหาโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ที่น่าสนใจบ้าง เพื่อเป็นการเติมพลังให้ชีวิต
อ่านต่อ >> “เมื่อคุณโมโหลูก กับวิธีเปลี่ยนตัวเอง ไม่ให้เป็นยักษ์มารในสายตาลูก” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
แม่ โมโหลูก เปลี่ยนตัวเองด้วย 4 วิธี ไม่ให้เป็นยักษ์มารในสายตาลูก
ทำเป็นไม่สนใจก็แล้ว พูดดีๆ ด้วยก็แล้ว นับ 1-1000 ก็สองรอบแล้ว บอกตรงๆ ว่าไม่ไหวแล้วนะ ลูกจอมแสบทั้งหลายก็ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ จะให้ปล่อยไปลูกจะดีได้อย่างไร พ่อแม่ที่ไหนจะอยากแปลงเป็นมารร้าย น่าสงสัยจริงๆ นิสัยและอารมณ์ไม่น่าปลื้มทั้งหลายที่พ่อแม่เป็นตอนเลี้ยงลูก มีต้นเหตุจาก “ลูก” จริงหรือเปล่า จะจัดการกับภาคยักษ์มารของพ่อแม่อย่างไร ถ้าไม่เป็นมารจะทำอย่างไรให้จอมแสบทั้งหลายรับฟังที่พ่อแม่สอน ลองทำ 4 เคล็ดลับนี้สิคะ
1. สังเกตบุคลิกตัวเอง
ส่วนใหญ่อารมณ์ร้อนหรือพฤติกรรมที่พ่อแม่ใช้แล้วไม่ค่อยได้ผลตอนเลี้ยงลูก อยากให้ลองสังเกตว่า ส่วนหนึ่งก็อาจมาจากลูก แต่อีกส่วนอาจเป็นนิสัยหรือบุคลิกเดิมของคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว เช่น ใจร้อน ขี้บ่น ขี้กังวล ขี้กลัว
2. ยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้น
ช่วยให้รู้ทันอารมณ์มากขึ้น จะควบคุมได้ดีขึ้น และการบอกให้ลูกรู้ด้วยความสงบว่าตอนนี้พ่อแม่กำลังอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด ก็เป็นวิธีที่ช่วยได้
3. ตัวเองเคยได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยวิธีนี้แล้วได้ผล แต่…
…กับลูกทำไมไม่ได้ผล เช่น ได้รับการเลี้ยงดูมาแบบเข้มงวด มีระเบียบแล้วได้ดี แต่ใช้กับลูกไม่ได้ผล ก็เพราะลูกก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความแตกต่าง และมีความเป็นตัวของเขาเองด้วย ถ้าพ่อแม่เป็นอย่างไรตอนเลี้ยงลูก ลูกก็มักจะซึมซับและเป็นอย่างนั้น เช่น เลี้ยงลูกด้วยอารมณ์ร้อนมากๆ ลูกก็ซึมซับและโต้ตอบกลับทำให้ดื้อมากขึ้น และจะมีเรื่องเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตามวัย
4. ลองทบทวนดูดีๆ ปัญหาเริ่มมาจากไหน
การเลี้ยงลูกที่ดี ควรมีทั้งกฎกติกาจากพ่อแม่และมีโอกาสที่ลูกได้คิดและมีส่วนร่วมคิดด้วย ซึ่งไม่ได้หมายความทุกสิ่งที่ลูกคิดถูกต้องทุกอย่าง เรื่องไหนไม่ควรพ่อแม่ก็ต้องหนักแน่น ไม่ได้คือไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติค่ะ ที่แม่จะโมโหลูก โกรธลูกได้ แต่อย่าลืมว่า เราเป็นต้นแบบคนสำคัญของลูกของเรา และแม้ว่าลูกๆ จำเป็นต้องเข้าใจว่า การกระทำของเขาจะส่งผล ให้เขาอาจต้องได้รับการลงโทษ แต่มันไม่จำเป็นที่เราต้องระเบิดอารมณ์ใส่เขาค่ะ ขอเอาใจช่วยแม่ๆ ทุกคนสำหรับการจัดการกับความโกรธของตัวเองนะคะ