AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สอนลูกให้เชื่อฟัง ด้วย 5 หลักการจากคัมภีร์ไบเบิล

ลูกไม่เชื่อฟัง เป็นพฤติกรรมการปฏิเสธ ต่อต้าน หรือไม่ยอมทำตามข้อตกลง คำสั่ง กฎกติกา หรือสิ่งที่พ่อแม่มอบหมาย หากคุณอยากให้ลูกเชื่อฟังลองดูสิ่งที่ต้องทำ 5 ข้อนี้ซึ่งเป็นหลักการที่อ้างอิงจากคัมภีร์ไบเบิล

การไม่เชื่อฟังของเด็กมีตั้งแต่

ซึ่งปัญหาลูกไม่เชื่อฟังนี้ เป็นปัญหาหนึ่งที่พ่อแม่บ่นถึงมากที่สุด และเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กแต่ละคนจะมีพฤติกรรมไม่เชื่อฟังบ้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งที่เขาคิดว่าล้วงล้ำความเป็นอิสระของเขา การไม่เชื่อฟังของเด็กอาจเกิดจากความไม่สบอารมณ์บางประการที่เด็กไม่สามารถหาทางออกได้ และไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไรก็ตาม พฤติกรรมการไม่เชื่อฟังของลูกมักทำให้พ่อแม่รู้สึกอารมณ์เสีย เศร้า หรือแม้กระทั่งเกิดอารมณ์รุนแรงต่างๆ

ทั้งนี้ พ่อแม่มากกว่าร้อยละ 65 เชื่อว่าลูกของตนเองเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟัง จึงไม่แปลกนักที่การรับมือกับปัญหาลูกไม่เชื่อฟังเป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่อยากเผชิญมากที่สุด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพ่อแม่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับพฤติกรรมดังกล่าวของลูกอย่างไรดี และอีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ บ่อยครั้งที่พฤติกรรมไม่เชื่อฟังของลูกทำให้พ่อแม่รู้สึกไม่ดีทั้งกับตนเองและลูก พ่อแม่จึงต้องใจเย็นและเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นกรณีไป โดยคำนึงเสมอว่าการรับมือกับพฤติกรรมไม่เชื่อฟังของลูกในแต่ละสถานการณ์นั้นย่อมแตกต่างกันออกไป

ลูกไม่เชื่อฟัง สอนได้ด้วย 5 หลักการจากคัมภีร์ไบเบิล

และสำหรับบ้านไหนที่มีลูกที่กำลังอยู่ในวัยเรียน (ชั้นอนุบาล 3-5 ขวบ) พ่อแม่หลายคนมักต้องตามใจลูกเสมอ ไม่ว่าลูกอยากได้อะไรหรืออยากทำอะไร หรือเวลาที่คุณบอกลูกให้ทำบางอย่างที่เขาไม่อยากทำ ลูกก็เฉยไม่ยอมทำตาม และเมื่อคุณห้าม ลูกไม่ให้ทำบางอย่างที่อยากทำ ลูกก็อาละวาดใส่คุณ

ซึ่งการที่ ลูกไม่เชื่อฟัง นี้ ก็มีคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจคิดว่า ‘เด็กวัยนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวโตขึ้นก็จะดีเอง’ แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น และคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสอนลูกให้เชื่อฟังได้ตั้งแต่เขายังเล็กๆ แต่ก่อนที่จะไปดูกันว่าจะสอนลูกให้เชื่อฟังได้อย่างไร มากันดูว่าทำไมเด็กบางคนถึงไม่เชื่อฟังพ่อแม่

สาเหตุของปัญหาที่ลูกไม่เชื่อฟัง

เมื่อลูกเกิดมา พ่อแม่มีหน้าที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ลูกและประคบประหงม และเมื่อลูกร้องคุณก็จะรีบวิ่งไปและทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกหยุดร้อง แน่นอนว่า การทำแบบนี้เป็นเรื่องเหมาะสมและจำเป็นเพราะเด็กทารกจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่

 

อ่านต่อ >> สาเหตุที่ลูกไม่เชื่อฟัง และสิ่งที่พ่อแม่ทำได้ เพื่อให้ลูกเชื่อฟัง” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

หลังจากที่ลูกได้รับการดูแลอย่างดีเป็นเวลาหลายเดือนจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจะทำตัวเป็นเจ้านายในบ้าน และส่วนพ่อแม่ก็เป็นคนรับใช้ที่ต้องทำตามคำสั่ง แต่พออายุ 2 ขวบ ลูกจะไม่ยอมรับว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ “เจ้านาย” อีกต่อไป เพราะพ่อแม่ไม่ตามใจแล้ว

และไม่ใช่แค่นั้น เพราะพ่อแม่กลับก็ต้องการให้ลูกทำตามที่บอกด้วย ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เด็กงง บางคนถึงกับอาละวาด ส่วนบางคนก็อยากลองดูว่าพ่อแม่มีอำนาจจริงหรือไม่โดยการไม่เชื่อฟัง!!

ปัญหาลูกไม่เชื่อฟังมีความสำคัญอย่างไร?

การที่เด็กไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ใหญ่เป็นประจำย่อมมีผลต่อการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เขามีแนวโน้มจะมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับเพื่อน พ่อแม่ ผู้ใหญ่คนอื่น และครูที่โรงเรียน จนอาจส่งผลต่อการทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ทั้งกับเด็กรุ่นเดียวกันและผู้อื่น เช่น การเล่นกีฬา การเล่นเกม เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ยังมีโอกาสที่จะบาดเจ็บมากกว่าเด็กคนอื่นๆ เด็กที่ไม่เชื่อฟังครูมากๆ จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนและนำไปสู่ผลการเรียนที่ไม่ดี

พ่อแม่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาลูกไม่เชื่อฟัง หากพ่อแม่โต้ตอบการไม่เชื่อฟังของลูกด้วยการระเบิดอารมณ์หรือโมโหใส่อาจทำให้เด็กแสดงออกด้วยการไม่เชื่อฟังและไม่เคารพพ่อแม่มากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม เด็กจะเชื่อฟังพ่อแม่มากขึ้นหากพ่อแม่ตอบกลับด้วยความใจเย็นและไม่โมโหไปกับพฤติกรรมไม่เชื่อฟังของลูก

เพราะเด็กจะเรียนรู้ที่จะเคารพพ่อแม่หากพ่อแม่ปฏิบัติต่อเขาและคนในครอบครัวด้วยความเคารพ แต่หากลูกยังไม่เชื่อฟังและพ่อแม่ไม่สามารถควบคุมเขาได้ พ่อแม่ควรให้เวลาเขาสักพักจนกว่าเขาจะใจเย็นลงและกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง หากลูกเป็นเด็กที่เชื่อฟังและเคารพพ่อแม่ พ่อแม่ก็ควรชมเชยพฤติกรรมเหล่านั้นของเขา ให้รางวัลเมื่อเขาปฏิบัติตามคำสั่ง รวมทั้งสร้างความร่วมมือและหาทางออกสำหรับความไม่เข้าใจกันร่วมกันกับลูก การกระทำเหล่านี้ย่อมให้ผลที่ดีต่อความสัมพันธ์ภายในครอบครัวมากกว่าการลงโทษ ทั้งนี้ หากลูกมีพฤติกรรมไม่เชื่อฟังและดื้อรั้นมากเป็นระยะเวลานานติดต่อกันจนพ่อแม่ไม่สามารถควบคุมได้ พ่อแม่อาจพาลูกไปปรึกษาจิตแพทย์เด็ก เพื่อหาทางแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมต่อไป

ลูกไม่เชื่อฟัง จัดการได้ด้วย 5 ต้อง!

สิ่งสำคัญคือในช่วงนี้ พ่อแม่จำเป็นต้องรับบทบาทใหม่ นั่นก็คือผู้มีอำนาจที่จะสั่งลูกให้ทำตาม แต่ถ้าลูกไม่สนใจหรือไม่ยอมรับอำนาจเหมือนตัวอย่างในตอนต้น พ่อแม่ควรทำอย่างไร? ตามไปดูสิ่งที่พ่อแม่ต้องทำ ต้องสอนเพื่อให้ลูกยอมเชื่อฟังกันได้ ดังนี้

1. √ ต้องเป็นผู้นำ

ลูกจะไม่ยอมรับว่าคุณเป็นผู้นำถ้าบทบาทของคุณไม่ชัดเจน ดังนั้น คุณต้องใช้อำนาจอย่างสมดุล ในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ บางคนที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทำให้คำว่า “อำนาจ” ดูเป็นเรื่องโหดร้าย มีคนหนึ่งถึงกับพูดเรื่องการใช้อำนาจของพ่อแม่ว่า “ผิดจรรยาบรรณ” และ “ผิดทำนองคลองธรรม” แต่จริง ๆ แล้ว การตามใจลูกมากเกินไปจะทำให้เด็กไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เอาแต่ใจ และคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เหนือคนอื่น การทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยฝึกลูกให้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบเลย

—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล : สุภาษิต 29:15 (ข้อคัมภีร์ที่อ้างถึง = ไม้เรียว*และการตักเตือนช่วยให้มีสติปัญญา+แต่เด็กที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนจะทำให้แม่อับอาย)

อ่านต่อ >> สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ เพื่อให้ลูกเชื่อฟัง” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 


2. √ ต้องอบรมสั่งสอน

พจนานุกรมเล่มหนึ่งอธิบายว่าการอบรมสั่งสอนเป็น “การฝึกอบรมเพื่อให้เกิดการเชื่อฟังหรือการควบคุมอารมณ์ รวมถึงการตั้งกฎและลงโทษถ้าไม่เชื่อฟัง” จริงอยู่ที่การอบรมสั่งสอนไม่ควรจะเป็นแบบไร้เหตุผลหรือพูดแรง ๆ แต่ก็ไม่ใช่สอนแบบคลุมเครือหรือมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะจะทำให้เด็กไม่อยากปรับปรุงตัว

—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล : สุภาษิต 23:13 (ข้อคัมภีร์ที่อ้างถึง = อย่าละเลยการอบรมสั่งสอนเด็ก*+ถ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เขาจะไม่ตาย)

 

3. √ ต้องชัดเจน

พ่อแม่บางคนเพียงแค่ขอ ให้ลูกเชื่อฟังพวกเขา (“ลูกช่วยทำความสะอาดห้องของลูกหน่อยได้ไหม?”) พวกเขาอาจคิดว่าการทำแบบนี้เป็นการแสดงมารยาทที่ดี แต่การทำแบบนี้จะทำให้อำนาจของพ่อแม่ลดลง ทำให้เด็กคิดว่าเป็นแค่คำขอ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แทนที่จะขอให้ลูกทำ พ่อแม่ต้องสั่งอย่างชัดเจน

—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล : 1 โครินท์ 14:9 (ข้อคัมภีร์ที่อ้างถึง = คล้ายกัน ถ้าพวกคุณไม่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ๆ ใครจะรู้ว่าพวกคุณพูดอะไร? ก็เหมือนพวกคุณพูดไปเรื่อยเปื่อย)

 

4. √ ต้องเด็ดเดี่ยว

ถ้าคุณบอกว่าไม่ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น พ่อแม่ต้องตกลงและเห็นพ้องกันในเรื่องนี้ ถ้าคุณบอกลูกแล้วว่าคุณจะลงโทษลูกอย่างไรเมื่อเขาทำผิดก็ให้ทำตามนั้น อย่ามัวเสียเวลากับการต่อรองหรืออธิบายว่าทำไม คุณทำแบบนั้น นี่จะช่วยให้ง่ายขึ้นทั้งคุณและลูก ถ้าคุณ “ให้คำว่า ‘ใช่’ หมายความว่าใช่และ ‘ไม่’ หมายความว่าไม่”

—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล : ยาโกโบ 5:12 (ข้อคัมภีร์ที่อ้างถึง = และที่สำคัญ พี่น้องครับ เลิกสาบานได้แล้ว ไม่ต้องอ้างสวรรค์หรือโลกหรืออะไรทั้งนั้น แต่ให้คำพูดของคุณที่ว่า “ใช่” หมายความว่าใช่ และที่ว่า “ไม่” หมายความว่าไม่+ พวกคุณจะได้ไม่ถูกตัดสินลงโทษ)

 

5. √ ต้องแสดงความรัก ♥

ครอบครัวไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตยหรือแบบเผด็จการ พระเจ้าต้องการให้พ่อแม่สอนลูกด้วยความรักเพื่อเขาจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ และส่วนหนึ่งของขั้นตอนที่จะช่วยให้เป็นอย่างนั้นได้ ก็คือการอบรมสั่งสอนซึ่งจะช่วยลูกให้เชื่อฟังและทำให้ลูกมั่นใจว่าคุณรักเขา

 

แต่อย่างไรก็ดีในที่สุดแล้ว พ่อแม่ต้องตัดสินใจเองด้วยว่าวิธีไหนคือวิธีที่ดีที่สุดในการสื่อสารกับลูก พ่อแม่ต้องคิดว่าไม่มีใครที่จะรู้จักลูกดีเท่ากับพวกเขา ไม่ว่าพ่อแม่จะอ่านบทความหรือเรียนรู้วิธีการรับมือกับลูกในสื่อต่างๆ มากแค่ไหน …แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ การรับฟังคำแนะนำจากหลายแหล่งแล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับวิธีการเลี้ยงลูกในแบบของตนเอง ยิ่งได้รับความรู้จากแหล่งอื่นมากเท่าไร พ่อแม่ก็จะยิ่งมีทางเลือกในการนำไปประกอบการตัดสินใจมากขึ้นเท่านั้น

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.jw.org