คุณพ่อคุณแม่เชื่อหรือไม่ การให้ลูก อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตั้งแต่เด็ก จะช่วยให้ลูกโตมาเป็นคนที่มีจิตใจดีได้ ..ซึ่งเรื่องนี้ได้มีงานวิจัยออกมาเผยถึงผลของการอ่านนิยาย เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ แล้วจะเป็นเพราะอะไร? ตามไปดูกันเลยค่ะ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็น 1 ใน 50 วรรณกรรมต้องอ่านก่อนโต โดยสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมและประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้คัดสรรมาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 32 ท่าน ที่ได้แนะนำวรรณกรรมรวม 194 ชื่อเรื่อง และคัดกรองจนเหลือเพียง 50 วรรณกรรม ซึ่งมีทั้งหนังสือแปลและหนังสือของนักเขียนไทย จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มสวยงามทรงคุณค่าน่าอ่าน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นแนวทางหล่อหลอมบุคลิกภาพของเด็กๆ ให้สามารถกำหนดชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมได้
⇒ Must read : แนะนำ 50 วรรณกรรมเพื่อลูกฉลาด ต้องอ่านก่อนโต
สำหรับทุกคนที่ชอบอ่านนิยายเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการ อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งนิยายเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่มีเสน่ห์ ตัวละครมีเอกลักษณ์ และมีข้อคิดดี ๆ แฝงอยู่มากมาย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันกลายเป็นนวนิยายที่ผู้คนชื่นชอบ และยอดเยี่ยมตลอดกาล
วิจัยเผย! ให้ลูกอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์
มีแนวโน้มจะโตเป็นคนจิตใจดี
ทั้งนี้ยังมีงานวิจัยทางด้านจิตวิทยา ออกมายืนยันอีกว่า…สำหรับเด็กๆ ทั้งหลายที่ชอบ อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ จะช่วยให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจดีอีกต่างหาก
โดยงานวิจัยได้เผยว่า… เด็กๆ ที่ อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นคนใจกว้างพร้อมเปิดใจรับสิ่งต่างๆ และแทบไม่มีอคติกับเหล่าชนกลุ่มน้อยเลย
Good to know : แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นชุดนวนิยายแฟนตาซีจำนวนเจ็ดเล่ม ประพันธ์โดยนักเขียนชาวอังกฤษ เจ. เค. โรว์ลิง เป็นเรื่องราวการผจญภัยของพ่อมดวัยรุ่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเพื่อนสองคน รอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์
โครงเรื่องหลักเกี่ยวกับภารกิจของแฮร์รี่ในการเอาชนะพ่อมดศาสตร์มืดที่ชั่วร้าย ลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้ที่ต้องการจะมีชีวิตอมตะ มีเป้าหมายเพื่อพิชิตมักเกิ้ล หรือประชากรที่ไม่มีอำนาจวิเศษ พิชิตโลกพ่อมดและทำลายทุกคนที่ขัดขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์
อ่านต่อ >> “ผลวิจัยเผยเด็กที่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีแนวโน้มจะโตเป็นคนจิตใจดี” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ซึ่งในงานวิจัยได้ทำการศึกษาจากกลุ่มเด็ก กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มผู้ใหญ่ที่ค่อนๆ ไปทางโตหน่อย ที่เป็นนักเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้น มัธยมปลาย และนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยให้ทำการตอบคำถามเกี่ยวกับมุมมองของพวกเขาที่มีต่อผู้อพยพ และระหว่างที่ทำการศึกษาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ พวกเขาจะถูกชวนให้พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ในนิยายอยู่ตลอดอีกด้วย
ผลวิจัยของเด็กที่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์
ปรากฏว่านักเรียนที่มีความชื่นชอบในตัวละครหลักอย่าง ‘Harry Potter’ นั้นจะมีมุมมองที่ดีต่อเหล่าผู้อพยพและเปิดใจยอมรับพวกเขา
ซึ่งเป็นเพราะว่าในเนื้อเรื่อง มุมมองของตัวละคร แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีต่อทุกคนและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เขาพบเจอในเรื่อง เขาจะเปิดใจยอมรับทั้งหมด
อีกทั้งยังมีความแน่วแน่ในความคิดของตัวเอง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนที่ชื่นชอบตัวละคร แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะมีแนวโน้มที่จะมีมุมมองและทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งยังรวมไปถึงเรื่องความหลากหลายทางเพศอีกด้วย
นอกจากนี้งานวิจัยยังได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจถึงกลุ่มคนที่เป็นผู้ใหญ่ด้วยว่า หากพวกเขาไม่ชอบ โวลเดอมอร์ ก็จะมีแนวคิดที่เปิดใจกว้างยอมรับเหล่าผู้อพยพและชนกลุ่มน้อยเช่นกัน ส่วนคนที่มีความสนใจและฝักใฝ่ในด้านมืด ก็จะมีความคิดที่รุนแรงมากกว่าคนอื่นๆ
ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่อยากจะสอนลูกให้เป็นคนที่มีจิตใจดี มีมุมมองและทัศนคติที่เปิดกว้าง ลองให้ อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็น่าจะดีนะคะ เพราะนอกจากจะได้ความสนุกแล้ว ยังเป็นผลดีทางด้านจิตใจและมุมมองความคิดของลูกอีกด้วย
เทคนิคการสอนลูกรักให้จิตใจดี
อย่างไรก็ดีการจะสร้างสังคมที่ดีสามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา และพ่อแม่จะต้องช่วยกันปลูกฝังความดีสู่หัวใจลูกตั้งแต่ยังเล็ก พญ. ถิรพร ตั้งจิตพร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีเทคนิคการเลี้ยงลูกให้จิตใจดีมาแนะนำและใช้ได้จริง โดยเริ่มต้นจาก
1.ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง
เพื่อเป็นพื้นฐานทักษะอื่นต่อไป เพราะการที่เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และลดการพึ่งพาคนอื่นจะทำให้เด็กเกิดความมั่นใจในตัวเอง ลดความกังวล และพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
2.ฝึกลูกช่วยงานบ้าน
เริ่มได้ตั้งแต่เล็กโดยส่วนใหญ่ เด็กวัย 2 ขวบ เริ่มฟังและเข้าใจคำสั่งง่ายๆ ดังนั้นเราควรฝึกลูกให้ช่วยงานบ้านขั้นพื้นฐาน เช่น เก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จแล้ว นำเสื้อผ้าที่สวมแล้วไปใส่ตะกร้า เป็นต้น การให้ลูกช่วยงานบ้าน โดยเริ่มจากสิ่งที่เขาควรต้องรับผิดชอบเอง ทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องหน้าที่ของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้ชีวิตในสังคม เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นค่อยเพิ่มหน้าที่ภายในบ้านให้เหมาะสมกับวัย ลูกก็จะเรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่ตนทำ มีผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างไร นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาใจเขาใส่ใจเรา
อ่านต่อ >> “เทคนิคการเลี้ยงลูกให้จิตใจดี” คลิกหน้า 3
อ่านฉบับเต็มได้ที่: The greatest magic of Harry Potter: Reducing prejudice
ขอบคุณที่มาจาก : distractify, elitedaily
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
เทคนิคง่ายๆ สอนลูกรักให้จิตใจดี (ต่อ)
3.ฝึกระเบียบวินัย
เพื่อเป็นทักษะการควบคุมตนเองและยับยั้งชั่งใจให้แก่ลูก นับเป็นพื้นฐานต่อการทนต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เล็กๆ เช่น การตื่นนอนและเข้านอนให้เป็นเวลา รับประทานอาหารเป็นเวลา การเก็บของเล่นให้เป็นที่เป็นทางหลังเล่นเสร็จแล้ว ไม่รับประทานขนมหรืออาหารในห้องนอน เป็นต้น
4.การพาลูกพบคนหลากหลาย
นับเป็นการฝึกให้ลูกมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและเข้าใจสังคมมากขึ้น คือ ทำให้เขาเห็นว่าในโลกนี้มีคนที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งสีผิว เชื้อชาติ ภาษา และความคิด ซึ่งสิ่งที่แตกต่างเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าผิดเสมอไป การพาลูกออกเดินทางท่องเที่ยวได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนที่แตกต่าง พร้อมกับคำชี้แนะที่เหมาะสมจะทำให้ลูกเข้าใจความเป็นไปของโลกใบนี้ได้ดีขึ้น
5.สอนเรื่องอารมณ์ต่างๆ
พ่อแม่มักให้ความสำคัญกับการสอนลูกให้เป็นเลิศในด้านวิชาการ สอนเรื่องมารยาท กฎระเบียบ แต่กลับลืมเรื่องการรับมือกับอารมณ์ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่มต้นสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ต่างๆ ของตน ด้วยการเอ่ยชื่ออารมณ์นั้นๆ เมื่อลูกแสดงออกมา อาทิ เมื่อลูกร้องไห้ที่ไม่ได้ของเล่น อาจบอกลูกว่า แม่รู้ว่าลูกกำลังเสียใจที่ไม่ได้ของเล่น หรือเมื่อลูกโกรธที่ถูกแย่งขนม ต้องบอกว่าลูกกำลังโกรธใช่ไหม แต่แม่อยากให้ลูกหายใจลึกๆ ใจเย็นๆ การสอนเช่นนี้จะช่วยทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตนเมื่อโตขึ้น และไม่นำอารมณ์ของตนเองมาเป็นข้ออ้างในการทำร้ายคนอื่น
6.สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า
สำหรับเด็กเล็กโลกของเขายังไม่กว้างใหญ่มากนัก การเล่าเรื่องราวต่างๆ จากนิทาน หรือเกร็ดประวัติศาสตร์อย่างง่ายๆ เกี่ยวกับบุคคลที่ทำเพื่อผู้อื่น จะช่วยทำให้ลูกเข้าใจเรื่องการช่วยเหลือกันในสังคมได้ดีขึ้น คนเป็นพ่อแม่อาจถามลูกว่าหากเกิดเหตุการณ์อย่างในนิทานขึ้นกับลูก ลูกจะทำอย่างไร ลองฟังคำตอบของลูก แล้วชื่นชมหรือตั้งคำถามเพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูก หลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์และตัดสินว่าคำตอบของลูกถูกหรือผิด เพื่อให้ลูกได้ฝึกคิดด้วยตนเองโดยมีพ่อแม่เป็นผู้ชี้นำแนวทางที่เหมาะสม
7.สอนลูกให้รู้จักแก้ปัญหา
บ่อยครั้งที่ลูกทำผิดพลาด พ่อแม่หลายคนจะใช้วิธีตำหนิหรือดุลูก เพื่อไม่ให้ลูกทำผิดอีก ซึ่งจะทำให้เด็กคิดว่าการทำผิดเป็นเรื่องใหญ่ และกลัวที่จะทำผิด หรือจะปกปิดความคิดของตนเองโดยการโกหก ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่มต้นในการให้อภัยลูก แล้วชวนลูกแก้ไข้ปัญหาหลังจากที่เกิดข้อผิดพลาด อาทิ เด็กวิ่งแล้วทำน้ำหก พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ คือ เช็ดน้ำและเก็บแก้วให้เป็นที่ หลังจากนั้นชวนให้ลูกคิดว่าครั้งหน้าสามารถระวังอย่างไรให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
อย่างไรก็ตาม พญ.ถิรพร ตั้งจิตติพร กล่าวทิ้งท้ายว่า…. มีคำกล่าวที่ว่า “Action speak lounger than words” พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก เพราะการเห็นแบบอย่างที่ดีจะทำให้เด็กสามารถจดจำการทำดีได้มากกว่าการใช้เพียงคำพูด
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- สอนลูกทำบุญ อย่างฉลาด! ด้วย 6 วิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก
- สอนลูก รู้จัก การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อ้างจากเรื่องจริง!
- สอนลูกรู้จักเห็นใจผู้อื่น
- อย่าสอนลูกให้โง่? เรื่องที่มนุษย์แม่ต้องรีบอ่าน!
ขอบคุณข้อมูล : มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก pr.moph.go.th