AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

“พรากน้องเน่า” ทำร้ายจิตใจลูก บทเรียนจากละคร

ลูกติดตุ๊กตา

คุณพ่อ คุณแม่หลายคนที่มีลูกน้อยคงจะทราบกันดีว่า มีลูกๆ หลายคน ติดตุ๊กตา ติดหมอน ติดผ้าห่ม ซึ่งเป็นของใช้ที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เป็นของใช้ที่โปรดปราน ไม่ว่าจะนั่ง นอน เที่ยว เล่น ลูกของเรามักจะนำติดตัวไปด้วยเสมอ จนถึงวันที่ลูกจะต้องเลิกใช้สิ่งนั้น คุณพ่อ คุณแม่มีวิธีจัดการอย่างไร? ไม่ให้ลูกน้อยเสียใจ

ติดตุ๊กตา แต่โดนพราก ทำร้ายจิตใจลูก

จากละครเรื่องดวงใจพิสุทธิ์ มีฉากหนึ่งที่น่าจะเป็นบทเรียนให้กับคุณพ่อ คุณแม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อหนูน้อยปุ๊กกี้ ถูกแย่งตุ๊กตาของรักของหวง เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เหมือนสิ่งที่ให้ความอบอุ่นแทนพ่อแม่ ต้องถูกพรากจาก สำหรับเด็กๆ แล้ว ตุ๊กตา หมอน ผ้าห่ม มีคุณค่ามากกว่าที่ผู้ใหญ่คิด เพราะทำให้เขารู้สึกสบายใจ กอดแล้วอบอุ่น เป็นเพื่อนคลายเหงาได้

คุณพ่อ คุณแม่หลายคน คงเคยเห็นเด็กๆ มีของติดมือเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ว่ายามกิน หรือยามนอน และหลายคนก็เกิดความหนักใจว่าถ้าลูกน้อยเข้าถึงวัยอนุบาล แล้วลูกน้อยยังติดตุ๊กตา หมอน ผ้าห่มเน่าๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ เพราะไม่อยากให้ลูกน้อยติดน้องเน่าไปจนโต

น้องเน่า คือคำติดปากที่ใครหลายคนเรียกกัน เพราะบางครั้งลูกน้อยไม่ยอมนำสิ่งของที่ลูกรักให้ห่างตัว ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก แต่คุณพ่อ คุณแม่จะเอาไปซัก ก็กลัวจะเป็นการทำร้ายจิตใจลูก เมื่อต้องพรากสิ่งที่รักออกจากตัว เรามาดูสาเหตุกันดีกว่า ว่าทำไมลูกน้อยถึงติดน้องเน่า แล้วจะมีวิธีการแก้ไขกันอย่างไรที่ไม่ทำให้ลูกน้อยเสียใจ

ติดตุ๊กตา ติดหมอนเน่า ติดผ้าห่มเน่า เป็นเพราะอะไร?

ในช่วงแรกๆ ที่เห็นลูกน้อย ติดตุ๊กตา ติดหมอน ติดผ้าห่ม พกไปไหนมาไหนด้วยก็คงจะดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่เมื่อนานๆ ไปอาการนี้กลับไม่หาย ไม่ยอมให้ห่างจากตัว พอหาไม่เจอก็จะร้องไห้งอแง สาเหตุสำคัญของการติดมีอยู่ 5 ข้อดังนี้

1.ติดตุ๊กตา ติดหมอน ติดผ้าห่ม เพราะคิดว่าเป็นเพื่อน ทำให้รู้สึกสนุก เพลิดเพลิน และมีความสุข

2.เด็กคิดว่าตุ๊กตา หมอน ผ้าห่ม เป็นตัวแทนของพ่อแม่ เมื่อแยกจากคุณพ่อ คุณแม่ ทำให้รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

3.รู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ที่คอยปกป้องน้อง คอยดูแลสิ่งของของตัวเอง เช่น ตุ๊กตา บางครั้งก็ชอบแต่งตัวให้ตุ๊กตา

4.ติดสิ่งของ เพราะขาดความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่ จึงอยากหาตัวแทนที่ให้ความรัก ความอบอุ่นแทน

5.ติดตุ๊กตา หมอน ผ้าห่ม เพราะเป็นเด็กที่ชอบให้ความอบอุ่นกับคนอื่น หรืออยากได้ความอบอุ่นจากคนอื่น

การที่เด็กติดของใช้ เกิดจากพฤติกรรมที่ก้าวผ่านช่วงวัยที่ต้องพึ่งพิงพ่อแม่ตลอดเวลา เข้าสู่ช่วงวัยที่ต้องพึ่งพาตัวเอง พฤติกรรมนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปลายขวบแรก และจะมีลักษณะรุนแรงในช่วง 18 – 24 เดือน ไปจนถึงเกือบ 3 ขวบ หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลดลงและหายไปเอง เด็กจะติดเฉพาะของใช้ที่คุ้นเคย เพื่อทดแทนความรู้สึกที่เขาต้องห่างจากพ่อแม่ เพราะทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ถ้าลูกพ้นวัย 3 ขวบไปแล้วยังมีอาการติดของเหล่านั้นอยู่ นั่นแสดงว่าเด็กกำลังมีปัญหา โหยหาความรัก ขาดความสนใจจากพ่อแม่ ปัญหาเล็กๆ นี้อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ ที่ต้องพบจิตแพทย์ได้

คุณพ่อ คุณแม่ จึงต้องไม่ปล่อยให้ความห่างเหิน ทำให้ลูกต้องหาตัวแทนของพ่อแม่ หมั่นให้ความรัก ความอุ่นใจ แทนตุ๊กตา หมอน หรือผ้าห่ม เพราะยิ่งเด็กติดสิ่งของมากเท่าไหร่ แสดงว่าพ่อแม่ใส่ใจลูกได้น้อยมากเท่านั้น

อ่านต่อ “เลิกติดน้องเน่าอย่างไร ไม่ให้ทำร้ายจิตใจลูก” คลิกหน้า 2

เลิกติดน้องเน่าอย่างไร ไม่ให้ทำร้ายจิตใจลูก

1.บอกให้ลูกฟังว่า ถึงเวลาต้องเลิกติดสิ่งของแล้ว เพราะว่าคุณพ่อ คุณแม่ไปทำงาน ก็ไม่ได้พาตุ๊กตา หมอน ผ้าห่มไปด้วยเหมือนกัน ให้ลูกน้อยวางสิ่งของที่ลูกติดเอาไว้บริเวณที่ลูกเลือกวางด้วยตัวเอง กลับมาแล้วจะได้พบ

2.บอกให้ลูกฟังว่า ลองสังเกตจากเพื่อนคนอื่นๆ หรือส่วนใหญ่เขามีสิ่งของติดตัวไปโรงเรียนด้วยหรือไม่ ถ้าลูกน้อยเอาไป แล้วคนอื่นไม่มี ลูกน้อยจะสังเกตได้ถึงความแตกต่าง แล้วค่อยๆ เลิกติดสิ่งของไปเอง

3.ชวนลูกน้อยทำความสะอาดสิ่งของที่ติด โดยบอกกับลูกว่าเราทำความสะอาดตัวเราเอง เราก็ต้องทำความสะอาดของที่เราชอบด้วย จะได้มีกลิ่นหอมเหมือนกัน

4.ลองชวนลูกน้อยให้ทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ต้องใช้มือทั้งสองข้าง เช่น การปั้นแป้งโดว์ การทำงานศิลปะ เพื่อให้ลูกน้อยมีเวลาอยู่กับสิ่งของนั้นน้อยลง และเป็นการฝึกพัฒนากล้ามเนื้อมือ และฝึกความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย

5.ถ้าลูกขาดสิ่งของนั้นไม่ได้จริงๆ อาจซื้อของที่คล้ายๆ กันมาเป็นตัวแทน บอกว่าเอาสิ่งนี้ไปที่โรงเรียนได้ เป็นตัวแทนของอีกสิ่งหนึ่ง แล้วระหว่างที่ลูกอยู่ที่โรงเรียน คุณพ่อ คุณแม่จะได้มีเวลาทำความสะอาดของสิ่งนั้น

6.ใช้คำพูดให้เป็นประโยชน์ เช่น แทนที่จะดุลูกว่า “โตป่านนี้แล้วยังจะเล่นตุ๊กตาอีก” เปลี่ยนเป็น “เก่งมากคนเก่ง ไม่ติดตุ๊กตาแล้ว เท่ห์จังเลย” ใช้คำพูดที่ทำให้ลูกรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ดีกว่าทำให้ลูกเครียด หรือกังวล

7.หักดิบ ถ้าใช้วิธีทั้ง 6 ข้อไม่ได้ผล ก็ต้องเก็บสิ่งของนั้นออกไปไม่ให้เห็น แต่ควรทำในช่วงเวลาที่ลูกกำลังหลับ หรือเผลอ อย่าแย่งจากมือลูกขณะที่ยังอยู่กับสิ่งของนั้น การให้ความรัก ความเอาใจใส่ แทนสิ่งของดีที่สุด

อ่านต่อ “ติดตุ๊กตา ติดหมอนเน่า ติดผ้าห่มเน่า อันตราย!” คลิกหน้า 3

ติดตุ๊กตา ติดหมอนเน่า ติดผ้าห่มเน่า อันตราย!

ดร.ลิซ่า แอ๊กเคอลีย์ ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า จากการสุ่มตรวจเชื้อโรคจากสิ่งของคู่ใจเด็กๆ 80% มีแบคทีเรียร้ายแรงชื่อ “สเตรฟิโลค็อกคัส” เป็นตัวทำให้อาหารเน่าเสีย และทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

แบคทีเรียเกิดขึ้นจากความไม่ใส่ใจ 90% ของเด็กๆ มักทำตุ๊กตา หมอน ผ้าห่มตกลงพื้น แล้วหยิบขึ้นมากอด หอม และ 3 ใน 4 ชิ้น ไม่เคยถูกซัก หรือทำความสะอาด

นอกจากแบคทีเรียแล้ว ยังมีไรฝุ่นที่มักซุกซ่อนอยู่ในหมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตา ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในที่อับชึ้น โดยกินเศษผิวหนัง รังแคของคน สัตว์ เป็นอาหาร ส่งผลต่อภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ไอ จาม มีน้ำมูก คัดจมูก เคืองตา แน่นหน้าอก มีผื่นแดงที่ผิวหนัง บางคนอาจอาการหนักถึงขั้นต้องส่งโรงพยาบาล เพราะเป็นโรคแพ้อากาศ โพรงจมูกอักเสบ

โดยทั่วไปเมื่อลูกน้อยโตขึ้น อาการติดของใช้จะค่อยๆ หายไปเอง แต่ก็ยังมีเด็กบางคนที่ยังติดอยู่จนต้องเอาไปด้วยที่โรงเรียน ถ้าลูกน้อยติดของใช้มากเกินไป ก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพ เพราะถ้าไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน ตุ๊กตา หมอน หรือผ้าห่ม ก็จะถูกสะสมไปด้วยสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคต่างๆ ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ถ้าหากว่าสิ่งสกปรกเหล่านั้นเข้าไปทางจมูก ปาก ตา หรือหูได้

คุณพ่อ คุณแม่อาจสอนให้ลูกน้อยรักษาความสะอาด หมั่นทำความสะอาด และปลูกฝังให้ลูกน้อยใช้สิ่งของอย่างถูกวิธี ไม่ให้ติดสิ่งของมากจนเกินไป เพราะถ้าลูกน้อยมีภาวะ “ติดของใช้” จะส่งผลเสียทางอารมณ์ และสุขภาพได้ในอนาคต

เครดิต: เลี้ยงลูกเชิงบวก, ข่าวสด, กระปุก, OK Nation

อ่านเพิ่มเติม คลิก!

เทคนิคเด็ด ซักหมอนเหลืองอ๋อย ให้ขาวจั๊วะรับปีใหม่

Wash clothes เคล็ดลับซักผ้าลูกน้อยให้ สะอาด ปลอดภัย ไม่เหม็นอับชื้น

ซักชุดนักเรียนให้ลูกน้อย ขาวเหมือนใหม่ ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

Save

Save

Save

Save

Save