พบกับผลสำรวจที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องอึ้ง! เมื่อพบว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่ พาลูกหาหมอฟัน ช้าเกินไป!
ปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่คิดว่า เราควรเริ่มพาลูกไปหาหมอเพื่อตรวจฟันได้ตั้งแต่เมื่อไรกันคะ หนึ่งขวบ สองขวบ หรือว่าสามขวบ? วันนี้เราจะไปไขข้อข้องใจนี้กัน พร้อมกับอ่าน 5 เทคนิคที่จะช่วย พาลูกหาหมอฟัน ได้โดยไม่ต้องบังคับ
เมื่อไม่นานมานี้ สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก (FDI World Dental Federation) ได้ตั้งคำถามกับพ่อแม่ทั่วโลกว่า ดูแลสุขภาพฟันของลูกอย่างไร และคำตอบที่ได้ทำให้ตระหนักว่าต้องมีการปรับปรุง เพราะการรักษาสุขภาพช่องปากให้สมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ปากและฟันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยรักษาสุขภาพและสุขภาวะโดยรวมด้วย
ผลสำรวจใน 10 ประเทศพบว่า ในบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกอายุไม่เกิน 18 ปี มีเพียง 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ พาลูกหาหมอฟัน ก่อนครบขวบปีแรก ซึ่งเป็นอายุแนะนำในการพาเด็กไปพบทันตแพทย์ครั้งแรก โดยแบ่งเป็นสัดส่วนของพ่อแม่ส่วนใหญ่ที่พาลูกไปพบทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อเด็กมีอายุ 1-3 ขวบ (24 เปอร์เซ็นต์) หรือ 4-6 ขวบ (22 เปอร์เซ็นต์) ขณะที่ 20 เปอร์เซ็นต์ไม่เคยพาลูกไปตรวจสุขภาพฟันเลย
ดร. แคทเทอริน เคลล์ ประธานสมาพันธ์ทันตแพทย์โลกได้กล่าวว่า “น่าเป็นห่วงมากที่ได้รับรู้ว่าเด็กส่วนใหญ่ไม่ได้ตรวจสุขภาพฟันตามอายุที่แนะนำ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย พ่อแม่ควรพาเด็กมาพบทันตแพทย์เมื่อฟันซี่แรกเริ่มขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดฟันผุในเด็กเล็ก นอกจากนี้ โรคเกี่ยวกับช่องปากอาจส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมของชีวิตและมีความสัมพันธ์กับสุขภาพโดยรวม เนื่องในวันทันตสาธารณสุขโลกปีนี้ เราอยากให้ทุกคนตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพช่องปากกับสุขภาพโดยทั่วไป และเข้าใจผลกระทบที่มีซึ่งกันและกัน การรู้วิธีรักษาสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายในทุกช่วงวัยจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
พบว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ พาลูกหาหมอฟัน ก็ต่อเมื่อลูกมีอาการปวดฟัน โดย 43 เปอร์เซ็นต์ของพ่อแม่ที่มีลูกอายุไม่เกิน 18 ปี มีการกำกับให้ลูกแปรงฟันก่อนนอนเพื่อป้องกันการเกิดโรคในช่องปาก ซึ่งเป็นข้อความสำคัญที่ FDI สื่อสารมาโดยตลอด ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของพ่อแม่กำกับให้ลูกแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และ 38 เปอร์เซ็นต์จำกัดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเพื่อป้องกันโรคในช่องปาก แต่มีเพียง 26 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำความสะอาดฟันให้ลูกตั้งแต่ฟันซี่แรกเริ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้แนะนำให้ทุกคน ฝึกดูแลสุขภาพช่องปาก หลีกเลี่ยงปัจจัยเสียงต่าง ๆ เช่น อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง ตลอดจนเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากและสุขภาพโดยรวมในทุกช่วงวัย พ่อแม่ควรเริ่มทำความสะอาดฟันให้ลูกก่อนนอนตั้งแต่ฟันซี่แรกเริ่มขึ้น รวมถึงกำกับให้ลูกแปรงฟันวันละ 2 ครั้งโดยใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพียงเล็กน้อย และพาลูกไปพบทันตแพทย์เป็นประจำตั้งแต่ก่อนอายุครบ 1 ขวบ
5 เทคนิค พาลูกหาหมอฟัน โดยไม่ต้องบังคับ
พูดถึงหมอฟัน เด็กส่วนใหญ่ที่พอรู้เรื่องแล้วก็อาจจะรู้สึกกลัว ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่แล้วละค่ะ ที่จะต้องหาวิธีหรือเทคนิคต่าง ๆ นานา มาทำให้ลูกผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด
1.หาข้อมูลให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับคุณหมอ ที่เป็นหมอเฉพาะด้านของเด็กเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า หมอฟัน เขามีหมอเฉพาะสำหรับเด็กด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ หรือแม้แต่ของหลอกล่อเด็กละก็ หมอฟันเด็กเขาจะมีหมดทุกอย่างเลยละค่ะ ทั้งนี้ ก็เพื่อจะให้คนไข้ไม่รู้สึกเครียดหรือกลัวจนเกินไป ที่สำคัญที่สุดแนะนำว่า ก่อนไปหาหมอนั้นให้นัดล่วงหน้านิดนึงนะคะ เพราะหมอฟันเด็กส่วนใหญ่คิวจะยาวและก็แน่นมาก ๆ เลยละค่ะ
2.สร้างความคุ้นเคยให้กับลูก โดยเริ่มจากการแปรงฟันก่อนเลยค่ะ ให้คุณพ่อคุณแม่ลองเลือกแปรงสีฟันเด็ก ที่มีส่วนช่วยในการดึงดูดลูกให้สนใจ พร้อมกับบอกเล่าถึงประโยชน์ของการแปรงฟัน และวิธีแปรงฟันผ่านนิทานต่าง ๆ ด้วยก็ดีนะคะ ลูกจะรู้สึกเพลิดเพลิน และก็จะยินยอมแปรงฟันแต่โดยดี โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องบังคับเลยละค่ะ
3.เล่นบทบาทสมมติ สมัยนี้จะเห็นได้ว่า มีของเล่นที่เป็นเครื่องมือแพทย์ให้เด็ก ๆ ได้เล่นกัน แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ลองหาซื้อ แล้วมาเล่นกับลูกดูนะคะ อาจจะลองเล่นให้ลูกเป็นคนไข้ หรือว่าเป็นคุณหมอก่อนก็ได้ค่ะ ลูกจะได้รู้สึกสนุก และลดการต่อต้านได้ด้วย
4.ไปก่อนเวลานัด เพื่อทำความคุ้นเคยกัยสถานที่ เมื่อถึงวันนัด ให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกไปก่อนล่วงหน้าอย่างน้อยชั่วโมงนึงกำลังดีเลยค่ะ ให้ลูกได้สร้างความคุ้นเคยกับสถานที่ใหม่นี้ก่อน พร้อมกับกล่างถึงนิทานที่เคยเล่นกับลูก เพื่อจะได้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกว่า การหาหมอฟันนั้น ไม่มีเรื่องอะไรน่ากลัวเลย
5.เชื่อมั่นในตัวหมอ อย่าลืมนะคะว่า คุณหมอทุกคน กว่าที่จะมาเป็นหมอได้นั้นเขาจะต้องได้มีการศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิทยากันมาอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอเด็กด้วยนั้น อย่าได้กังวลไปค่ะว่า หมอจะไม่สามารถดูแลลูกของเราได้ หากคุณพ่อคุณแม่แสดงความไม่ไว้วางใจให้ลูกเห็นละก็ ลูกก็อาจจะรู้สึกกลัวและกังวลไปด้วยก็เป็นได้นะคะ
อ้างอิง: RYT9 และ Kidsroplok
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่