ภาษากายลูก คือสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรทำความเข้าใจ เพราะนี่คือวิธีการสื่อสารจากลูกน้อยของเรา
เนื่องจากลูกเล็กยังพูดและสื่อสารไม่เข้าใจ ทำให้พ่อแม่มือใหม่ส่วนใหญ่จะต้องรู้สึกปวดหัวและเหน็ดเหนื่อยกับการสื่อสาร เพราะไม่รู้ว่าที่เขาร้อง ที่เขางอแง นั้นเขาต้องการอะไร แต่รู้หรือไม่ว่า ทุกการกระทำของลูกนั้น สามารถสื่อความต้องการได้ทั้งสิ้น ซึ่งเราสามารถเรียกภาษาสื่อสารนั้นได้ว่า ภาษากาย หรือ Body Lauguage นั่นเองค่ะ
การเรียนรู้ภาษากายของทารกไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดเลยค่ะ เป็นเรื่องที่มีมาช้านานแล้ว ด้วยการสังเกตสีหน้า เสียงและท่าทางของลูก ซึ่งผู้ที่ค้นพบนั้นคือ พี่เลี้ยงเด็กชาวอเมริกันท่านหนึ่ง โดยเธอได้เฝ้าสังเกตการแสดงออกของเด็กที่เธอเลี้ยงทั้งหมด จนสามารถจับจุดความต้องการและเข้าใจการสื่อสารของทารกได้ไม่ยาก ซึ่งภาษาดังกล่าวนี้นั้น จะสามารถเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้น เมื่อทารกมีอายุ 3 เดือนขึ้นไปค่ะ
และถ้าหากคุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าใจท่าทางต่าง ๆ ของลูกน้อยได้แล้วละก็ ทีนี้ละ ไม่ว่าลูกต้องการอะไร คุณก็สามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที เรียกได้ว่า เป็นการ WIN WIN หรือเป็นการชนะด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลยทีเดียว
คลิกดู 7 ภาษากายของลูกน้อย
7 ภาษากายลูก ที่พ่อแม่ควรรู้
- เตะเท้า เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกสบตาของคุณพ่อคุณแม่ และเตะเท้าไปด้วยละก็ ให้รับรู้ไว้เลยนะคะว่า สิ่งที่ลูกน้อยของคุณกำลังพยายามสื่อก็คือ ลูกของคุณนั้นกำลังมีความสุขเอาเสียมาก ๆ เลยละค่ะ
- สิ่งที่คุณควรทำก็คือ การตอบสนองความรู้สึกของลูกด้วยการร้องเพลง พูดคุย เพื่อแสดงให้เห็นว่า คุณเองก็มีความสุขไม่แพ้พวกเขาเลยละค่ะ
- แอ่นตัว หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่า ลูกน้อยกำลังแอ่นตัว พร้อมกับทำหน้าบูด ๆ เบี้ยว ๆ เหมือนจะร้องไห้ หรือร้องไห้เสียงดังละก็ ให้รู้ไว้เลยนะคะว่า ตอนนี้ลูกกำลังรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด และจากสถิติ การแสดงออกด้วยวิธีนี้กำลังบ่งบอกให้คุณได้รู้ว่า ลูกกำลังปวดท้องอยู่นั่นเองละค่ะ
- สิ่งที่คุณควรทำก็คือ อุ้มลูกขึ้นมานั่งใกล้ ๆ และดูว่าที่ลูกไม่สบายตัวนั้น เป็นเพราะผ้าอ้อมเต็ม ลูกหิว หรือว่าปวดท้องกันแน่ และเมื่อทราบแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้สามารถหาวิธีแก้ไขได้ตรงจุดด้วยการ เปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนนม หรือนำยามหาหิงค์มาทาที่ท้องลูก
- ลูกน้อยเริ่มขยี้หน้าขยี้ตา หากลูกกำลังทำท่านี้อยู่ พร้อมกับเริ่มเบะปากละก็ รับรู้ไว้เลยค่ะว่า ตอนนี้เขากำลังง่วงนอนแบบสุด ๆ เลยละค่ะ
- สิ่งที่คุณควรทำก็คือ พาลูกไปยังที่มุมสงบ กล่อมเขาให้นอนด้วยเสียงเพลงกล่อมเพราะ ๆ จากคุณ พร้อมทั้งให้ดื่มนมอุ่น ๆ จากอกแม่ … เพียงเท่านี้ลูกของคุณพ่อคุณแม่ก็จะกลายเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายน้อยที่กำลังฝันหวานอยู่ในปราสาทแสนสวยแล้วละค่ะ
คลิกอ่าน 4 ภาษากายที่เพิ่มเติม
- ร้องเสียงยาวและแหลม หากจู่ ๆ ลูกน้อยเกิดร้องไห้เสียงดัง และมีน้ำเสียงที่แหลมราวกับเสียงกรีดร้อง นั่นแสดงว่า ลูกของคุณพ่อคุณแม่กำลังรู้สึกเจ็บ อาจจะเกิดจากโดนแมลงหรือมดกัด หรือตกหมอนนั่นเองค่ะ
- สิ่งที่คุณควรทำก็คือ อุ้มลูกขึ้นมากอด พร้อมกับลูบหลังเบา ๆ แล้วดูสิว่า ที่ตัวของลูกนั้นมีรอยแผลอันเกิดจากแมลงกัดหรือไม่ จะได้หายามาทาให้ถูกต้อง
- ลำตัวหรือแขนกระตุก เป็นการแสดงออกถึงการผวาหรือตกใจต่อสภาพแวดล้อมรอบตัวไม่ว่าจะเป็นเสียง หรือบางทีอาจจะเป็นความฝันก็เป็นได้
- สิ่งที่คุณควรทำก็คือ เอามือวางบนอกของลูกเบา ๆ และค่อย ๆ ตบก้นน้อย ๆ หรือถ้าหากลูกผวาจนตื่น ก็แนะนำให้อุ้มลูกขึ้นมากอดเพื่อเป็นการปลอบขวัญก็ได้ค่ะ
- ส่งเสียงดัง หากคุณสังเกตให้ดี เวลาที่ลูกอยู่ลำพังโดยไม่เห็นหน้าคุณพ่อคุณแม่หรือสมาชิกในบ้านละก็ ลูกจะส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย หรือบางทีหากเป็นระยะเวลานาน ๆ พวกเขาจะเริ่มร้องไห้ นั่นแปลว่า ลูกกำลังส่งเสียงเรียกคุณพ่อคุณแม่อยู่
- สิ่งที่คุณควรทำก็คือ ให้รีบมาหาลูกและไม่ควรปล่อยลูกเล็กอยู่ตามลำพังเด็ดขาด เพราะลูกอาจจะปีน หรือได้รับอุบัติเหตุจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาก็เป็นได้นะคะ เพราะฉะนั้น ทางที่ดีอยู่ใกล้ ๆ ลูกตลอดเวลานี่ละค่ะ ปลอดภัยที่สุด
- ลูกกัดฟันแน่น โยกตัวไปมา หายใจแรง ไม่ยิ้ม และกำหมัดแน่น หากลูกกำลังทำท่าเหล่านี้อยู่ แสดงว่าลูกกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ค่ะ
- สิ่งที่คุณควรทำก็คือ ให้รีบเบี่ยงเบนความสนใจลูกด้วยการพาลูกออกไปจากบริเวณนั้น หรือชวนให้ลูกเล่นของเล่น พร้องเพลง หรืออาจจะหากิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลูกได้ทำ เป็นต้น
ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจกันเลยใช่ไหมคะ กับ 7 ภาษากายของลูก หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจท่าทางลูกได้แล้วละก็ งานนี้การดูแลลูกเล็ก ๆ ก็ไม่เหนื่อยอีกต่อไป เพราะไม่ว่าลูกจะทำท่าไหน คุณพ่อคุณแม่ก็รู้ทันถึงความหมายแล้วละค่ะ
เครดิต: Momjunction และ Sanook
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่