เมื่อพ่อแกล้ง “ทิ้งลูกชายวัย4ขวบ” ไว้กลางห้าง …เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคุณพ่อท่านนี้คิดเล่นพิเรนทร์ อยากดูท่าทีของลูกเมื่อหลงอยู่กลางซูเปอร์มาเก็ตจึงแกล้งทิ้งลูกไว้คนเดียว แล้วแอบดูอยู่ห่างๆ … เด็กชายคนนี้ เหวินเหวิน อายุเพียง 4 ขวบที่ฉลาด พ่อของเขาเลี้ยงลูกให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองทำให้เขาทำอะไรเองเป็นตั้งแต่เล็กๆไม่ว่าจะกินข้าว ใส่เสื้อผ้าและแปรงฟันเอง
เมื่อพ่อแกล้ง “ทิ้งลูกชายวัย4ขวบ” ไว้กลางห้าง
ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามที่คาดไว้!
ซึ่งวันนั้นครอบครัวของเหวินเหวินไปเดินซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต ในขณะที่พ่อแม่กำลังจ่ายเงินอยู่ที่แคชเชียร์ เด็กชายยังนั่งดูตู้ปลาในเขตขายอาหารทะเลที่อยู่ไกลออกไป10เมตร พ่อของเขาแอบกระซิบเบาๆกับแม่ว่าเราลองมาแอบลูกกันดีกว่า ว่าเหวินเหวินจะทำอย่างไรถ้ารู้ว่า”หลงทาง”กับเรา ลองให้แกมีประสบการณ์ดูสักครั้ง จะได้สอนลูกด้วย แม่ยังไม่ทันตอบตกลงอะไรพ่อก็รีบดึงมือแม่เพื่อไปหลบอยู่ในมุมที่ลูกมองไม่เห็น
หลังจากที่เหวินเหวินนั่งดูปลาอยู่พักนึง เขาก็ลุกขึ้นหันกลับมามองหาพ่อแม่แต่ไม่เจอ เขาจึงวิ่งไปมาแถวนั้นอยู่สองรอบแล้วอ้อมไปดูที่แคชเชียร์จนรู้ว่าตัวเองคงจะหลงกับพ่อแม่เข้าแล้ว แม่คิดว่าลูกชายต้องร้องไห้แน่ๆ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่พ่อกับแม่คิด!!!
> เหวินเหวินเดินออกมาจากตรงแคชเชียร์และเดินไปหาลุงรปภ. คุยกันประมาณครี่งนาที แล้วทั้งสองก็เดินไปเข้าลิฟท์เพื่อลงไปที่ชั้น 1 ด้วยกัน
พ่อและแม่ก็รีบแอบตามลงไปดู ที่แท้….
รปภ. พาเหวินเหวินไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ของซุปเปอร์เพื่อประกาศตามหาพ่อแม่ เหวินเหวินพูดกับคุณน้าที่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้พ่อแม่มาเจอเขาที่ห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1
เรื่องนี้ทำให้พ่อแม่ของหนูน้อยแปลกใจมาก เพราะตอนแรกคิดว่าจะให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนกับลูกและไม่คิดว่าลูกชายจะแก้ปัญหาได้เร็วขนาดนี้ พ่อถามหนูน้อยว่าทำไมลูกถึงได้ไปหาลุงรปภ. เป็นคนแรก ลูกชายบอกว่า “คุณครูที่โรงเรียนอนุบาลสอนครับ”
ขอขอบคุณสำหรับเนื้อหาจาก : liekr.com
อ่านต่อ >> 7 วิธีสอนลูก ให้ช่วยเหลือตนเองเมื่อพลัดหลงกับพ่อแม่ คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
การป้องกันเหตุการณ์พลัดหลงกับลูกย่อมเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ซึ่งกฎเหล็ก 2 ข้อหลักๆได้แก่ ไม่ปล่อยให้ลูกคลาดสายตา และการหลีกเลี่ยงไปสถานที่พลุกพล่าน หรือสถานที่ซึ่งมีสิ่งล่อตาล่อใจเด็กเยอะเกินไป แต่การป้องกันไว้ก่อน คุณพ่อคุณแม่สามารถซักซ้อมลูกให้รู้จักช่วยเหลือตนเองเมื่อหลงทางตามขั้นตอนดังนี้
1. ตั้งคำถามเพื่อให้เด็กคิดแก้ปัญหา
ลองถามลูกน้อยถึงความรู้สึกและวิธีแก้ไขปัญหาหากเขาหลงทาง และใช้โอกาสนี้แนะนำวิธีเอาตัวรอดเพิ่มเติมเข้าไป
2. บอกความรู้สึกของพ่อแม่
การบอกลูกว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกตกใจ เป็นห่วงและจะออกตามหาลูกทันทีจะทำให้ลูกมั่นใจว่าคุณพ่อคุณแม่จะตามหาเขาเช่นกัน เขาจะได้ไม่วิตกกังวลมากนักเมื่อเจอสถานการณ์ดังกล่าว
3.เตรียมข้อมูลให้พร้อม
เขียนเบอร์ติดต่อของคุณพ่อคุณแม่ใส่ในรองเท้าหรือเสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวลูก และให้ลูกเก็บรักษาใบข้อมูลประจำตัวเช่น ชื่อของลูก ชื่อของพ่อแม่เบอร์ติดต่อ โรคประจำตัว วิธีการช่วยเหลือ และเขียนข้อความขอความกรุณาติดต่อหรือพาลูกมาส่งสั้นๆ เพื่อให้ลูกเก็บไว้ยื่นให้แก่คนที่เขาไปขอความช่วยเหลือ
4.สอนลูกตะโกนเรียกชื่อของคุณพ่อคุณแม่
จะเป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็ได้ เพราะเสียงเรียกว่า “พ่อแม่” อาจกลมกลืนไปกับเสียงของผู้คนและเด็กคนอื่นๆ
5.สอนให้ลูกมองหาคนช่วยเหลือ
อาจให้ลูกขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงที่มากับเด็กเพื่อขอความช่วยเหลือหรือพนักงานที่เคาน์เตอร์คิดเงินตามร้านค้าใหญ่ๆ
6.สอนให้ลูกอยู่กับที่และมองหาจุดเด่นที่ปลอดภัย
เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าขนาดใหญ่ ฟุตบาท หรือยืนบนเก้าอี้สาธารณะที่ทำให้สูงขึ้นเป็นต้น และลูกน้อยต้องรู้จักยืนยันหนักแน่นว่าจะหยุดรอคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่เดิม ไม่ตามผู้คนแปลกหน้าไปไหน
7.ชวนลูกเล่นบทบาทสมมุติหลายๆครั้ง
โดยสมมุติสถานการณ์ที่เขาพลัดหลงและเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ การซักซ้อมด้วยการเล่นบทบาทสมมุติหลายๆ ครั้งจะช่วยให้ลูกน้อยจำได้มากขึ้นและไม่ตื่นตกใจมากนักเมื่อเจอสถานการณ์จริงและทำให้เรามั่นใจได้ว่าลูกจะรู้วิธีการที่จะช่วยเหลือตัวเอง จนกว่าคุณพ่อคุณแม่จะหาเขาเจอ
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ฝึกลูกให้รู้จักป้องกันและแก้ปัญหาสถานการณ์ต่างๆ ได้ และการดูแลเด็กเล็กๆ นั้นต้องอย่าให้คลาดสายตาผู้ใหญ่ และระวังอย่าให้เด็กไปกับคนแปลกหน้านะคะ
คลิป รายการทีวีทดสอบคนกว่า 600 คน “เมื่อเด็กหลงทาง” แต่กลับไม่มีใครสนใจ
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : ODN
จากเรื่อง : “คุณแม่มือใหม่ รับมือได้ทุกสถานการณ์”
โดย : กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids ฉบับ 135 กรกฎาคม 2559
ที่ปรึกษา : พญ. สมจินตนา เอี่ยมสรรพางค์ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ศูนย์อุบัติเหตุกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ
อ่านต่อ >> กฎเหล็ก 5 ข้อ ที่พ่อแม่ควรสอนลูกก่อนออกจากบ้าน คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ปัจจุบันภัยเกี่ยวกับเด็กๆ รุนแรงเสียจน ไว้ใจอะไรไม่ได้และต้องเฝ้าระวังทุกฝีก้าว ด้วยเหตุนี้เราจึงมี 5 วิธีการ ป้องกัน ระวังภัย สำหรับเตือนใจคุณพ่อคุณแม่ เมื่อต้องพาลูกเล็กเดินทางค่ะ
1. ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า
ถ้าคุณต้องพาลูกออกนอกบ้านตามลำพัง ไม่ว่าจะไปธุระหรือไปซื้อของ เมื่อมีคนมาทักคุณว่า “ลูกน้อยน่ารักจังเลย” “ขออุ้มได้ไหมคะ?” ฯลฯ ก็อย่าเพิ่งวางใจว่าเขาจะเป็นคนรักเด็ก หลายรายวางใจ ทิ้งลูกไว้ให้คนแปลกหน้าดูแลชั่วคราว แล้วไปช้อปปิ้งเลือกเสื้อผ้า หรือไปเข้าห้องน้ำ คนพวกนี้บางทีก็เป็นแก๊งลักเด็ก
หากคุณมีความจำเป็นต้องฝากลูกไว้กับใครสักคน เพื่อไปทำธุระส่วนตัว (เช่น การเข้าห้องน้ำในห้าง) โดยไม่มีญาติพี่น้องอยู่ใกล้ๆ ให้เลือกฝากลูกไว้กับจุดรับฝากเด็ก หรือคนของบริษัทหรือองค์กรที่คุณไปติดต่อ ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ และคุณต้องรีบกลับมารับเขา
2. ไม่ให้ลูกคลาดสายตา
ไม่ว่าเด็กที่อยู่กับคุณจะเป็นลูกของคุณ ลูกของญาติ หรือเด็กแถวบ้าน ผู้ใหญ่ไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพัง ไม่ต้องกลัวว่าใครจะว่าคุณกังวลไปกว่าเหตุ แต่ให้คิดถึงความปลอดภัยของลูกไว้ก่อน นอกจากเด็กอาจจะถูกคนร้ายล่อลวงแล้ว เด็กอาจจะเผลอวิ่งออกถนนได้
3. บอกจุดหมายปลายทางกับลูกทุกครั้งที่เดินทาง
การบอกจุดหมายปลายทางให้กับลูก นอกจากจะฝึกการจดจำและสร้างพัฒนาการให้กับเขา เช่น “วันนี้เราจะไปหาคุณตาคุณยายกันนะ” เด็กก็จะจำได้ว่าวันนี้เขาต้องเจอกับใครบ้าง ต้องเดินทางผ่านเส้นทางไหน เมื่อเจอสิ่งที่ผิดไปจากที่เคยเจอ ลูกจะได้ทราบว่ามันผิดปกติแล้วนะ
4. ฝึกให้เด็กจำชื่อเบอร์โทรศัพท์คนที่บ้าน
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ หากวันหนึ่ง คุณกับลูกเล็กพลัดหลงกันระหว่างเดินทางหรือเดินเที่ยว ข้อมูลสำคัญที่ควรฝึกให้ลูกจำให้ได้คือ ชื่อของคุณพ่อคุณแม่ หรือเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ติดต่อได้ ซึ่งหากลูกยังเล็กเกินไป ควรพกป้าย taq เขียนชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของคุณใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงของลูก
5. สอนให้ลูกรู้จักเล่ห์เหลี่ยมคนร้าย
อย่าเพิ่งคิดว่าลูกของคุณนั้นยังเด็กเกินไปที่จะสอน เมื่อเด็กเริ่มหัดพูดและเดินได้ แสดงว่าพัฒนาการของเขาเดินหน้าพอที่จะรับรู้สิ่งที่คุณสอน คุณต้องรู้จักบอกเขาว่าสิ่งไหนอันตราย สิ่งไหนปลอดภัย แต่ถ้าลูกวัย 2 ขวบขึ้นไป วิธีง่ายๆ คือ สอนให้เขาเดินหนีและปฏิเสธคนที่ไม่น่าไว้ใจ
แต่ถ้าเด็กวัยอนุบาล สอนเขาว่าเมื่อเจอคนแปลกหน้า ก็ต้องบอกเขาว่าลักษณะแบบนี้อันตรายอย่างไร เช่น ไม่ควรรับขนม ไม่ควรพูดคุยด้วย และไม่ปล่อยให้ลูกไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติ
เตือนลูกว่าในสังคมมีพวกแก๊งลักเด็ก หลอกเด็กไปใช้แรงงาน เป็นขอทาน เราไม่ได้ปลูกฝังให้ลูกกลัว ไม่ได้ขู่เขา แต่สอนเขาด้วยเหตุผลว่า ถ้าไม่อยากถูกหลอกต้องอย่าไปไกลจากคุณพ่อคุณแม่นะ!
นอกจากนี้โดยปกติในชีวิตประจำวันนั้นสาเหตุที่เด็กหายบางทีไม่ใช่เพราะถูกล่อลวงแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเด็กห่วงกิน ห่วงเล่น และความสะเพร่าของพ่อแม่ ผู้ปกครองควรสอนเด็ก 5 ข้อต่อไปนี้
1. จำชื่อนามสกุลของตัวเองและผู้ปกครอง และที่อยู่ได้อย่างละเอียด
2.จำเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองและญาติๆได้อย่างแม่นยำ
3.จดจำเบอร์ฉุกเฉินได้
4.แยกแยะคนเป็น สอนให้เด็กรู้จักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตำรวจ ตำรวจจราจร พนักงานซูเปอร์มาเก็ต และพนักงานตามห้างร้านต่างๆที่สามารถช่วยเด็กได้ในยามฉุกเฉิน
5.สอนเด็กว่าเมื่อรู้ตัวว่าเดินหลงแล้วให้รออยู่ในบริเวณเดิม อย่าวิ่งไปไหนไกล
การสอนลูกให้รู้จักภัยสังคม ให้ความรู้ที่ถูกต้องและรู้จักช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็กนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ พ่อแม่ต้องไม่ละเลย ด้วยความรักและห่วงใยค่ะ!
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- ลักพาตัวต่อหน้าพ่อแม่ ภัยใกล้ตัวลูกน้อยที่ต้องระวัง
- 6 พื้นที่เสี่ยงถูกลักพาตัว และ 5 ไม่ ป้องกันการลักพาตัว
- เตรียมตัวอย่างไร ไม่ให้หนูหลง
บทความโดย : กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids