AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ตรวจการได้ยิน ของลูก ปกติหรือไม่ รู้ไว โอกาสหายมี

เครดิต: Aussie Deaf Kids

ตรวจการได้ยิน หูหนวกในเด็ก ภาวะใกล้ตัวที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม และต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง!

 

 

ภาวะประสาทหูเสื่อม รู้ไว แก้ไขเร็ว แพทย์ประจำโรงพยาบาลราชวิถีแนะพ่อแม่ ควรคัดกรองลูกแรกเกิด ทั้งนี้จะได้ช่วยลดปัญหาเด็กใบ้ เด็กหูหนวก พร้อมแนะผู้ปกครองควรให้ความสำคัญและเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติของลูกให้ดี

แพทย์หญิงนภัสถ์ ธนะมัย แพทย์ด้านโสต ศอ นาสิก รพ.ราชวิถี กล่าวว่า จากการศึกษารายงานสถานการณ์ปัญหาความชุกของเด็กแรกเกิดที่ป่วยเป็นประสาทหูเสื่อมประมาณ 1-3 คน ต่อทารกแรกเกิด 1,000 คน ซึ่งตรวจคัดกรองโดยวิธีเดิม คือ เลือกตรวจเฉพาะเด็กที่อยู่กลุ่มเสี่ยงเท่านั้น คือ มารดามีภาวะติดเชื้อในครรภ์หรือนอนพักฟื้นในห้องผู้ป่วยวิกฤตเป็นเวลานานกว่า 48 ชม.หรือบิดา-มารดาเคยป่วยเป็นประสาทหูเสื่อมมาก่อน

โดยจากสถานการณ์การตรวจคัดกรองในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ตามรูปแบบการคัดกรองเด็กที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าว พบว่า มีผลทำให้เด็กเสี่ยงเกิดภาวะประสาทหูเสื่อมร้อยละ 2-5 ซึ่งการตรวจคัดกรองแบบการแยกกลุ่มเสี่ยงนั้นทีมแพทย์ในอเมริกาพบว่า จะทำให้เด็กต้องป่วยด้วยภาวะประสาทหูเสื่อมที่นานราว 8 เดือน ถึง 1 ขวบ ทำให้มีความบกพร่องทางการสื่อสารทั้งสิ้น เช่น การพูดจาช้ากว่าเด็กทั่วไป หรือบางคนก็ไม่พูดเลย ซึ่งหากปล่อยไว้เมื่อเด็กโตขึ้นอาจเป็นใบ้ได้ ขณะเดียวกันแพทย์ยังพบว่า หากเร่งตรวจในเด็กทุกคนตั้งแต่แรกคลอด โอกาสที่แพทย์จะพบความผิดปกติของประสาทหูในเด็กก็จะเร็วขึ้น อีกทั้งสามารถรักษาฟื้นฟูการได้ยินให้เด็กมีพัฒนาการทัดเทียมเด็กปกติได้เร็วขึ้นด้วย

อ่านต่อเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

 

วิธีการตรวจคัดกรองเด็กแรกเกิด ทำได้ 2 วิธีคือ

  1. Otoacoustic emissions (OAEs) ทำได้โดยการนำเครื่องตรวจวัดใส่ไปในหูของเด็กแล้วดูการสังเกตการสั่นของเสียงในหูชั้นในที่ส่งกลับมา หากพบว่า มีการสั่นออกมาก็แสดงว่าหูปกติ แต่ถ้าเงียบก็แสดงว่าเริ่มเสื่อม
  2. Automated auditory brainstem response (AABR) ต้องทำภายใน 48 วัน หลังตรวจด้วยวิธีแรก โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า โพรบ (Probe) ติดบริเวณหน้าผากกับหลังหูเพื่อตรวจในเชิงลึกมากขึ้น โดยวินิจฉัยจากก้านสมอง โดยวิธี AABR สามารถตรวจได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

แพทย์หญิงนภัสถ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัญหาที่พบก็คือ ผู้ปกครองมักไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้ จึงมักสังเกตความผิดปกติได้ช้า เนื่องจากบางรายมักจะมีวิธีการฝึกการสื่อสารให้ลูกด้วยการ กล่าวนำแต่ไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้ตอบโต้ ดังนั้น ก่อนที่อาการป่วยจะลามในเด็กมากขึ้น ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองดังกล่าวด้วย”

อ่านต่อวิธีสังเกตลูก คลิก!


เครดิต: MGR Online

 

วิธีสังเกตลูก

จริงอยู่ที่การสังเกตนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถทำได้ด้วยวิธีคร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ

สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไกล หากคุณพ่อคุณแม่พบเห็นความผิดปกติได้ไว การช่วยเหลือลูกก็สามารถทำได้ไวมากขึ้นเท่านั้น โอกาสที่จะมีสิทธิกลับมาได้ยินเสียงเหมือนเด็กคนอื่นๆ นั้นก็มีความเป็นไปได้เช่นกันค่ะ

เครดิต: Abnormalbehaviorchild

อ่านต่อเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids