เข้าฤดูฝน เป็นช่วงที่เด็ก ๆ มักจะป่วยบ่อย เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและมักจะรับเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะไวรัส RSV โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดแต่ส่งผลรุนแรง ถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อได้
RSV โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก สุดฮิตในหน้าฝน
เมื่อต้องเผชิญกับภาวะฝนตกเกือบทุกวันในหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กที่ถูกฝนเปียกชื้นบ่อยๆ แล้วถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีก็อาจจะเจ็บป่วยไม่สบายได้อย่างง่ายๆ ซึ่งโรคที่พบมากในเด็กในช่วงหน้าฝนก็มีมากมาย เช่นไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก โรคไข้เลือดออก อีสุกอีใส และอีกหนึ่งโรคที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งคือไวรัส RSV
ดังนั้นมาทำความรู้จักกับเชื้อไวรัสนี้กันหน่อยดีกว่าค่ะ เพราะมองเผินๆ คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าลูกเป็นหวัดธรรมดา แต่ถ้าไม่สังเกตอาการ และปล่อยไว้นานอาจจะกลายเป็นโรคร้ายที่อันตรายต่อ ชีวิตเด็กๆ ได้ค่ะ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำอีกได้ถ้าน้องๆ ร่างกายอ่อนแอ ซึ่งจะกระตุ้นอาการหอบจนทำให้เป็นโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังได้ในที่สุด
ไวรัส RSV คืออะไร
RSV หรือชื่อเต็มๆ ว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก เชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบได้เนื่องจากมักเกิดพยาธิสภาพในส่วนของหลอดลมเล็ก (bronchiole) และถุงลม (alveoli) ทำให้มีการสร้างสิ่งคัดหลั่ง เช่น เสมหะ ออกมาในปริมาณมาก และมีการหดตัวของหลอดลมเนื่องจากการบวมของเยื่อบุหลอดลมและทางเดินหายใจต่างๆ ส่งผลให้เด็กมีอาการหอบ เหนื่อย และหายใจลำบากได้อย่างรวดเร็ว เชื้อนี้ติดต่อกันได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ
อาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV บางอย่างอาจคล้ายกับอาการไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ (ส่วนใหญ่ไข้ไม่สูงนัก) ไอ จาม แต่ก็มีอาการที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและสงสัยว่าลูกอาจได้รับเชื้อไวรัส RSV เช่น
- หอบเหนื่อย
- หายใจเร็ว หายใจแรง
- หายใจครืดคราด
- ตัวเขียว
- มีเสียงหวีดในปอด (จากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและหลอดลมหดตัว)
- มีเสมหะมาก
- ไอโขลกๆ
อ่านต่อ >> “อาการของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV พร้อมวิธีรักษา” คลิกหน้า 2
อาการของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV จะต่างจากการเป็นหวัดธรรมดาอย่างไร
เด็กที่เป็นหวัดธรรมดาจะมีอาการเป็นแบบหวัด คือ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล กินน้ำ-นมได้ อาจกล่องเสียงอักเสบ หลอดลมอักเสบ ไอแบบมีเสมหะร่วมด้วยซึ่งจะหายได้ใน 5-7วัน
แต่อาการที่เกิดจากไวรัส RSV คือ อาการหอบ เหนื่อย บางคนหอบมากจนเป็นโรคปอดบวม หายใจหอบจนอกบุ๋ม หายใจแรงจนหน้าอกโป่ง หายใจออกลำบาก หรือหายใจมีเสียงวี้ดแบบหลอดลมฝอยอักเสบ บางรายไอมากจนอาเจียน ซึม ตัวเขียว กินข้าว น้ำ นมไม่ได้ทางที่ดีถ้าเด็กมีไข้ 3 วันควรรีบพาไปพบแพทย์
ในเด็กเล็กที่อ่อนแอมาก เช่น เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีโรคหัวใจ โรคปอด และหอบหืดอยู่แล้ว อาจมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ หรือหายใจล้มเหลว จนต้องนำเข้าหอพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) และอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจด้วย
ไวรัส RSV รักษาอย่างไร
ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกันโรคนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อเด็กได้รับไวรัสนี้จึงต้องรักษาตามอาการ ทานยาลดไข้ตามอาการทุก 4-6 ชั่วโมงพร้อมกับเช็ดตัวลดไข้ นอนพักผ่อนเยอะๆร่างกายก็จะฟื้นตัวช้าใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะหาย แต่หลังจากหายแล้วหลอดลมและถุงลมฝอยของเด็กจะมีอาการอักเสบได้ง่ายเมื่อติดเชื้อครั้งใหม่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลเป็นพิเศษทั้งเรื่องอาหารและการออกกำลังกายในช่วงอากาศเปลี่บนแปลง
โดยทั่วไปการรักษาจะเป็นไปตามอาการที่ป่วย เช่น ให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาลดไข้ หรือพ่นยา ซึ่งก็ช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้ ในผู้ป่วยที่มีอาการเหนื่อย หายใจไม่ค่อยดี และเริ่มมีออกซิเจนในเลือดต่ำลง การรักษาจะเป็นในรูปแบบประคับประคอง เช่น ให้สารน้ำทางหลอดเลือด ให้ยาพ่นขยายหลอดลม เคาะปอด ดูดเสมหะ รวมถึงให้ออกซิเจน ส่วนในรายที่มีอาการหนักมาก อาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยให้การดูแลในหอพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติจนกว่าอาการจะดีขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนด้วยไวรัสชนิดอื่นๆ เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่ เชื้อมัยโคพลาสมา หรือเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้การรักษาที่ครอบคลุมการติดเชื้อเหล่านี้ตามความเหมาะสม
อ่านต่อ>>แนวทางการป้องกันไวรัส RSV คลิกหน้า 3
แนวทางการป้องกัน ไวรัส RSV
ซึ่งการติดต่อของไวรัส RSV เหมือนไข้หวัดใหญ่ เป็นการสัมผัสฝอยละออง (droplets infection) ไม่ใช่ติดต่อทางอากาศ (airborne) เป็นการติดต่อจากผู้หนึ่ง ไปสู่อีกผู้หนึ่งมีอำนาจการแพร่กระจายโรคเท่ากับไข้หวัดใหญ่ ลักษณะอาการของผู้ที่ติดเชื้อเหมือนโรคหัด คอตีบ ติดง่ายมาก สำหรับวิธีป้องกันโรคไวรัส RSV นี้ คือการรักษาความสะอาด คนที่ใกล้ชิดเด็กเล็กควรล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดคนป่วย
- ล้างมือให้เด็กบ่อยๆ รวมถึงคนรอบข้างด้วยก็จำเป็นต้องล้างมือบ่อยๆ เช่นกัน
ล้างมือถูกวิธี เลี่ยงเชื้อโรค
ขอบคุณภาพ infographic จาก http://infographic.kapook.com/view101555.html
- เมื่อมีเด็กป่วย หากเป็นไปได้ให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน แต่หากไม่สามารถรับกลับบ้านได้ ให้แยกเด็กและแยกเครื่องใช้ของเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
- พ่อคุณแม่ที่มีลูกป่วยควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อป้องกันการไอจามแพร่เชื้อให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง ถ้าลูกเริ่มเข้าเนิร์สเซอรีหรือโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกหยุดเรียนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์จนกว่าจะหายเป็นปกติ
ถึงแม้ว่าไวรัส RSV โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก จะมีอาการรุนแรงมากกว่าไวรัสหวัดทั่วไป แต่ถ้าหากดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรง ก็ปลอดภัยจากไวรัส RSV ได้ค่ะ มองเผินๆ คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าลูกเป็นหวัดธรรมดา แต่ถ้าไม่สังเกตอาการ และปล่อยไว้นานอาจจะกลายเป็นโรคร้ายที่อันตรายต่อ ชีวิตเด็กๆ ได้ค่ะ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำอีกได้ถ้าน้องๆ ร่างกายอ่อนแอ ซึ่งจะกระตุ้นอาการหอบจนทำให้เป็นโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังในที่สุดค่ะ
อ่านต่อบทความน่าสนใจ
คลิก >> ติดเชื้อเพราะถูกหอม อันตรายใกล้ตัวทารกและเด็กเล็ก
คลิก >> เคาะปอดขับเสมหะให้ลูกน้อย วิธีง่ายๆทำได้เองที่บ้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.oknation.net , www.bumrungrad.com
รวม 20 อาการต้องสงสัย ลูกไม่สบาย แบบนี้..! กำลังป่วยเป็นโรคอะไร?