ไขปัญหาเพราะอะไร ลูกมีน้ำนมไหลออกจากเต้า ปกติหรือไม่อย่างไร?
เพราะเป็นลูกคนแรก ทำให้ คุณแม่เพ็น หนึ่งในสมาชิกเฟซบุ๊กถึงกับสงสัยถึงอาการดังกล่าวว่า ทำไม จู่ๆ น้องเก้า ลูกชายวัยเพียง 1 เดือนถึงได้มี น้ำนมไหลออกจากเต้าได้ … ซึ่งทีมงานได้ติดต่อไปยังคุณแม่เพื่อขออนุญาตคุณแม่ นำเรื่องราวนี้มาเผยแพร่ผ่านเพจและเว็บไซต์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคุณแม่ท่านอื่น ๆ
เพราะทีมงาน Amarin Baby and Kids เชื่อว่า ยังมีคุณพ่อคุณแม่อีกหลายท่าน ที่ไม่เคยเห็นและไม่เข้าใจว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องปกติหรือไม่อย่างไร และนี่คือข้อมูลที่ทีมงานได้รวบรวมเอามาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
อ่านต่อ >> ลูกมีน้ำนมไหลออกมาจากเต้า ปกติหรือไม่?
เครดิต: คุณแม่เพ็น
ลูกมีน้ำนมไหลออกจากเต้า ปกติหรือไม่?
ภาวะนี้เกิดขึ้นในเด็กแรกเกิดอายุ 2-3 วัน พบได้ทั้งทารกเพศชายและเพศหญิง ซึ่งไม่ใช่อาการผิดปกติแต่อย่างใด และจะยุบหายไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้เกิดขึ้นจากฮอร์โมนเพศ (ฮอร์โมนโพรแลกติน และ โกรธฮอร์โมน) ที่ได้รับมาจากแม่ผ่านทางสายสะดือ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ทารกเพศหญิงมีเมือกขาว หรือ เลือดประจำเดือนออกมาทางช่องคลอดของทารกเพศหญิงได้เช่นกัน ซึ่งเป็นภาวะปกติในทารกแรกเกิด จะหายไปได้เองโดยไม่ต้องทำการรักษาแต่อย่างใด
ดูแลลูกอย่างไร เมื่อมีน้ำนมไหลออกมา
ฮอร์โมนที่ได้รับจากแม่นี้ จะกระตุ้นให้ต่อมน้ำนมของทารกทำงาน เมื่อเวลาผ่านไป ฮอร์โมนจะลดลงได้เอง เต้านมจะยุบลงไปเป็นปกติ โดยไม่ต้องรักษาใด ๆ ห้ามไม่ให้ใช้มือบีบเพื่อเอาน้ำนมออก เพราะอาจทำให้มีปัญหาเต้านมอักเสบ แล้วกลายเป็นฝีตามมา
อ่านต่อสาเหตุ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น >>
เพราะอะไรน้ำนมถึงไหลออกมาได้?
สาเหตุที่ทารกแรกเกิดมีน้ำนมไหลออกมาจากเต้านั้นเป็นเพราะ ฮอร์โมนของคุณแม่ที่เราเรียกกันว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจน นั่นเองค่ะ โดยฮอร์โมนดังกล่าวนั้น ลูกน้อยของเราสามารถรับได้จากคุณแม่เองผ่านทางสายสะดือตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และฮอร์โมนนี้จะลดระดับต่ำลงภายหลังจากที่ลูกน้อยเกิดมา
ต่อจากนั้น ร่างกายของทารกก็จะกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนที่เราเรียกกันว่า ฮอร์โมนโพรแลกติน ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมน้ำนมของทารกนั้นทำงานนั่นเองค่ะ
จึงส่งผลให้เต้านมของลูกนั้นใหญ่ขึ้น และมีน้ำนมไหลออกมาได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่คะ หากพบว่าลูกมีอาการดังกล่าวละก็ แนะนำว่า อย่าบีบหรือเค้นเด็ดขาดนะคะ เพราะอาจจะส่งผลให้ลูกเป็นฝีจนถึงขั้นต้องผ่าตัดก็เป็นได้ นอกจากนี้ หากลูกมีไข้อย่ารอช้านะคะ รีบพาไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
เครดิต: คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ: