ฟันสบกัน เป็นปัญหาในช่องปากที่ไม่ร้ายแรงในเด็ก แต่หากคุณพ่อคุณแม่ปล่อยไว้ไม่รักษา อาจทำให้มีผลต่อรูปหน้า และการเคี้ยวบดอาหารของลูกในอนาคตได้
5 พฤติกรรมผิดๆ ของเด็ก ที่ทำให้ “ฟันสบกัน” ผิดปกติ
การสบฟันคืออะไร?
การสบฟันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- การสบฟันที่เป็นปกติ ฟันที่สบกันปกติ ฟันสวยที่ไม่จำเป็นต้องจัด ลักษณะคือ ฟันจะเรียงตัวกันชิดเป็นระเบียบ เมื่อกัดฟัน ฟันบนจะคร่อมฟันล่างโดยรอบ ฟันหน้าบนจะยื่นออกจากฟันหน้าล่างประมาณ 1 มิลลิเมตร และปลายฟันหน้าบน จะครอบปลายฟันหน้าล่างลึกประมาณ 1-2 มิลลิเมตร
- การสบฟันผิดปกติ หมายถึง ลักษณะของฟันแท้ที่มีการจัดเรียงผิดปกติอาจเกิดการซ้อนทับกัน ฟันยื่นไปข้างหน้า ฟันยื่นเข้าลึก ฟันห่างกัน เป็นต้น ทำให้เกิดลักษณะการจัดเรียงตัวของฟันไม่สวยงาม ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะฟันน้ำนม และระยะฟันผสมระยะแรก (ระยะที่เกิดฟันกรามแท้ซี่ที่ 1 จนถึงฟันระยะที่ฟันหน้าแท้ล่าง และบนขึ้นครบ ซึ่งจะอยู่ประมาณอายุ 7-9 ปี) ซึ่งหากลูก ฟันสบกัน ในลักษณะที่ผิดปกตินี้ ควรเข้ารับการรักษาโดยทันตแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจส่งผลต่อรูปหน้า หรือ ก่อให้เกิดปัญหาการบดเคี้ยวอาหารในอนาคตได้
สาเหตุที่ทำให้ ฟันสบกัน
-
ดูแลฟันน้ำนมไม่ถูกต้อง
เพราะฟันน้ำนมนอกจากจะมีไว้บดเคี้ยวตามธรรมชาติ ยังช่วยในการออกเสียงแล้วยังเป็นผู้ดูแลช่องว่างเตรียมไว้ให้ฟันแท้ที่จะขึ้นมาทดแทนด้วย การสูญเสียฟันน้ำนมก่อนกำหนดจะมีผลต่อการพูด และการทำงานของของกล้ามเนื้อโครงฟัน ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อแนวการขึ้นของฟันแท้จนเกิดลักษณะของฟันที่ผิดรูปไป
2. กรรมพันธุ์
กรรมพันธุ์ ไม่เพียงแต่มีผลเฉพาะกับฟัน เช่น ลักษณะรูปร่างของฟัน ขนาดฟัน จำนวนฟัน เท่านั้น ยังส่งผลต่อลักษณะของโครงหน้าอีกด้วย เช่น หน้ากลม หน้ารูปไข่ หน้าเหลี่ยม คางสั้น คางยื่น เป็นต้น
3. พฤติกรรมของเด็ก
พฤติกรรมของเด็กในระยะฟันน้ำนม และฟันผสมระยะแรก รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุกับฟัน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มีผลต่อความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรล่าง และบน การสูญเสียฟันน้ำนมก่อนกำหนด และการจัดรูปของฟันแท้ที่ขึ้นใหม่ โดยหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกทำพฤติกรรมเหล่านี้บ่อย ๆ ควรหาวิธีให้ลูกเลิกทำนะคะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ 5 พฤติกรรมผิดๆ ของเด็ก ที่ทำให้ “ฟันสบกัน” และฟันสบกันมีกี่ประเภท?
5 พฤติกรรมผิดๆ ของเด็ก ที่ทำให้ “ฟันสบกัน”
การดูดนิ้ว (Thumb or Finger Sucking) เด็กมักเลิกพฤติกรรมนี้ได้เองเมื่อโตขึ้น แต่หากอายุเกิน 5 ปีแล้วยังคงดูดนิ้วอยู่ อาจทำให้ฟันหน้ายื่นหรือฟันหน้าไม่สบกันได้
การกัดริมฝีปาก (Lip Biting) จะทำให้ฟันหน้ายื่น
การกัดเล็บ (Nail Biting) จะทำให้ฟันสึกมากกว่าปกติ
การใช้ลิ้นดุนฟัน (Tongue Thrust) ทำให้เกิดพฤติกรรมการกลืนผิดปกติ ลิ้นจะดันฟันหน้าขณะกลืนอาหาร ทำให้ฟันหน้ายื่น ฟันห่าง หหรือฟันหน้าไม่สบกันได้
การหายใจทางปาก (Mount Breathing) ทำให้ฟันหน้ายื่น ฟันหน้าไม่สบ หรือใบหน้ายาวผิดปกติ
ประเภทของฟันสบ
- ฟันหน้าสบไขว้หรือฟันกัดคล่อม
เป็นลักษณะของฟันหน้าด้านบนเกิดการสบไขว้ และยื่นไปข้างหน้า ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุที่สัมพันธ์กับความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรบน และล่าง จนทำให้เกิดแนวฟันที่ผิดปกติ ผลที่ตามมาจะทำให้เกิดการเจริญเติบโตของขากรรไกรผิดปกติ กระดูกเบ้าฟันเบ้าลึก มีการสึกของฟันบริเวณฟันใกล้ริมฝีปาก โดยเฉพาะฟันตัด รวมถึงอาจทำให้เกิดโรคปริทันต์หรือฟันอักเสบจากแรงสบฟันขณะเคี้ยวอาหารหรือการเคลื่อนไหวในปาก
- ฟันหลังสบไขว้หรือฟันกัดเบี้ยว
เป็นลักษณะของฟันหลังที่มีการสบไขว้ร่วมกับขากรรไกร โดยพบเกิดมากบริเวณฟันเขี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ การดูดนิ้ว การดูดหัวนมปลอม การสบสะดุด เป็นต้น จนทำให้เกิดการเอียงเบนของขากรรไกรล่างไปด้านหน้าหรือด้านข้าง การเบนเอียงของขากรรไกรล่างไปด้านข้างมีผลทำให้เส้นกึ่งกลางของฟันเบนเอียงไปด้วย กระดูกขากรรไกรรอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สมดุล และคางเอียงไปด้านของฟันสบ จนมีผลทำให้ใบหน้ามีรูปร่างไม่สมดุล
- ฟันสบลึก
เป็นลักษณะของแนวฟันหน้ายื่นเข้าด้านใน เกิดได้บ่อยในระยะฟันน้ำนมเนื่องจากแนวฟันน้ำนมที่มีลักษณะตั้งตรงจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อฟันกรามแท้งอกขึ้น ผู้ป่วยบางรายที่มีปัญหามากจะมีผลต่อการทำงานของกระดูกขากรรไกร และกล้ามเนื้อ มีอาการเกิดการสบกันของฟันหน้าล่างกับเนื้อเยื่อเพดาน
- ฟันหน้าเปิด
เป็นลักษณะของฟันหน้าทั้งด้านบน และด้านล่างไม่ประกบชิดกันจนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันบน และฟันล่าง ซึ่งเกิดจากการเจริญผิดปกติของขากรรไกรจากการดูดนิ้ว ดูดหัวนมปลอม และสาเหตุอื่น มีผลต่อการกัด และการบดเคี้ยวอาหาร
- ฟันซ้อนเก
เป็นลักษณะของฟันที่เกิดการซ้อนทับกันอันเกิดจากสาเหตุความผิดปกติระหว่างขนาดของฟัน และส่วนโค้งของแนวฟัน ความไม่สัมพันธ์ของนาดฟันบน และฟันล่าง การสูญเสียช่องว่างจากฟันน้ำนมผุ ฟันน้ำนมหลุดก่อนกำหนด รวมถึงการใช้วัสดุทันตกรรมที่ไม่สมบูรณ์ ลักษณะฟันสบนี้หากไม่ได้รับการรักษาจะมีโอกาสเกิดโรคปริทันต์ได้ง่าย รวมถึงเกิดความลำบาก และยากต่อการจัดฟันด้วย
- ฟันห่างหรือฟันมีช่องว่าง
เป็นลักษณะของฟันที่เกิดมีช่องว่างระหว่างฟันมาก มักพบในฟันตัดบน โดยมีสาเหตุมาจากการพัฒนาที่ผิดปกติในระยะฟันผสมระยะแรก
- ฟันยื่น
เป็นลักษณะของฟันบนที่ยื่นออกมาด้านหน้า มีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อบดเคี้ยว และริมฝีปากบนสั้น หากไม่ได้รับการรักษาจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุต่อฟันหน้าบนได้ง่ายเนื่องจากมีลักษณะยื่นออกมามาก นอกจากนั้น ยังมีปัญหาต่อความสวยความงามของฟัน และใบหน้าด้านข้าง
ปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน ไม่ควรรอให้ลูกโตก่อนหรือรอให้ฟันแท้ขึ้นให้ครบก่อน ค่อยไปรักษาทีเดียว เพราะหากลูกมีปัญหาการสบฟัน และไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้มีผลกระทบต่อรูปหน้าและการบดเคี้ยวอาหารเมื่อลูกโตขึ้นได้ ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกอาจจะเข้าข่ายว่าลูกอาจจะมี ฟันสบกัน ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและหาวิธีดูแลต่อไป
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ลูกฟันผุ เรื่องไม่เล็ก โทษเยอะเกินคาดคิด!
ลำดับการขึ้นของฟัน และวิธีดูแลฟันลูกอย่างถูกวิธีตั้งแต่ซี่แรก
แปรงฟันแห้ง ช่วยป้องกันฟันผุได้จริง (มีคลิป)
ทันตาภิบาลเตือน! พบ เด็กฟันผุ ทะลุโพรงประสาทฟันจนติดเชื้อ
ขอบคุณข้อมูลจาก : รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.มหิดล, thaihealthlife.co
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่