แปรงฟันแห้ง คืออะไร ทำไมถึงช่วยป้องกันฟันผุได้ พร้อมไขข้อข้องใจกับคำถามยอดฮิตได้ที่นี่
คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านอาจจะเกิดความรู้สึกสงสัยกันภายในใจว่า อะไรคือ แปรงฟันแห้ง? แล้วเกี่ยวอะไรกับฟันผุ บอกเลยว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่อย่างเราแอบผะอืดผะอมนิด ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเรามักจะแปรงฟันเสร็จแล้วก็บ้วนน้ำทิ้งกัน เพราะเชื่อว่าเป็นการชำระล้างเอาสิ่งสกปรกที่อยู่ในปากเราตลอดทั้งคืนนั้นออกไป แต่งานนี้คุณหมอกลับบอกว่า ทำแบบนั้นถือเป็นการแปรงฟันที่ผิดวิธี และอาจส่งผลทำให้ฟลูออไรด์ที่มีอยู่ในยาสีฟันนั้นเจือจางไปกับน้ำได้!
เรื่องนี้จะจริงเท็จมากน้อยเพียงใด หมอแล็บแพนด้าได้ควงคู่มาพร้อมกับ ทพ. ดร. ธงชัย วชิรโรจนไพศาล อุปนายกทันตแพทยสภาคนที่สอง จะมาไขความกระจ่างให้พวกเราทุกคนได้เข้าใจถึงวิธีการแปรงฟันที่ถูกวิธีมาฝากกันค่ะ
แปรงฟันแห้ง คืออะไร ?
แปรงฟันแห้ง นั้นมีด้วยกันทั้งสิ้น 2 อย่างคือ แห้งก่อนที่จะแปรง และแห้งหลังแปรง นั่นหมายถึง เราไม่จำเป็นต้องจุ่มน้ำก่อนแปรงนั่นเอง เพราะการจุ่มน้ำก่อนแปรงฟันนั้น น้ำจะไปผสมกับยาสีฟันทำให้เกิดฟองส่งผลทำให้ฟลูออไรด์นั้นถูกเจือจาง ดังนั้น วิธีการแปรงที่ถูกต้องคือ ไม่จำเป็นต้องจุ่มน้ำก่อนแปรง พอเราไปแล้วสักประมาณ 2 นาทีก็ให้ถุยเอาฟองออก โดยไม่ต้องบ้วนน้ำ ทำให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันอยู่รอบๆ ฟันเรา ซึ่งจะช่วยส่งผลทำให้ฟันของเราแข็งแรงนั่นเอง
ไม่บ้วนน้ำออกแล้วไม่อันตรายหรือ?
ทพ. ดร. ธงชัย ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จริงอยู่ที่ยาสีฟันนั้นมีสารที่ทำให้เกิดฟอง แล้วการที่เราแปรงฟันแล้วไม่บ้วนน้ำทิ้งนั้นไม่อันตรายหรือ … จากการวิจัยพบว่า สารที่ทำให้เกิดฟองนั้นไม่ได้ส่งผลอันตรายใด ๆ แต่อยากให้จำไว้ว่า การบ้วนน้ำ 1 ครั้งนั้น ก็ส่งผลทำให้ฟลูออไรด์ลดลงไปด้วยเช่นกัน และนั่นก็ไม่ได้ทำให้เราได้รับประโยชน์ของการป้องกันฟันผุจากฟลูออไรด์เลย แต่สำหรับใครที่ไม่ชินละก็ สามารถบ้วนน้ำในปริมาณน้อยๆ ได้ 1 ครั้ง
สรุปวิธีการแปรงฟันแห้งต้องทำอย่างไร?
- ให้คุณพ่อคุณแม่ป้ายยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ยี่ห้อใดก็ได้เพียงเล็กน้องลงบนยาสีฟันที่แห้ง
- หลังจากนั้นให้แปรงฟันทันทีโดยไม่ต้องบ้วนปากก่อน และพยายามแปรงฟันให้ทั่วนานอย่างน้อย 2 นาที
- เมื่อมั่นใจว่าแปรงฟันจนทั่วช่องปากแล้ว ก็ให้บ้วนยาสีฟันทิ้งโดยไม่ต้องบ้วนน้ำตาม
มาถึงตอนนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะนึกตั้งคำถามมากมายอยู่แล้วในใจใช่ไหมละคะ ซึ่งทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็ได้รวบรวมคำถามและคำตอบจากคุณหมอที่หลายๆ ท่านตั้งข้อสงสัยมาฝากด้วยเช่นกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
คำถาม: แปรงฟันแห้ง เหมาะกับวัยไหนบ้าง
คำตอบคือ ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยที่มีฟันผุง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
คำถาม: แปรงฟันแล้วรับประทานอาหารได้เลยหรือไม่?
คำตอบคือ: ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่แปรงฟันแล้วควรปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที แล้วค่อยรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ เนื่องจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำทันทีหลังแปรงฟันนั้น จะเป็นการลดประสิทธิภาพของฟลูออไรด์ที่มีอยู่ในปากได้นั่นเอง
คำถาม: ถ้าแปรงแห้งดีจริง ทำไมเพิ่งบอกประชาชน?
คำตอบคือ งานวิจัยที่พบว่า ถ้าบ้วนน้ำหลาย ๆ ครั้ง ความเข้มข้นของฟลูออไรด์จากยาสีฟันจะลดลงนั้น มีในช่วงปี 2536 เป็นต้นมา แต่จุดสำคัญอยู่ที่ปี 2555 (6 ปีที่แล้ว) ที่มีการประชุมของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ และได้ข้อสรุปว่า การแปรงแห้ง ให้ประโยชน์ในการป้องกันฟันผุ และการบ้วนน้ำจะลดประสิทธิภาพฟลูออไรด์ลง ดังนั้นเรื่องนี้ใหม่มากๆ ครับ ทันตแพทย์กระทรวงสาธารณสุขหลายจังหวัด มีการทำโครงการแปรงแห้งในเด็กนักเรียนประถมมานาน 2-3 ปีแล้ว
คำถาม: มีสารอื่น ๆ ผสมในยาสีฟันอีกมากมาย จะเป็นอันตรายหากตกค้างอยู่ในช่องปากหรือไม่ ?
คำตอบคือ สารที่กังวลกันมากคือ สารที่ทำให้เกิดฟอง (SLS) เนื่องจากมีข้อมูลผลเสียของ SLS ว่าจะทำให้แพ้ หรือเป็นมะเร็ง แพร่หลายในโลกออนไลน์ สำหรับข้อเท็จจจริงคือ SLS ไม่ใช่สารก่อมะเร็ง มีการอนุญาตให้ใช้ SLS ใส่ในเครื่องสำอางค์ต่าง ๆ ไม่เกิน 15% ส่วนในยาสีฟันมักจะใส่ SLS อยู่ที่ 0.5-2 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น เมื่อผสมกับน้ำลายตอนแปรงฟันและบ้วนทิ้ง ก็จะเหลือ SLS ที่เจือจางน้อยมากจนไม่สมารถทำให้ระคายเคืองในช่องปากได้ (จะต้องใช้ SLS 2 เปอร์เซ็นต์ สัมผัสนานมากกว่า 1 ชั่วโมงจึงจะมีการระคายเคือง) อย่างไรก็ตามสำหรับท่านกังวลเรื่องนี้ ผมแนะนำให้เลือกซื้อยาสีฟันที่มีฟองน้อยครับ ส่วนสารอื่น ๆ ก็จะถูกเจือจางไปมากเช่นกัน หากท่านใดที่กังวลในเรื่องนี้มาก ๆ ก็คงต้องชั่งน้ำหนักว่า ประโยชน์ในการป้องกันฟันผุที่ได้รับจากการแปรงแห้งจะคุ้มค่ากับความกังวลที่มีอยู่ ท่านสามารถพิจารณาและตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะกับตนเองได้เลยครับ
คำถาม: มีการพบผู้ป่วยแพ้ยาสีฟันจนริมฝีปากบวมอยู่บ้าง จึงมีความกังวลว่า ถ้าแปรงแห้งจะทำให้เกิดอาการแพ้ ?
คำตอบคือ ในรายที่ผู้ป่วยแพ้ยาสีฟันบางยี่ห้อ ไม่ว่าจะแปรงปกติ หรือ แปรงแห้ง ก็จะเกิดอาการแพ้เหมือนกัน ซึ่งการแพ้นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะบุคคลเท่านั้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงถ้าใช้ยาสีฟันยี่ห้อนั้น ๆ แล้วแพ้
คำถาม: โรคฟันผุมาจากสาเหตุอื่น เช่น ความถี่ในการกินแป้งและน้ำตาล ความสะอาดของการแปรงฟัน ดังนั้นน่าจะไปลดการกินน้ำตาลกับแปรงฟันให้สะอาดจะดีกว่าไหม?
คำตอบคือ ถ้าทำได้ทั้ง 3 อย่าง (คือ ควบคุมการกิน แปรงได้สะอาดและ แปรงฟันแห้ง) ก็จะ “ดีที่สุด” หากทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็จะ “ดี” แต่ถ้าทำไม่ได้ทั้ง 3 อย่าง ก็จะ “แย่” คือมีโอกาสเกิดฟันผุแน่ ๆ
คำถาม: เด็กเล็กแปรงฟันแห้งได้ไหม?
คำตอบคือในเด็กเล็กซึ่งจะเป็นกลุ่มอายุที่ฟันผุได้ง่าย แนะนำให้ แปรงฟันแห้ง โดยที่เมื่อผู้ปกครองแปรงฟันให้เด็กเสร็จแล้ว ก็ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดฟองออก ส่วนเด็กที่โตพอก็ให้ถ่มน้ำลายออกด้วยตนเอง สิ่งสำคัญคือ ผู้ปกครองต้องดูแลไม่ให้เด็กกลืนยาสีฟัน เพราะไม่ว่าจะแปรงแห้งหรือแปรงเปียก หากไม่ดูแลอย่างใกล้ชิดเด็กอาจกลืนกินยาสีฟันในระหว่างที่แปรงฟันได้
คำถาม: กรณีมีเศษอาหารติดอยู่ตามฟัน จะทำอย่างไร?
คำตอบคือ ทำได้หลายวิธีครับ เช่น บ้วนน้ำแรง ๆ เอาเศษอาหารออกก่อนแปรงแห้งหรือแปรงฟันสองรอบ รอบแรกแปรงเปียกเอาเศษอาหารกับแผ่นคราบจุลินทรีย์ออกไปก่อน แล้วค่อยแปรงแห้งอีกรอบ (เป็นข้อเสนอแนะจากประชาชนใน page ของ Amanrin TV ซึ่งผมเห็นว่าน่าสนใจมาก)
คำถาม: ถ้าไม่อยากแปรงแห้ง จะทำอย่างไร?
คำตอบคือ ถ้ายังไม่ชินและรู้สึกแปลกอยู่ แต่ยังอยากได้ประสิทธิภาพของฟลูออไรด์ในการป้องกันฟันผุ ผมแนะนำให้บ้วนน้ำ 1 ครั้งแทนการแปรงแห้ง แม้ฟลูออไรด์จะลดลงบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าบ้วนน้ำหลาย ๆ ครั้ง เพราะฟลูออไรด์จะไม่หลงเหลืออยู่ในช่องปากเลย
ปล. แปรงแห้งต้องใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์เท่านั้นนะครับ ถ้าใช้ยาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์ จะแปรงแห้งหรือแปรงเปียกก็ไม่ช่วยป้องกันฟันผุแต่อย่างใด
ชมคลิป!
ขอบคุณที่มา: Amarin TV, หมอแล็บแพนด้า และทพ. ดร. ธงชัย วชิรโรจนไพศาล
อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:
- ไม่อยากให้ ลูกฟันผุ ต้องแปรงฟัน และดูแลให้ถูกต้อง
- ระวัง! ลูกฟันผุ แน่! หากพ่อแม่ปล่อยให้ดูดนมขวดกลางดึก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่