AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

แม่สุดเก่ง! ใช้ช็อกโกแลตเพียง 3 ชิ้น เปลี่ยนลูกชอบโกหก ให้เลิกโกหกได้ตลอดไป

เมื่อลูกชอบโกหก พ่อแม่ นั่นก็ด้วยเหตุผลเดียวกันกับผู้ใหญ่ คือเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนา ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่แสดงให้ลูกเห็นว่าคุณจะไม่โมโหจนฟิวส์ขาดเมื่อรับรู้ความจริง ลูกก็จะไม่พยายามโกหกคุณอีกในคราวต่อไป

และเมื่อจับได้ว่าลูกกำลังพูดโกหกอยู่ ก่อนจะลงโทษหรือพูดอะไรกับลูก ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองอ่านเรื่องราวนี้ก่อน เพื่อจะได้ช่วยในการตัดสินใจว่า หากคุณจับได้ว่าลูกโกหกควรจะทำหรือพูดอะไร เพื่อให้ลูกยอมรับความจริงแบบไม่ต้องขอร้อง และลูกก็จะไม่เป็นเด็กชอบโกหกอีกต่อไป

เมื่อลูกชอบโกหก คุณแม่สุดเก่งใช้วิธีการสอนอันชาญฉลาด ก็ทำให้ลูกเลิกโกหกได้ตลอดไป

♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦

ช็อกโกแลต 3 ชิ้น!!!

….เรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่งที่ประเทศฝรั่งเศส

วันหนึ่งหลังเลิกเรียน หนุ่มน้อยกลับถึงบ้านแล้วก็เล่นบอลในห้องรับแขก แต่บอลหลุดมือกระเด็นไปกระแทกถูกแจกันบนชั้นวางหนังสือหล่นใส่พื้น ปากแจกันแหว่งไปมุมหนึ่ง นี่ไม่ใช่แจกันธรรมดาทั่วไปแต่เป็นวัตถุโบราณที่เก็บรักษามาตั้งแต่รุ่นคุณทวด

หนุ่มน้อยรีบเก็บเศษแจกัน แล้วเอากาวมาแปะเข้าสู่รูปเดิม วางกลับที่เดิมด้วยความหวั่นใจ

ตอนเย็นหลังแม่กลับถึงบ้าน สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติกับแจกกันใบนั้น ตอนอาหารเย็น แม่ถามลูกว่า “ลูกทำแจกันหล่นเหรอ” หนุ่มน้อยรีบตอบว่า “แมวบ้านไหนไม่รู้ กระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป วิ่งพล่านอยู่ในห้องรับแขก สุดท้ายก็ชนเอาแจกันหล่นลงมา”

แม่รู้ว่าลูกกำลังโกหก เพราะทุกเช้าแม่จะปิดหน้าต่างทุกบานก่อนไปทำงาน กลับจากงานตอนเย็นแล้วค่อยเปิด แม่แค่บอกว่า “แม่สะเพร่าเอง ไม่ได้ปิดหน้าต่างให้เรียบร้อย”

ก่อนนอน หนุ่มน้อยพบข้อความบนเตียง แม่ให้เขาไปพบที่ห้องหนังสือ

แม่เห็นลูกเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทีประหวั่น แม่เปิดลิ้นชักหยิบเอากล่องช็อกโกแลตออกมา หยิบช็อกโกแลตให้ลูกชิ้นหนึ่ง

“นี่เป็นรางวัลสำหรับลูก เพราะลูกได้ใช้จินตนาการอันยอดเยี่ยม สามารถเนรมิตแมวที่มีความสามารถขึ้นมาตัวหนึ่ง แมวเปิดหน้าต่างเข้ามาในบ้านได้เอง อีกหน่อยลูกก็คงสามารถเขียนนิยายแนวอาชญากรรมสอบสวนสืบสวนได้เยี่ยมแน่นอน”

อ่านต่อ >> “สุดยอดวิธีการสอนลูกอันชาญฉลาด โดยใช้ช็อกโกแลตเพียง 3 ชิ้น ก็เปลี่ยนลูกชอบโกหก ให้เลิกโกหกได้ตลอดไป” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ถัดจากนั้น แม่ยื่นช็อกโกแลตอีกชิ้นให้หนุ่มน้อย

“นี่เป็นรางวัลชิ้นที่สอง สำหรับความสามารถที่ซ่อมแจกันที่แตกหัก ฝีมือลูกละเอียดพอใช้ได้เลยทีเดียว แม้จะใช้แค่กาวน้ำก็ตาม แต่นี่เป็นกาวที่ไว้ใช้กับงานกระดาษเท่านั้น การซ่อมแจกันที่แตกหักต้องใช้กาวที่เหนียวแน่นโดยเฉพาะ และฝีมือต้องดีกว่านี้อีกมาก พรุ่งนี้ เราแม่ลูกจะเอาแจกันไปหาผู้เชี่ยวชาญ ไปดูว่าเขาจะช่วยซ่อมแจกันให้กลับสู่สภาพเดิมได้ไหม”

แม่หยิบช็อกโกแลตชิ้นที่สามมอบให้หนุ่มน้อย

“ชิ้นสุดท้ายนี้ แทนคำขอโทษจากแม่ถึงลูก เพราะแม่ไม่ควรเอาแจกันวางไว้ในที่ที่หล่นได้ง่าย โดยเฉพาะบ้านเราที่มีหนุ่มน้อยแสนซนอย่างลูก หวังว่าลูกคงไม่ได้บาดเจ็บหรือตกใจนะ”

“แม่ครับ ผม………” หนุ่มน้อยพูดอะไรไม่ออก ก้มหน้ารู้สึกละอายใจในการกระทำผิดของตน แต่ตื้นตันและขอบคุณในวิธีการสั่งสอนของแม่

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น หนุ่มน้อยไม่เคยพูดโกหกอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เวลาที่หนุ่มน้อยจะพูดปด ภาพของช็อกโกแลตสามชิ้นก็จะปรากฏชัดขึ้นมาทุกที

นี่เป็นคุณแม่ชาวฝรั่งเศสที่ฉลาดหลักแหลม หล่อนใช้วิธีการพิเศษในแบบฉบับของตนเอง ดูเหมือนเป็นการให้รางวัล แต่แท้จริงเป็นการลงโทษที่หนักหน่วง แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจลูกเลยแม้แต่น้อย

ลองพิจารณาดู ช็อกโกแลตทุกชิ้น คำพูดทุกคำพูด ล้วนแฝงความละเอียดอ่อนของแม่ท่านนี้ ที่รู้วิธีการสั่งสอนลูกที่ลึกซึ้งและมีศิลปะ ไม่ใช่แค่หยิบไม้เรียวขึ้นมาไล่ตีลูก หรือหักค่าขนม แต่คำพูดทุกคำพูด การกระทำทุกขั้นตอน จะถูกจารึกไว้ในความทรงจำของลูกตลอดไป โดยเฉพาะช็อกโกแลตชิ้นที่สาม แม่ใช้ความจริงใจสารภาพความสะเพร่าของตน ด้วยการมอบรางวัลให้ลูกแทนคำขอโทษ ทำให้ลูกรู้ซึ้งถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่แม่หยิบยื่นให้กับเขา และความยุติธรรมที่แม่มีอย่างเปี่ยมล้นให้เขา แม่หาทางลงอย่างนุ่มนวลให้เขา แค่นี้ก็ซึ้งและต้องจดจำตลอดไป

สำหรับคุณแม่ที่ชาญฉลาดท่านนี้แล้ว รางวัลที่เขาได้มอบให้ลูกในวันนั้น ไม่ใช่ช็อกโกแลตสามชิ้น… แต่เป็นการสั่งสอนอันล้ำค่า!! ที่จะเปลี่ยนแปลงลูกไม่ให้เป็นคนโกหกอีกต่อไป และมันจะเป็นคุณสมบัติอันเลอค่าติดตัวลูกไปตลอดชีวิต…

ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก : “ขจรศักดิ์” แปลและเรียบเรียง www.facebook.com/Flintlibrary

♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠♠

สอนลูกให้พูด “ความจริง”

ทั้งนี้ ในเรื่องการสอนให้ลูกหัดพูดความจริง ไม่กลายเป็นเด็กชอบพูดโกหก คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มสอนได้ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ คือ เมื่อลูกเริ่มรู้เรื่องรู้ภาษา โดยเฉพาะสำหรับลูกน้อยในช่วง 1-3 ขวบ เป็นช่วงที่ความจริงและความเท็จคาบเกี่ยวกันแบบแยกไม่ออก ทั้งนี้เพราะหนูๆ ทั้งหลายยังไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของ ความซื่อสัตย์ และยังไม่รู้ว่า การโกหกเป็นเรื่องไม่ดี นอกจากนี้จินตนาการและนิสัยชอบสวมบทบาทซึ่งครอบงำจิตใจของเด็กๆ ยังมีส่วนชักจูงความคิดของพ่อหนูแม่หนู จนในสายตาของพวกเขา สิ่งต่าง ๆ ที่คิดฝันดูจะกลายเป็นเรื่องจริงไปเสียหมด

จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้าหากว่า ลูกสาวตัวน้อยจะปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำว่าหนูเปล่า ทั้งที่คุณเห็นตำตาว่าแกเพิ่งจะเตะกองตัวต่อเลโก้ของพี่ชายเสียกระจุย ทั้งนี้เพราะแม่หนูรู้ดีว่าแม่ต้องโกรธในสิ่งที่แกทำลงไปแน่ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหนูน้อยก็เลยคิดไปเสียว่า แกไม่ได้ทำมันสักหน่อย

ซึ่งนั่นอาจเป็นพฤติกรรมของ เด็กเลี้ยงแกะ หนึ่งในนิทานยอดฮิตที่คุณแม่หลายท่านคงเคยเล่าให้ลูกฟัง ซึ่งหากลูกมีพฤติกรรมแบบในนิทาน (นอกจากการโกหกแล้วยังหมายรวมถึง การไม่ยอมรับผิด และพูดเรื่องที่ฟังดูไร้สาระด้วย) และไม่กลัวตอนจบของนิทาน ทั้งยังคงมีพฤติกรรมที่พ่อแม่อย่างเราไม่พึงประสงค์ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ ลองมาทำความเข้าใจ แกะของลูกกันก่อนดีกว่า ดังนี้…

อ่านต่อ >> เคล็ดลับการสอนลูกน้อยให้หัดพูด “ความจริง” ตั้งแต่ยังเล็กๆ คลิกหน้า 3

อ่านต่อ “บทความอื่นๆ น่าสนใจ” คลิก!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ทำไมต้องเลี้ยงแกะ

 วิธีล้อมคอกแกะ

ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้ลูกโกหก โดยเฉพาะเมื่อคุณรู้ความจริงอยู่แล้ว ก็ไม่ควรถามเซ้าซี้ ลองนึกภาพว่า ถ้าคุณเห็นลายมือไก่เขี่ยเต็มผนังห้องรับแขกสีขาวอันแสนภูมิใจ ปกติแล้วคุณจะต้องหันไปถามลูกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า หนูทำใช่ไหม! และลูกน้อยของคุณก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันควันว่า เปล่า!


อย่างไรก็ดีการที่ ลูกชอบโกหก ถ้าเจอสถานการณ์อย่างนี้ สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำ ไม่ใช่การบังคับให้ลูกสารภาพ แต่เป็นการสอนให้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของการพูดความจริงต่างหากนะคะ และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก ถ้าไม่อยากให้ลูกโกหก คุณเองก็ต้องพูดจริงทำจริง อย่าผัดวันประกันพรุ่งด้วย ถ้าสัญญาว่าจะซ่อมกระโปรงของน้องตุ๊กตา หรือบอกลูกว่า ถ้ากินข้าวหมด เดี๋ยวเราจะไปสนามเด็กเล่นกัน ก็เตรียมอุปกรณ์เย็บปักให้พร้อม หรือก้าวออกจากบ้านหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ ไม่อย่างนั้นก็หลีกเลี่ยงการให้คำสัญญาจะดีกว่า

อ่านต่อ “บทความอื่นๆ น่าสนใจ” คลิก!


บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids