AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี เทคนิคการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กให้เหมาะกับลูกน้อย

คุณพ่อคุณแม่อาจกำลังปวดหัวว่าจะพาลูกน้อยไปเข้า เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี… ระหว่างแบบที่เน้นเขียนอ่านเพื่อเตรียมเข้าอนุบาลเป็นหลัก หรือแบบที่ปล่อยให้เด็กๆได้เรียนรู้จากการเล่น

เลือก เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี ให้เหมาะกับลูกน้อย

ปัจจุบันมีศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ หรือสถาบันพัฒนาเด็กเล็กที่ยังไม่ได้เข้าเรียน หรือที่เรียกกันว่า เนร์สเซอรี่ เกิดขึ้นมากมาย สำหรับอายุต่ำสุดที่เปิดรับได้จะขึ้นอยู่กับความพร้อมของเนอสเซอรี่แต่ละแห่ง ซึ่งเรื่องนี้ แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจกุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด ได้แนะนำข้อควรพิจารณาก่อนพาลูกไปฝาก เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี มาฝาก ดังนี้

เพราะถ้ามีผู้ดูแลที่ดีมีคุณภาพอยู่แล้ว และลูกก็ดูมีความสุขดี ให้เขาอยู่บ้านดีที่สุด รอเข้าเรียนอนุบาลตอนอายุ 3 ขวบ เนื่องจากมีโอกาสที่ลูกจะติดเชื้อโรคมีน้อยกว่า หรือหากติดเชื้อ อาการก็มักรุนแรงน้อยกว่าเด็กที่เล็กมากๆ ซึ่งพ่อแม่ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะเรียนสู้เพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะแม้เข้าเรียนช้ากว่า  แต่เมื่อถึงเวลาวัยพร้อมเรียน เด็กก็จะเรียนทันกัน

→ Must read : ลูกเราควรไปโรงเรียนตอนอายุเท่าไหร่?

รวมไปถึงเด็กบางคนมีปัญหากินข้าวยาก ส่วนใหญ่มักเป็นกรณีลูกคนเดียว ไม่มีใครกินด้วยหรือไม่ได้กินพร้อมพ่อแม่ จึงขาดโอกาสที่จะเลียนแบบการกระทำ ใช้วิธีป้อนตลอด ล่อหลอกให้กินโดยเปิดทีวีให้ดูไปด้วย แต่หมอก็คอยห้ามว่าอย่าให้ลูกดูทีวีมาก เลยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรให้ลูกกินเก่งขึ้น

คำแนะนำ คือ พยายามลองให้กินเอง กินพร้อมหน้าพร้อมตากัน เปลี่ยนเมนูเป็นสไตล์ที่เด็กอยากกิน ลองให้ลูกช่วยเตรียมอาหารหรือจัดโต๊ะ จะได้รู้สึกมีส่วนร่วม และต้องไม่เปิดทีวีเด็ดขาด!

→ Must read : หมอเตือน!! ดูทีวีทำร้ายลูกร้ายแรง สร้างพฤติกรรมผิดปกติ

อ่านต่อ >> “เทคนิคการเลือกเนอสเซอรี่ ที่ไหนดี ให้เหมาะกับลูกน้อย” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ทั้งนี้เนื่องจากเด็กบางคนอาจมีพัฒนาการช้ากว่าวัยเล็กน้อย อาจเป็นเพราะขาดโอกาสในการฝึกฝน หรือไม่มีคนคอยกระตุ้นพัฒนาการ ซึ่งเด็กอาจดีขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็วถ้ามีการกระตุ้นพัฒนาการอย่างถูกวิธีโดยผู้มีความรู้ความชำนาญ

และเมื่อคุณพ่อคุณแม่ประเมินสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้แล้ว และคิดว่าควรส่งลูกไป สถาบันพัฒนาเด็กเล็ก หรือ เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกคือ

เลือกเนอสเซอรี่ให้ลูกอย่างไรดี

ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่ สงสัยว่าแล้วเนอสเซอรี่แบบไหนที่ดีและเหมากับลูกของเรา ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่กังวลว่าลูกจะพลาดโอกาสหรือเรียนช้ากว่าเพื่อนๆ  ถ้าไม่ได้เรียนเรื่องตัวอักษรและตัวเลขตั้งแต่เข้าเนอสเซอรี่  แต่อันที่จริง เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการลงมือทำ สำรวจสิ่งรอบๆ ตัวและการเล่นสนุก การเร่งเรียนอาจไม่ใช่วิธีที่ให้ผลดีกว่าอย่างที่คิด

→ Must read : ควรเลือกโรงเรียนอนุบาลที่วันๆ เอาแต่เล่นกับเด็ก ทำไม?

หากมีโอกาสไปเยี่ยมชมเนอสเซอรี่ที่สนใจ ก็ลองถามคำถามเหล่านี้ดู จะได้ตัดสินใจถูกว่าเนิร์สเซอรี่ที่ว่านี้เหมาะกับลูกของคุณมากน้อยแค่ไหน

  1. หลักสูตรและกิจกรรม

เป็นแบบไหน เน้นประเภทสอนร้องเพลงและกิจกรรมที่สอนให้เด็กรู้จักแบ่งปันหรือเปล่า

  1. มีเป้าหมายหรือความคาดหวังในตัวเด็ก

หลีกเลี่ยงเนอสเซอรี่ที่เข้มงวดกับเรื่องนี้มากไปนิด (นับ 1-20 ได้ภายในเดือนธันวาคม)  และเลือกที่เน้นเรื่องทักษะการเข้าสังคมมากกว่า (เล่นกับเพื่อนๆ ได้ดี ไม่มีปัญหา)

  1. แต่ละวันมีกิจกรรมที่เป็นแบบแผนแค่ไหน

การมีกิจกรรมเป็นเรื่องที่ดี   แต่เด็กๆ ก็ควรจะได้เล่นตามใจชอบด้วยเช่นกัน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะได้ไอเดียในการเลือกเนอสเซอรี่ให้ลูกน้อยกลอยใจกันแล้วหรือยังเอ่ย  ซึ่งนอกจากคุณพ่อคุณแม่จะเป็นผู้เลือกเนอสเซอรี่ให้ลูกแล้ว   ทั้งนี้ก่อนพาลูกเข้าเนอสเซอรี่ ก็ต้องมั่นใจก่อนว่าลูกเรามีความพร้อมทั้งทางด้านล่างกายและจิตใจหรือยังที่จะไปอยู่ในที่ที่ไม่มีพ่อกับแม่ หรือไม่ใช่บ้านของเขา  เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยก่อนที่จะเข้าเนอสเซอรี่ ไปดูกันค่ะว่าเด็กแบบไหนที่เนอสเซอรี่ต้องการ

อ่านต่อ >> “ลักษณะของเด็กที่เนอสเซอรี่ต้องการ” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ลูกเราเรียนรู้อะไร จากเนอสเซอรี่

ก่อนอื่นเคยสงสัยกันไหมว่า… กิจวัตร หรือ กิจกรรมง่ายๆ ที่เนอสเซอรี่จะช่วยสร้างเสริมสติปัญญาลูกได้อย่างไร? เพราะที่เนิร์สเซอรี่ที่เด็กๆ อยู่นั้นไม่ใช่แค่นั่งต่อบล็อกเล่นกันเพียงอย่างเดียว แต่เด็กๆ ยังได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ อีกตั้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

จากกิจกรรมข้างต้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกทักษะหลายๆอย่างนี้ให้กับลูกน้อยมาก่อนตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้ว ซึ่งเกณฑ์ที่จะช่วยคุณแม่ดูความพร้อมของลูก กับลักษณะเด็กที่เนอสเซอรี่ต้องการ คือ

1. ลูกนั่งกระโถนเป็นหรือยัง?

เพราะบางเนอสเซอรี่ หรือบางโรงเรียนไม่ได้มีแผนกเด็กเล็กที่พร้อมจะสอนเด็กนั่งกระโถน  ควรฝึกลูกนั่งกระโถนให้เป็นก่อนพาเข้าเนอสเซอรี่ อย่างน้อยเขาต้องบอกผู้ใหญ่ได้เมื่อรู้สึกปวดหนักหรือเบา  ลูกแยกจากแม่ได้ไหม  ถ้าคุณต้องทำงานแล้วปล่อยให้ลูกอยู่บ้านกับญาติหรือพี่เลี้ยงจนชิน ก็คงไม่มีปัญหาอะไร   แต่ถ้าคุณอยู่กับลูกตลอดทั้งวันตั้งแต่เขาเกิด ให้ลองออกไปทำธุระ ปล่อยให้ลูกอยู่ห่างตัวเสียบ้าง เป็นการฝึกเขาให้ห่างแม่ ในช่วงสัปดาห์แรกๆ เนอสเซอรี่มักจะอนุญาตให้คุณพาลูกกลับก่อนเวลาปกติได้ จนกว่าลูกจะชิน   ถ้าไม่อยากให้ลูกร้องโยเยตอนไปเรียนก็หัดแยกลูกห่างตัวเสียบ้าง

2. ลูกสอนได้หรือเปล่า?

เนอสเซอรี่จะไม่ได้เน้นการสอนเหมือนโรงเรียนอนุบาล แต่เด็กก็ต้องเรียนรู้ที่จะทำตามกฎบางอย่างด้วยเหมือนกัน เช่น มีเวลาเล่นที่จำกัด ต้องแขวนกระเป๋าให้ถูกที่ ถ้ากลัวว่ามันจะยากเกินไปสำหรับลูก ลองเริ่มสอนให้เขารู้จักรับผิดชอบสิ่งต่างๆ ในเรื่องง่ายๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันที่บ้านก่อน เช่น สอนให้ลูกวางรองเท้าให้เป็นระเบียบก่อนเข้าบ้าน หรือกินข้าวแล้วเอาจานไปเก็บที่อ่างก็ได้

3. ลูกเข้ากับเด็กคนอื่นได้ไหม?

ถ้าลูกคุ้นกับการอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่นๆ รู้จักมีน้ำใจ แบ่งปันให้กับผู้อื่น และไม่เห็นแก่ตัว  นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าลูกพร้อมแล้ว แต่ถ้ายังไม่เป็นเช่นนั้น ล องปล่อยให้เขาเล่นในสนามเด็กเล่นดูสิ นั่นเป็นการฝึกฝนให้เด็กๆ เรียนรู้วิธีการอยู่ร่วมกันได้ดีเชียวละ

4. ลูกยอมรับตารางกิจกรรมได้ไหม?

กิจกรรมต่างๆ ที่เนอสเซอรี่จัดไว้จะมีหลายอย่างต่อๆ กัน ลองสังเกตดูว่าลูกมีปฏิกิริยาอย่างไรเวลาต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อ เช่น ลูกรู้สึกโกรธหัวเสียหรือเปล่า เวลาที่บอกให้เลิกเล่นตุ๊กตาแล้วไปเข้านอน ลองฝึกให้ลูกรู้จักการยอมรับกิจกรรมที่ต้องเปลี่ยนไปทีละน้อยๆ อาทิบอกลูกไว้เลยว่าหลังจากเล่นตุ๊กตาแล้วต้องเข้านอนนะ
ลองดูว่าส่วนใหญ่แล้วลูกเราทำได้หรือไม่ (ทำไม่ได้ทั้งหมดที่ว่ามาก็ไม่เป็นไร) หากกังวลว่าลูกยังไม่พร้อม จะดีกว่าถ้าเลื่อนให้ลูกไปเรียนเทอมหน้าหรือปีหน้า แทนที่จะบังคับให้เขาไปเรียนอย่างไม่มีความสุขและเป็นภาระของโรงเรียนในภายหลัง

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids