AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว ปูหนทางสู่ความสำเร็จในชีวิต

สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว

ทำอย่างไรให้ลูกมั่นใจ สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว รู้จักล้มและลุกขึ้นสู้เสมอ สู่เส้นทางของความสำเร็จในชีวิต

สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว

ความกลัวเป็นพื้นฐานความรู้สึกสำคัญของมนุษย์ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ล้วนแล้วแต่มีความรู้สึกหวาดกลัวซ่อนอยู่ข้างในจิตใจเสมอ แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว ความกลัวที่เกิดขึ้นจากวัยเยาว์จะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนรูปแบบความกลัวไปเป็นเรื่องการใช้ชีวิตเมื่อเติบโตขึ้น

จากความคาดหวังของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ย่อมส่งผลต่อความรู้สึก “กลัว” ของลูกเสมอ โดยงานวิจัยโครงการ “การสร้างความเข้าใจในคุณลักษณะ พฤติกรรม และทัศนคติในอนาคตของชาวดิจิทัลไทย” ที่สำรวจผู้ที่เกิดในปี 2539-2549 (อายุ 13-23ปี) ในเขต กทม. จำนวน 30 คน พบว่า วัยรุ่นรู้สึกกลัวความล้มเหลวและกลัวไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนหนึ่งเกิดจากค่านิยมของครอบครัว “เรื่องความสำเร็จในชีวิต” เด็กในกลุ่ม 13-15 ปี ยังมีความกลัวที่สำคัญอื่น ๆ เช่น กลัวพ่อแม่ไม่ภูมิใจและตนเองจะเป็นทุกข์เอง หรือกลัวหางานไม่ได้

สิ่งเหล่านี้อาจเกิดจากพื้นฐานของจิตใจ ที่ถูกปลูกฝังความกลัวมาตั้งแต่เด็ก ๆ หากพ่อแม่เข้าใจและเลี้ยงลูกให้รู้จักล้มและลุกได้ตั้งแต่เล็ก จะช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่กล้าคิด กล้าลอง ไม่กลัวความล้มเหลว ซึ่งการไม่กลัวความล้มเหลวนี้เอง เป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต

ความกลัวของเด็ก

เด็กจะรู้สึกกลัวก็ต่อเมื่อเด็กรู้สึกว่าตนเองขาดความปลอดภัย (insecurity) การแสดงความกลัวของเด็กจะเริ่มด้วยการร้อง และกระเถิบหนีตามธรรมชาติ ความกลัวมักมีสาเหตุสำคัญจากการเผชิญกับสิ่งแปลกใหม่โดยทันทีหรือไม่คาดฝัน เช่น เด็กในวัย 1-3 ขวบ จะกลัวความมืด กลัวฝันร้าย ความกลัวยังถ่ายทอดจากผู้ใหญ่ได้ด้วย เช่น ผู้ใหญ่กลัวสิ่งไหน เด็กก็จะกลัวสิ่งนั้น หรืออาจเกิดจากผู้ใหญ่ที่หลอกเด็กทำให้เด็กกลัวไปเอง หากแบ่งความกลัวของเด็กจะแบ่งได้เป็น 4 ประเภท

  1. สัตว์ ตั้งแต่สัตว์เล็กไปจนถึงสัตว์ใหญ่
  2. สถานการณ์น่ากลัว
  3. ธรรมชาติที่เด็กกลัว เช่น ฟ้าผ่า
  4. สิ่งนอกเหนือธรรมชาติ เช่น ผี ปีศาจ

ความกลัวจะขึ้นอยู่กับอายุและการเรียนรู้ ยิ่งรู้เยอะยิ่งกลัวมาก จะเห็นได้ว่าวัยทารกจะไม่ค่อยกลัวอะไร แต่เมื่อเติบโตรู้จักแยกแยะ หรือแม้แต่เริ่มมีจินตนาการ ความกลัวก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่เด็กก็ยังใช้สติปัญญาความรู้ความเข้าใจขจัดความกลัวออกไปจากใจได้อยู่

สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว

อิทธิพลของการเรียนรู้ยังมีผลต่อความกลัวของเด็ก เช่น เด็กที่เคยถูกสุนัขกัดก็จะฝังใจจนกลัวสุนัข ความกลัวยังมาจากคำบอกเล่าของคนอื่น หรือจินตนาการของเด็กเอง โดยสัญชาตญาณแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองความกลัวจะพยายามหนีสิ่งที่กลัว จึงมักไม่เผชิญหน้าหรือกำจัดสิ่งที่กลัว อย่างไรก็ตาม หากหนีทุกครั้งจะทำให้เด็กขาดประสบการณ์บางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการ การหนีสิ่งที่กลัวแสดงว่าเด็กยังขาดความรู้ความเข้าใจบางอย่าง ผู้ใหญ่ต้องอธิบายจะดีต่อตัวเด็กมากกว่า แต่ผู้ใหญ่มักจะตัดปัญหาด้วยการบอกให้เด็กหลบหลีกสิ่งที่กลัว

การแก้ปัญหาของผู้ใหญ่จึงมีผลสำคัญต่อความรู้สึกเด็กเมื่อเติบโตขึ้น ทำให้เด็กบางคนหวาดกลัวสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล แต่ถ้าสอนให้เด็กรู้จักสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น จะทำให้เด็กหัดควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น ความรู้สึกกลัวจะค่อย ๆ หายไป ทั้งยังสามารถเอาชนะสถานการณ์ที่กลัวได้ด้วยตัวเอง เมื่อเด็กเอาชนะได้ก็จะรู้สึกภูมิใจ เสริมสร้างความมั่นใจ เรื่องนี้พ่อแม่จึงต้องคอยอยู่เคียงข้าง ปลอบโยน ให้กำลังใจ เพื่อผลักดันให้ลูกมีความกล้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งที่กลัว หรือฝึกการเผชิญหน้า ต้องพิจารณาความปลอดภัยและอันตรายของสิ่งนั้น ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่อย่างใกล้ชิด เช่น ให้เด็กที่กลัวความสูงเดินขึ้นที่สูง พ่อแม่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย อยู่ใกล้ชิดกับลูก แต่ก็ต้องให้กำลังใจเพื่อให้เด็กพิชิตความกลัวในใจไปให้ได้

สังเกต 3 สัญญาณ! ลูกกลัวความล้มเหลว กลัวไม่ประสบความสำเร็จ

  1. ไม่กล้าลองทำสิ่งใหม่ หรือไม่ชอบการเริ่มต้นใหม่
  2. กลัวการเปลี่ยนแปลง เช่น กลัวการย้ายโรงเรียน กลัวการไปเจอเพื่อนใหม่ หรือกลัวที่จะทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
  3. ทำไม่ได้แล้วเลิกทำ

หากเด็กมีอาการเหล่านี้ เป็นไปได้ว่าลูกกลัวความล้มเหลว ไม่กล้าลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพราะกลัวจะไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเด็กที่มีอาการกลัวแบบนี้ มักจะมีผลจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเป็นสำคัญ

6 ข้อ ลองสำรวจตัวเอง คุณเป็นพ่อแม่ที่ทำให้ลูกกลัวความล้มเหลวหรือไม่?

  1. เวลาลูกทำอะไรผิดพลาด เผลอตำหนิลูกหรือไม่
  2. คอยกดดันลูกให้เรียนหรือทำอะไรใหม่ ๆ และคาดหวังผลลัพธ์ให้ประสบความสำเร็จ
  3. แสดงสีหน้าหรือน้ำเสียงไม่พอใจ เมื่อลูกทำไม่ได้
  4. เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น ทั้งเรื่องการเรียน บุคลิกภาพ หรือแม้แต่ความคิด
  5. มักจะชื่นชมเมื่อลูกสำเร็จ และคาดหวังความสำเร็จมากขึ้นเสมอ
  6. เมื่อลูกทำไม่ได้ แสดงท่าทีหงุดหงิด หรือให้ลูกเลิกทำหรือไม่

สิ่งที่พ่อแม่เลี้ยงดู ปลูกฝัง สั่งสอน จะสะท้อนตัวตนของลูกเสมอ หากพ่อแม่ยังคาดหวัง และกลัวอยู่ลึก ๆ ในใจว่า ลูกจะไม่ประสบความสำเร็จหรือกลัวว่าลูกจะล้มเหลว แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ลูกจะซึมซับมาและกลายเป็นเด็กขี้กลัว ไม่มีความกล้า ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง พ่อแม่จึงต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติ และมองความสำเร็จในชีวิตเสียใหม่เพื่อปลูกฝังให้ลูกสำเร็จในชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่สำเร็จตามความคาดหวังของพ่อแม่หรือมาตรฐานของสังคม

สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว

เทคนิคสร้างความกล้าให้ลูกก้าวสู่ความสำเร็จ

การปลูกฝังลูกตั้งแต่เล็กให้กล้าคิด กล้าแสดงออก เสริมความมั่นใจด้วยกำลังใจจากพ่อแม่และคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ลองหากิจกรรมใหม่ ๆ พาลูกไปทำเรื่องสนุก ๆ พบเจอเพื่อนใหม่ไปด้วยกัน เด็กจะค่อย ๆ กล้าขึ้น มั่นใจมากขึ้น และเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต

อ้างอิงข้อมูล : independent.co.uk, med.mahidol.ac.th, thematter.co และ fatherly

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

10 วิธีสอนลูกให้รับมือกับ “ความล้มเหลว” ในชีวิต

คำพูดที่พ่อแม่ไม่ควรพูดกับลูก ข้อคิดสะกิดใจจากคุณหมอ!!

เผยผล ทดสอบ iq เด็กยุคใหม่ต่ำกว่าพ่อแม่!!