ลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วทำไมยังต้องฉีดซ้ำทุกปี อีกหนึ่งข้อสงสัยที่แม่ๆมันถามกัน เพราะวัคซีนพื้นฐานและวัคซีนเสริมจะมีระยะห่างทุก 4 เดือน หรือ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย แต่วัคซีนไข้หวัดใหญ่กลับฉีดไม่เหมือนอย่างอื่นเพราะอะไร ถ้าไม่ฉีดต่อเนื่องจะมีผลอย่างไร
ลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วทำไมยังต้องฉีดทุกปี ที่นี่มีคำตอบ
ไข้หวัดใหญ่ เป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่ระบาดหนักถึง 2 ช่วง คือในช่วงฤดูหนาว (ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม) และช่วงฤดูฝน (ระหว่างเดือนกรกฎาคม – พฤศจิกายน) ของทุกปี ทำให้มีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ซึ่งรับเชื้อได้ง่าย เพราะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลง “พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพที่สำคัญ พ.ศ.2562” ถึงโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นมีทั้งหมด 3 โรค ได้แก่ ไข้เลือดออก หัด และไข้หวัดใหญ่ จากการคาดการณ์พบว่า ในปี 2562 จะมีผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สูงถึง 1.77 แสนคน และคาดว่าเป็นเชื้อชนิด H1N1 หรือสายพันธุ์ A ซึ่งมักระบาดตามฤดูกาล
คุณแม่ควรให้ ลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วัยทารกอายุ 6 เดือน จนถึงวันเด็กเล็ก 2 ขวบ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่รับเชื้อได้ง่าย รวมถึงคุณแม่ท้อง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ ผู้พิการทางสมอง และคนที่มีภาวะอ้วน โดยสามารถเข้ารับวัคซีนได้ฟรี ที่โรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน หรือตามโรงพยาบาลเอกชนที่สะดวก ตามราคาโปรโมชั่นของแต่ละแห่ง เพื่อลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตอย่างทันท่วงที
เพราะไข้หวัดใหญ่ร้ายแรง ควรฉีดซ้ำทุกปี
“ปีก่อนลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วทำไมต้องฉีดซ้ำอีก” คุณแม่หลายคนรู้สึกว่า ในเมื่อเคยพาลูกฉีดแล้ว วัคซีนน่าจะช่วยป้องกันลูกให้ห่างไกลจากโรคได้นาน ไม่ใช่แค่ ปีเดียว แต่ความจริงแล้ว เชื้อไข้หวัดใหญ่แตกต่างจากโรคชนิดอื่นๆ เพราะไข้หวัดใหญ่สามารถกลายพันธุ์ได้ง่ายจาก 3 สายพันธุ์หลักได้แก่ A B และ C กลายเป็นไวรัสชนิดใหม่
องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจึงมีการกำหนดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ของแต่ละปีล่วงหน้า ซึ่งใช้เวลาผลิตวัคซีนประมาณ 1 ปีเต็ม ดังนั้นวัคซีนที่เคยฉีดในปีก่อนหน้า อาจไม่ครอบคลุมสายพันธ์ที่ระบาดในปีนี้ การให้ลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีจึงเป็นสิ่งจำเป็น
อ่านต่อ ฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว ทำไมลูกยังเป็นไข้หวัดใหญ่อีก หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
หลังจากลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปแล้ว แต่คุณแม่หลายบ้านพบว่า ลูกยังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จากโรงเรียนและป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลอีก ทั้งที่เข้าใจว่าวัคซีนเข็มนี้น่าจะช่วยป้องกันให้ลูกปลอดภัยจากโรคได้ ความจริงแล้ววัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ถูกพัฒนาในแต่ละปี ไม่ได้ครอบคลุมไวรัสไข้หวัดใหญ่ทุกชนิด อย่างวัคซีนของปี 2561 วัคซีนที่ครอบคลุมการติดเชื้อ 3 สายพันธุ์ (Trivalent vaccine) ได้แก่ สายพันธุ์ A สองชนิด และสายพันธุ์ B หนึ่งชนิดเท่านั้น
หากสายพันธุ์ที่ลูกได้รับมาไม่ใช่ตัวเดียวกับวัคซีนดังกล่าว ก็มีโอกาสที่ลูกป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้อีก รวมถึงโรคหวัด หรือไข้หวัดธรรมดาด้วย เพราะอาการไอจาม มีน้ำมูก ตัวร้อน หรือมีเสมหะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัสชนิดอื่น ถึงจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นเชื้อที่รุนแรงกว่า และแม่อาจเข้าใจว่าจะช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยธรรมดา อย่างหวัดได้ แต่จริงๆแล้ว เชื้อโรคทั้งสองชนิดนี้ไม่เหมือนกัน
ก่อนพาลูกไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ต้องเตรียมอะไรบ้าง
คุณแม่สามารถให้ ลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป และเข้ารับการฉีดวัคซีนใหม่ทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โรคระบาดมากที่สุด ก่อนที่จะพาลูกไปพบแพทย์ คุณแม่ควรเตรียมตัวลูกน้อยให้พร้อมล่วงหน้าด้วย เริ่มต้นจากสังเกตร่างกายและพฤติกรรมของลูกว่าแข็งแรงดี ไม่มีไข้ หรือเจ็บป่วย มีอาการแพ้ไข่ไก่รุนแรง หรือเคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาแล้วแต่แพ้อย่างรุนแรงหรือไม่ หากเป็นจะไม่สามารถเข้ารับวัคซีนได้ สิ่งสำคัญคือ ควรให้ลูกพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้มีภูมิต้านทานแข็งแรงพอรับมือกับประสิทธิภาพของวัคซีน
หลังจาก ลูกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้ว อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยได้ เช่น อาการบวมแดง บริเวณที่ฉีดวัคซีน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมีไข้ต่ำๆ ซึ่งจะหายเองภายใน 1-3 วัน สำหรับทารกอาจงอแงมากกว่าปกติ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจไปเพียงคอยดูแลและให้ยารักษาตามอาการก็พอ หากอาการรุนแรงขึ้น หรือเกิดความผิดปกติอื่นๆ ควรพาลูกมาพบแพทย์ทันที และแจ้งอาการให้ทราบโดยละเอียดด้วย
อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ
ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ a กับ b ต่างกันอย่างไร ?
แม่แชร์! ลูกชายเสียชีวิตเพราะ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ
แพทย์ออกมาตรการ! ป้องกันไข้หวัดใหญ่ บนรถสาธารณะ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://oryor.com https://themomentum.co/
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่