AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

พ่อแม่ปรับวิธีเลี้ยงลูกด่วน! 7 พฤติกรรมเด็ก ที่ควรพบจิตแพทย์

พฤติกรรมเด็ก

ความเชื่อที่ว่าเด็กดื้อเป็นเด็กฉลาด อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป พฤติกรรมเด็ก บางคนอาจบ่งบอกว่าเป็นโรคจิตเวชในเด็กได้ (ไม่ใช่การป่วยทางจิต) ซึ่งโรคนี้ควรได้รับการรักษาจากจิตแพทย์เพื่อทำความเข้าใจในตัวลูก

พ่อแม่ปรับวิธีเลี้ยงลูกด่วน! 7 พฤติกรรมเด็ก ที่ควรพบจิตแพทย์

เมื่อไรที่ลูกมีพฤติกรรมที่ต่อต้าน หรือ ไม่เชื่อฟัง เรามักจะเคยชินกับการลงโทษ เพื่อให้ลูกไม่ทำอีก วิธีนี้ อาจได้ผลกับเด็กคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ผลกับเด็กอีกคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อผู้ปกครองลงโทษแล้ว กลับยิ่งต่อต้านขึ้นไปอีก ยิ่งลงโทษหนักขึ้น ก็ยิ่งต่อต้านหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้คุณพ่อคุณแม่หนักใจ พฤติกรรมต่อต้านเหล่านี้ อาจเกิดจากการเลี้ยงดู การเลียนแบบ หรือ เกิดจากการพัฒนาของสมองที่ผิดปกติ ดังนั้น หากสงสัยว่าลูกอาจมี พฤติกรรมเด็ก ที่บ่งบอกว่าลูกอาจเป็นโรคจิตเวชในเด็ก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยอมรับว่าลูกและตัวคุณพ่อคุณแม่เอง ควรจะได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ถึงปัญหาที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเหล่านี้ จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนมุมมองและการเลี้ยงดูของทั้งลูกและพ่อแม่ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น

พ่อแม่ปรับวิธีเลี้ยงลูกด่วน! 7 พฤติกรรมเด็ก ที่ควรพบจิตแพทย์

  1. ชอบใช้ความรุนแรง

ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนมีความก้าวร้าวอันเป็นผลมาจากแรงขับที่อยากจะทำลายติดตัวมาทุกคนตั้งแต่เกิด แต่ความรุนแรงที่ก่อให้เกิดปัญหานั้นเป็นผลจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมเลียนแบบความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว การเรียกร้องความสนใจ รวมถึงการพัฒนาของสมองที่ผิดปกติ และความผิดปกติทางด้านจิตใจ เช่น เป็นโรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ ซึ่งทำให้เด็กไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เมื่อมีคนขัดใจ ก็พร้อมที่จะระเบิดอารมณ์และควบคุมตัวเองไม่ได้ พฤติกรรมนี้ หากพ่อแม่ปล่อยปละละเลยไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่สั่งสอนหรือไม่ฝึกเด็กให้เรียนรู้ว่าพฤติกรรมดีกับไม่ดีเป็นอย่างไร จะส่งผลให้เด็กไม่สามารถแยกแยะความถูกต้องหรือความเหมาะสมได้ไม่รู้จักการควบคุมอารมณ์และไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตนเองได้ เมื่อโตขึ้นลูกก็จะมีพฤติกรรมอันธพาลก้าวร้าวชอบใช้ความรุนแรง ขาดเหตุผล ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์สร้างปัญหาให้กับตนเองและสังคม

วิธีการรับมือ : เลี้ยงดูลูกด้วยความเอาใจใส่ตั้งแต่แรกเกิด เพราะการแสดงความรักและความใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ลูกมีสภาพจิตใจที่แข็งแรง ไม่ถูกกระทบได้ง่าย สอนให้เด็กรู้จักเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ ถ้าจำเป็นต้องลงโทษเด็ก ควรชี้แจงให้ลูกเข้าใจถึงสาเหตุที่ถูกลงโทษ

พฤติกรรมบางอย่างของเด็ก เป็นสัญญาณเตือนว่าลูกควรได้รับคำแนะนำจากจิตแพทย์

2. ชอบพูดโกหก

สาเหตุสำคัญของเด็กที่ชอบพูดโกหก เป็นเพราะไม่ต้องการถูกทำโทษในความผิดที่ตนเองได้กระทำ เพราะผู้ใหญ่มักทำโทษเด็กคนนั้นแบบรุนแรง จนทำให้เด็กรู้สึกเจ็บปวดไม่ว่าเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ จึงเลือกการโกหกเพื่อหลีกหนีการโดนลงโทษที่รุนแรง นอกจากนี้ในเด็กบางคนอาจจะโกหกเพราะต้องการการยอมรับ และเรียกร้องความสนใจ

วิธีการรับมือ : ควรทำให้ลูกไว้วางใจ ว่าถึงแม้ลูกจะทำผิด พ่อแม่จะตำหนิ แต่ตำหนิด้วยความรักและความเข้าใจ และเป็นการตำหนิเพื่อสอน และไม่ควรโกหกให้ลูกเห็น สอนให้ลูกเห็นว่า หากมีอะไรภายในบ้านควรพูดกันตรง ๆ พ่อและแม่พร้อมจะรับฟังปัญหาของลูกได้ เมื่อลูกได้เรียนรู้ในบรรยากาศนี้ ก็จะซึมซับพฤติกรรมไปอย่างอัตโนมัติว่าเขาสามารถพูดความจริงได้อย่างตรงไปตรงมาเมื่อเขาทำผิด และเขาถูกลงโทษอย่างเหมาะสมในส่วนที่เขาทำผิดและในขณะเดียวกันก็มีการชื่นชมเพื่อให้แรงเสริมในส่วนที่เขากล้าพูดความจริงออกมา ซึ่งนั่นเป็นการแสดงให้เด็กเห็นว่าแม้เขาจะทำผิด แต่การที่เขายอมพูดจริงออกมานั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเขาจะรู้สึกภูมิใจในตนเอง

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ พ่อแม่ปรับวิธีเลี้ยงลูกด่วน! 7 พฤติกรรมเด็ก ที่ควรพบจิตแพทย์

พ่อแม่ปรับวิธีเลี้ยงลูกด่วน! 7 พฤติกรรมเด็ก ที่ควรพบจิตแพทย์

3. ชอบลักขโมย

พฤติกรรมนี้ หากเกิดในเด็กเล็ก อาจเป็นเพราะ เด็กไม่เข้าใจเรื่องความเป็นเจ้าของ และการเคารพสิทธิส่วนตัวของผู้อื่น หากลูกไม่ได้รับการสอนในเรื่องนี้เพราะอาจเห็นว่ายังเล็กอยู่ ยังไม่สามารถเข้าใจได้ ก็อาจนำลูกไปสู่การทำพฤติกรรมนี้เมื่อโตขึ้นได้ พฤติกรรมการขโมยของเด็กนี้ ไม่ได้เป็นเพราะอยากได้สิ่งของที่มีค่าหรือไม่มีค่าเหล่านั้น แต่เป็นเพราะไม่สามารถยับยั้งชั่งใจต่อแรงกระตุ้นนั้น ๆ ได้

วิธีการรับมือ : คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็กรู้ถึงผลจากการกระทำนี้ ว่าจะกระทบต่อสิ่งใดรอบ ๆ ตัวได้บ้าง รวมถึงกฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในสังคม และควรเริ่มสอนให้ลูกรู้ขอบเขตส่วนตัวของตนและของผู้อื่น โดยต้องเคารพสิทธิส่วนตัวของลูกเองด้วย ว่าลูกก็มีสิทธิในสิ่งของของตัวเองด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การให้ความรักความเอาใจใส่กับลูก ก็จะช่วยลดพฤติกรรมนี้ได้ เพราะเมื่อลูกได้รับความรักจากพ่อแม่จนเต็มแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องหาสิ่งของอื่น ๆ มาทดแทน

4. ชอบทำร้ายตัวเอง

เช่น ตบหน้าตัวเอง เอาหัวโขกกำแพง กัดมือตัวเอง เป็นต้น สาเหตุมาจากลูกรู้สึกโกรธแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ ซึ่งในเด็กเล็ก อาจเป็นเพราะยังไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้เหมือนผู้ใหญ่ หรือรู้สึกไร้ตัวตน ไม่มีคนรักหรือสนใจ จึงต้องการเรียกร้องความสนใจ โดยการทำร้ายตัวเอง เพื่อให้พ่อแม่ เพื่อน หรือผู้อื่นแสดงความเป็นห่วงในตนเอง

วิธีการรับมือ : ในเด็กเล็ก ควรเบี่ยงเบนความสนใจลูกไปสู่สิ่งอื่น ๆ แทน เด็กส่วนใหญ่จะลืมเหตุการณ์ตรงนั้นแล้วสนใจสิ่งใหม่ ๆ ได้ สำหรับเด็กโต ควรสร้างความไว้วางใจ ทำให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่เป็นที่พึ่งให้ลูกได้ พ่อแม่เห็นคุณค่าในตัวลูกเสมอ โดยหากลูกรู้สึกไร้ตัวตปรับความคิดลูกให้ไว้ใจคนรอบข้าง และที่สำคัญคือพ่อแม่ก็ต้องเป็นที่พึ่งให้ลูก ในยามที่ลูกรู้สึกไร้คุณค่า และควรหากิจกรรมให้ลูก โดยการพาลูกไประบายความรู้สึกผ่านการเล่นกีฬา ให้ได้ทำกิจกรรมที่ได้ออกแรง เพื่อผ่อนคลายความเครียด

การดึงทั้งผมตัวเอง เอาหัวโขกกำแพง และการทำให้ตัวเองเจ็บด้วยวิธีต่าง ๆ เป็นสาเหตุจากโรคชอบทำร้ายตัวเอง

5. กลัวหรือหลีกหนีสังคม

เป็นโรควิตกกังวลกลัวชนิดหนึ่งที่เกิดจากความหวาดกลัวว่าจะถูกประเมินในแง่ลบจากผู้อื่น กลัวว่าตนเองจะทำอะไรที่น่าอายต่อหน้าผู้อื่น วิตกกังวลว่าตัวเองจะเผลอทำพลาดให้ต้องอับอาย กลัวต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้าง ซึ่งดูเหมือนอาการตื่นเต้นทั่วไปในคนปกติ แต่สำหรับเด็กที่เป็นโรคกลัวการเข้าสังคมจะประหม่ามากและไม่สามารถบังคับตัวเองให้ไม่ขลาดกลัวการเข้าสังคมได้ และมักจะพยายามหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมและมีความกลัวถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

วิธีการรับมือ : เพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้กับลูก และส่งเสริมให้ลูกกล้าเข้าสังคม ฝึกทักษะการสร้างสัมพันธภาพ ทักษะการผ่อนคลายความเครียดความวิตกกังวล  ทักษะการพูดต่อหน้าสาธารณะ ทักษะการเผชิญกับสิ่งใหม่ให้กับลูก

6. มีพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ

สำหรับพฤติกรรมการลอกเลียนแบบในเด็กเล็กนั้น เป็นเพราะต้องการลองทำ และเรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็ก แต่หากเกิดขึ้นในเด็กโต พฤติกรรมการลอกเลียนแบบที่เป็นปัญหาคือ การลอกเลียนแบบทุกการกระทำของสิ่งที่ลูกสนใจ จนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งที่กำลังลอกเลียนแบบอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือถูก ควรจะทำหรือไม่ เช่นการใช้ภาษาที่ผิดแปลกตากการ์ตูนที่ลูกดู การเลียนเสียงการ์ตูนที่ชื่นชอบ เป็นต้น เด็กที่มีพฤติกรรมนี้ มักจะขาดปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว เอาแต่ใจ หรือก้าวร้าวเมื่อถูกขัดใจ

วิธีการรับมือ : พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เพื่อให้ลูกได้ลอกเลียนแบบ และควรคัดกรองสื่อที่ลูกดูให้ดี ไม่ควรให้ลูกดูสื่อที่มีความรุนแรง หรือสื่อที่ไม่เหมาะสมกับวัยของลูก และเมื่อลูกกำลังดูการ์ตูนหรือสื่ออื่น ๆ อยู่ ควรนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกและดูไปพร้อม ๆ กัน เพื่อที่จะคอยสอนว่าพฤติกรรมใดบ้างที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ

7. โรคซืมเศร้า

เป็นโรคที่เด็กก็สามารถเป็นได้เช่นกัน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี อาจอันตรายถึงชีวิตได้ โดยอาการของโรคนี้ จะทำให้เด็กวิตกกังวลมาก ๆ จนส่งผลถึงชีวิตประจำวัน เช่น กินไม่ได้ หรือกินเยอะตลอดเวลา นอนไม่หลับ หรือรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา และไม่มีความสุข

วิธีการรับมือ: โรคซึมเศร้าควรได้รับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกวิธี หากสงสัยว่าลูกเข้าข่ายที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ควรรักษาหรือรับมือเอง ควรเข้าพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

 

พฤติกรรมเด็ก เหล่านี้ สามารถรับมือได้หากพฤติกรรมนั้น ๆ ยังไม่รุนแรงมาก โดยคุณพ่อคุณแม่ควรปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดู สภาพแวดลอมในครอบครัวให้ดีขึ้น แต่หากปรับเปลี่ยนแล้ว ยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้พาลูกและตนเองไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

วิจัยเผย! แท้จริงแล้ว..ระหว่างพ่อ vs แม่ ลูกนิสัยเหมือนใคร?

ฝึกระเบียบลูก ทั้งที ต้องฝึกให้เหมาะสมกับนิสัย

ลูกติดจอ ติดมือถือ แก้ได้ด้วยกฎ 3 ต้อง 3 ไม่

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก : honestdocs.co, พ.ญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ, โรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลพญาไท

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids