เชื่อหรือไม่ ลูกขี้เกียจ นิสัยเสีย อนาคตไม่ดี… เพราะพ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างทะนุถนอมมากเกินไป! ไม่ยอมให้ลูกทำอะไร เพราะกลัวว่าลูกจะเหนื่อย ไม่อยากให้ลูกลำบาก สิ่งเหล่านี้ที่พ่อแม่คิดว่าเป็นเรื่องดี อาจเป็นเรื่องร้ายก็ได้
ระวัง…สอน ลูกขี้เกียจ ทำลายอนาคตลูกได้!
มีด้วยหรือ ? ที่พ่อแม่จะสอนลูกให้ขี้เกียจ ? ตอบว่า “มี” และยิ่งปัจจุบันนี้อาจมีอยู่เป็นจำนวนมากด้วย ซึ่งหากคุณกำลังเลี้ยงลูกให้ขี้เกียจ หรือไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอยู่ ลองพิจารณาดูจากข้อความข้างล่างค่ะจะเป็นความจริงไหม ?
สมมุติว่า ลูกเรากำลังอยู่ในวัยเรียน อายุตั้งแต่ 3 หรือ 8 ขวบขึ้นไป ซึ่งในวัยนี้ความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะให้ลูกช่วยทำงานบ้านได้ตั้งหลายอย่าง แต่พ่อแม่ส่วนมากก็มักจะไม่ให้ทำ ไม่ใช้ให้ทำ หรือไม่บังคับให้ทำ เช่น
⇒ Must read : 5 เทคนิคชวนลูกช่วยงานบ้าน
- ลูกควรตื่นนอนเวลา 00 น. หรือ 06.00 น. ซึ่งพ่อแม่รู้ว่า ถ้าลูกตื่นในช่วงนี้แล้วลุกขึ้นเก็บที่นอน ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ กินข้าวเสร็จล้างถ้วยชามเสร็จก็จะได้เวลาไปโรงเรียนพอดีๆ แต่พ่อแม่บางคนก็ไม่ได้ปลุกลูกในช่วงนี้ แต่ไปปลุกเอาหลัง 06.00 น. หรือ 07.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่จะออกจากบ้านไปโรงเรียนแล้ว จึงต้องรีบทำอะไรๆ อย่างรีบด่วนไปหมด ขาดๆ ตกๆ ต้องเอะอะโวยวายลั่นบ้าน ให้เสียสุขภาพจิตของตนเองและลูก เพราะมีเวลาน้อย
ซึ่งตามปกติ ธรรมชาติย่อมสร้างความสมดุลแล้ว ไม่ว่าในการกิน การนอน การสืบพันธ์ หรือการออกกำลังกาย ถ้าปฏิบัติอย่างถูกต้องก็ย่อมจะไม่เกิดปัญหา ไม่ว่าระยะสั้นหรือระยะยาว
- งานกวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างถ้วยชาม รดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาดบริเวณบ้าน หรือเก็บกวาดเศษขยะต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ลูกในวัยนี้ช่วยได้ และทำแทนพ่อแม่ได้เกือบทั้งหมด แต่พ่อแม่ส่วนมากก็ไม่ใช้ให้ทำ
- หรือถ้ามีรถส่วนตัว งานเช็ดรถ ล้างรถ ทำความสะอาดรถ ลูกในวัยนี้ก็ทำได้สบายมาก เป็นการช่วยให้ลูกได้ออกกำลังกายที่ดี ดีกว่าไปเล่นกีฬา และได้ประสบการณ์ด้วย คือ ช่วยให้ลูกทำงานคล่อง ทำงานเป็นและทำงานได้เรียบร้อย แต่พ่อแม่บางคนก็ไม่ใช้ให้ทำ
- และเมื่อลูกเล่นของเล่นต่างๆ แล้วทิ้งไว้เกลื่อนบ้าน แล้วพ่อแม่หรือคนรับใช้เก็บให้ แทนที่จะให้ลูกช่วยตัวเอง ก็กลับให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น เป็นการสร้างนิสัยมักง่าย ความเห็นแก่ตัวสะสมขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งนอกจากนี้ก็อาจเป็นการที่พ่อแม่มีงานบ้านเต็มมือจนหาเวลาว่างไม่ได้ แต่ก็ปล่อยให้ลูกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน หรืออยู่ในบ้านก็ไม่ให้ช่วยแบ่งเบาภาระ ปล่อยให้นั่งๆ นอนๆ ดูทีวี หรือวีดิโอ หรือเล่นอะไรไปตามประสา
…สิ่งเหล่านี้ แสดงว่าพ่อแม่สอนให้ลูกขี้เกียจหรือไม่ ?…
อ่านต่อ >> “พ่อแม่ระวัง! เผลอสอน ลูกขี้เกียจ ทำลายอนาคตลูกได้” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อย่าสอนลูกให้ขี้เกียจ
ถ้ามองดูอย่างผิวเผิน พ่อแม่อาจนึกภูมิใจว่า ตนเองรักลูก เมตตาลูก จึงไม่อยากเห็นลูกลำบากหรือเหนื่อย… แต่แท้ที่จริงแล้ว นั่นย่อมแสดงให้เห็นพ่อแม่ชนิดนี้โง่เขลามาก เพราะนอกจากพ่อแม่ส่งเสริมให้ลูกขี้เกียจแล้ว ยังเป็นการสะสมความเห็นแก่ตัวให้แก่ลูกอีกด้วย
แต่สำหรับพ่อแม่นั้นก็อาจมองดูว่าเห็นแก่ตัวเสียอีกด้วย เพราะการที่พ่อแม่ได้สร้างตัวมาจนบัดนี้ ก็ไม่ได้สร้างขึ้นมาจากความเกียจคร้าน แต่สร้างขึ้นมาได้ด้วยความขยัน แต่กลับไปปล่อยหรือยอมให้ลูกขี้เกียจ ทั้งๆ ที่พ่อแม่ก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า ไม่มีใครร่ำรวยขึ้นมาได้จากความเกียจคร้าน แต่พ่อแม่ก็กำลังสร้างลูกให้เกียจคร้านอยู่ แล้วอนาคตของลูกจะเป็นอย่างไร???
จะมีพ่อแม่สักกี่คนที่จะอยู่เลี้ยงลูกจนตลอดชีวิตของลูก ?
นั้นจึงจำเป็นที่ลูกจะต้องมีความรู้ดี มีปริญญายาวเป็นหางว่าว มีความสามารถสูง แต่ถ้าขี้เกียจหรือเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเสียอย่างเดียวแล้ว ลูกก็จะเอาตัวก็ไม่รอด ! อย่าได้ไปคิดหวังว่า เขาจะเป็นที่พึ่งให้แก่พ่อแม่เลย
…มาถึงตรงนี้แล้ว ก็อาจจะยังมี คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเถียงว่า “ก็ฉันไม่ได้สอนให้เขาขี้เกียจนี่นา… ,เขาขี้เกียจเอง ฉันเบื่อที่จะเคี่ยวเข็ญ ก็เลยต้องปล่อยเขาไป จะมาโทษฉันได้อย่างไร ? จะมีพ่อแม่คนไหนบ้างที่อยากจะเห็นลูกขี้เกียจ ?”
พ่อแม่สอนให้ลูกขี้เกียจ!
การที่เราไม่ใช้ ไม่บังคับ และไม่ทำโทษลูก นั่นแหละคือ การสอนให้ลูกขี้เกียจ เพราะเด็กเขาไม่รู้หรอกว่า ผลแห่งความเกียจคร้านมันจะเป็นอย่างไร? แต่พ่อแม่นั้นย่อมจะรู้ดี จึงไม่ควรที่จะปล่อยให้ลูกขี้เกียจ การอ้างแต่เพียงว่า ลูกมันไม่เอาหรือไม่ทำเอง ก็หาได้เป็นข้ออ้างที่พ้นตัวไม่ เพราะเป็นพ่อแม่ ถ้าบังคับลูกหรือเลี้ยงลูกให้ดีไม่ได้ แล้วเราจะเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกได้อย่างไร?
ขนาดลูกเราตัวเล็กๆ เรายังบังคับหรือสอนเขาไม่ได้ แล้วแน่ใจหรือว่า เมื่อเขาโตแล้วเราจะสอนเขาได้? อย่าหวังเสียให้ยากเลย ไม้อ่อนย่อมดัดง่ายกว่าไม้แก่ฉันใด ? การไม่ดัดนิสัยขี้เกียจของลูกในยามเล็ก โดยหวังจะให้เขาไปขยันเอาเมื่อโตนั้น ก็ย่อมจะยากเย็น ฉันนั้น !
ตัวอย่างพ่อแม่เลี้ยงลูกไม่ถูกธรรม
ภาพฟ้องให้เห็นว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกไม่ถูกธรรม เลี้ยงลูกให้ขี้เกียจ หรือเลี้ยงลูกให้เป็นขโมย นั่นคือ พ่อแม่ต้องป้อนข้าวลูกหรือให้ลูกกินข้าวไปในรถ ขณะที่พาลูกไปส่งโรงเรียน ที่ลูกตื่นกินข้าวไม่ทันเพราะอะไร ?
มีนิทานจีนชวนคิดเรื่องหนึ่ง… เจ้าหน้าที่กำลังนำนักโทษคนหนึ่งจะไปประหาร แม่ได้เดินตามนักโทษไปพลางก็ร้องไห้ไปพลาง นักโทษไม่ได้เสียใจหรือร้องไห้ แต่ได้เรียกให้แม่มาหา พอแม่เข้ามาใกล้เอียงหูมาจะฟังลูกพูด พอได้จังหวะ ลูกก็กัดใบหูของแม่เข้าเต็มแรง แม่ทั้งเจ็บทั้งตกใจ ร้องเสียงหลง เลือดไหลเป็นทาง
อ่านต่อ >> “การเลี้ยงลูกไม่ให้ขี้เกียจที่ถูกต้องจริงๆ ควรทำอย่างไร” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ลูกนักโทษตะโกนใส่แม่ด้วยความแค้นว่า “เป็นเพราะแม่คนเดียวเชียว ที่ทำให้ฉันจะต้องถูกประหาร ฉันหัดลักเล็กขโมยน้อยเรื่อยมาแต่เด็กแม่ก็ไม่เคยห้าม จึงทำให้ฉันเสียนิสัย จึงต้องกลายเป็นนักโทษ ถ้าแม่สั่งสอนหรือห้ามปรามฉันเสียแต่เล็กๆ ไฉนฉันจะต้องมาถูกประหารด้วยเล่า?”
⇒ Must read : พ่อแม่รังแกฉัน ! บาป 14 ประการ จากท่าน ว.วชิรเมธี
⇒ Must read : Life grid อย่าเลี้ยงลูกให้โตไปเป็นเด็กอนุบาล
แม่ก็ได้แต่เดินก้มหน้าเสียใจ ว่าตนเลี้ยงลูกผิดไปแล้ว… จากเรื่องนี้ ทำให้ได้ข้อคิดที่ว่า ถ้าพ่อแม่เห็นลูกได้อะไรติดมือมาจากโรงเรียน หรือที่ไหนก็ตาม ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจที่ลูกบอกว่าเก็บได้ หรือเพื่อนให้เสมอไป ลูกอาจจะไปลักของใครมาก็ได้ มันอาจจะเป็นทุกขลาภในภายหน้า ถ้าพ่อแม่ไม่สอบสวนให้ถ่องแท้เสียก่อน ควรสอนลูกให้ตระหนักไว้ว่า เมื่อเก็บของได้ในโรงเรียนก็ควรเอาไปให้ครูทุกครั้งไป ไม่ควรจะถือเอามาเป็นส่วนตัว เพราะอาจจะถูกหาว่าเป็นขโมยก็ได้
เลี้ยงลูกให้ถูกธรรม
การเลี้ยงลูกให้ถูกต้องจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย แต่ที่สำคัญจริงๆ ก็พ่อแม่นั่นแหละ จะต้องเป็นพ่อแม่ที่ทั้งเข้มและทั้งแข็งอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
แน่นอนว่า พ่อแม่บางคนเป็นคนใจอ่อน พอเห็นลูกเศร้าซึมหรือน้ำตาออกก็ใจแป้ว ไม่อาจจะบังคับหรือทำโทษลูกได้ ก็เลยยอมไม่ให้ลูกทำอะไรๆ ไปหมดทุกอย่าง บางคนลูกโตจนเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็ยังซักเสื้อผ้าไม่เป็น เพราะแม่ทำให้หมด ที่ยังไม่ได้ทำให้ก็เห็นจะมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นคือยังไม่ได้ล้างก้นให้เท่านั้นแหละ !
ลูกโง่ๆ บางคนอาจนึกภูมิใจ ที่ตนมีพ่อแม่ที่ตามใจไปหมดทุกอย่าง
(โตแล้วไปโรงเรียนก็ยังต้องรับส่งกันอยู่) ไม่ว่ากิจในบ้านหรือนอกบ้าน ลูกไม่ต้องรับผิดชอบอะไรด้วยเลย วันเสาร์อาทิตย์หยุดเรียนก็นั่งเล่นนอนเล่น หรือเที่ยวไปตามสบาย พ่อแม่มีเงินให้ใช้ไม่ข้องขัด
ลูกทั้งหลายโปรดรับรู้ไว้เถิดว่า เธอไม่ใช่คนมีบุญหรอก มันเป็นบาปของเธอต่างหากที่ต้องมาเกิดเป็นลูกของพ่อแม่ชนิดนี้ เพราะการที่เธอไม่ทำอะไร โตขึ้นก็จะทำอะไรไม่เป็น และคนที่ ไม่ทำงานออกแรงร่างกายก็ย่อมจะอ่อนแอ มักจะเจ็บออดๆ แอดๆ ถูกแดดถูกฝนนิดหน่อยก็เป็นหวัดง่ายเพราะร่างกายไม่แข็งแรง
บางคนอาจแย้งว่า จะปลุกลูกแต่ดึกได้อย่างไร ? ก็ลูกมันเพิ่งจะนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเพราะทีวีเพิ่งปิด ถ้าปล่อยให้ลูกนอนตอนทีวีปิด ปัญหานี้ก็แก้ไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้อาจารย์ทีวีเขาแก้ให้สิ ! พ่อแม่บางคนก็เหี๊ยบกับลูกมากจนเกินไป ใช้ให้ลูกทำงานที่เสี่ยงต่ออันตรายมาก และหนักเกินไปจนลูกไม่มีเวลาไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ อย่างนี้มันก็ตึงเกินไป
ทางที่ถูกนั้นควรจะพบกันครึ่งทาง คือ ไม่ควรจะหย่อนยานจนลูกขี้เกียจ และก็ไม่ควรจะตึงจัดจนลูกเครียด อยู่ในระหว่างกลางๆ หรือมัชฌิมานั่นแหละเป็นดีที่สุด
“พึงเลี้ยงมารดาและบิดาด้วยโภคทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบธรรม”
ธมฺเมน มาตาปิตโร ภเรยฺย
ธรรมิกสูตร 25/365
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- บะหมี่เปลี่ยนชีวิต! สุดยอดพ่อ สอนลูกให้มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว ด้วยบะหมี่ 2 ถ้วย
- แม่สุดเก่ง! ใช้ช็อกโกแลตเพียง 3 ชิ้น เปลี่ยนลูกชอบโกหก ให้เลิกโกหกได้ตลอดไป
- แนวทางการเลี้ยงลูก ดีๆ แม้ จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน
- วิธีการสอนลูกให้มีคุณภาพของลี กาชิง เศรษฐีอันดับ 1 ของฮ่องกง
ขอบคุณที่มาจาก : www.dhammajak.net