AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรคขาดวิตามินเค ทำลูกเลือดไหลไม่หยุด อาการสำคัญที่พ่อแม่ต้องรู้

ระวังลูกเป็น โรคขาดวิตามินเค ทำลูกเลือดไหลไม่หยุด อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องรู้!

อุทาหรณ์น่าสงสาร! เมื่อหนูน้อยต้องพิการตาบอด เพียงเพราะแม่เผลอตัดเล็บเข้าเนื้อ ทำลูกเลือดไหลไม่หยุดนาน 17 ชม. สุดท้ายตรวจพบเป็น โรคขาดวิตามินเค โรคหายาก 1 ในล้าน

โรคขาดวิตามินเค ทำลูกเลือดไหลไม่หยุด
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องรู้
!

เรียกได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ช่วยเตือนสติคุณแม่มือใหม่หลายๆ คนว่าไม่ควรชะล่าใจ หากลูกป่วย หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปหาหมอทันที มิเช่นนั้นอาจเกิดเรื่องร้ายแรง จนทำให้ลูกพิการได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ของคุณแม่ท่านนี้ ที่ลูกน้อยต้องกลายเป็นเด็กพิการถึงขั้นตาขวาบอด เพียงเพราะแค่ตัดเล็บเข้าเนื้อ ทำให้ลูกเลือดไหลไม่หยุดนาน 17 ชั่วโมง สุดท้ายตรวจพบว่าเป็น โรคขาดวิตามินเค

ซึ่งเรื่องราวนี้ทางผู้เขียนได้พบเห็นคุณแม่ท่านนี้ที่อดทนสู้ชีวิต และเลี้ยงลูกน้อยที่ป่วยเป็น โรคขาดวิตามินเค โดยคอยบอกเล่าเรื่องราวอาการผ่านเฟซบุ๊กกรุ๊ปหนึ่ง จึงขออนุญาตนำคุณแม่และนำเรื่องราวอาการเจ็บป่วยของน้อง ที่คุณแม่ได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับทางเว็บไซต์ไทยรัฐ เพื่อมาเป็นอุทาหรณ์ ความรู้ เตือนใจให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ท่านอื่น ได้รับทราบกัน

โดยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้… เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 26 เม.ย. 61 ขณะที่คุณแม่ส้ม อาศัยอยู่บ้านกับลูกสองคน (น้องเตชินท์) หลังตัดเล็บให้น้องเตชินท์ที่เพิ่งคลอดได้ 28 วัน แต่ดันพลาดโดนเนื้อ จึงทำให้มีเลือดไหลซึมตามร่องแผล คุณแม่ส้มจึงนำพลาสเตอร์มาปิดห้ามเลือด … แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ชม. ก็พบว่าเลือดยังไหลอยู่จนล้นพลาสเตอร์ คุณแม่ก็เริ่มเอะใจ  และตั้งใจว่า 2 ทุ่ม เมื่อคนในบ้านเลิกงานกลับมา จะพาลูกไปหาหมอ

แต่หลังจากที่คนในบ้านดูบาดแผลของน้องแล้ว ก็คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก แผลเล็กนิดเดียว จึงล้างแผลด้วยน้ำยาล้างแผล แล้วนำสำลีให้น้องกำและใส่ถุงมือเด็กสวมทับไว้ทั้งคืน ด้านตัวคุณแม่เองก็คิดหนักจนนอนไม่ค่อยหลับ กังวลและเป็นห่วงลูก …พอรุ่งเช้าของวันที่ 27 เม.ย. ก็พบว่าน้องยังมีเลือดไหลซึมอยู่ จึงร้อนรนพาไป รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง

เลือดยังไหลซึมทั้งคืนจนชุ่มถุงมือ

ซึ่งคุณแม่เล่าถึงการรักษาของ รพ. แห่งแรกนี้ว่า “ตกใจมาก เช้ามาเลือดเต็มสำลี ล้นออกมานอกถุงมือ ถึงโรงพยาบาล ลูกถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน หมอดูสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ดูแผล แล้วกดไว้สักแป๊บ จากนั้นบอกว่า หยุดไหลแล้ว แต่พอหมอปล่อยมือออก เลือดก็ซึมออกอีก เลยนำยาพันกับผ้าก๊อซกดไว้ และให้กลับบ้าน ไม่ได้ดูลูกว่าผิดปกติอะไรไหม”

อ่านต่อ >> “ไทม์ไลน์เรื่องราวของน้องเตชินท์ ที่ป่วยเป็นโรคขาดวิตามินเค
หลังคุณแม่ตัดเล็บ พลาดโดนเนื้อ เลือดซึมไหลไม่หยุด” คลิกหน้า 2

ไทม์ไลน์ ของ น้องเตชินท์ ที่ป่วยเป็น โรคขาดวิตามินเค หลังคุณแม่ตัดเล็บ พลาดโดนเนื้อ เลือดซึมไหลไม่หยุด

หลังจากที่คุณแม่พาน้องเตชินท์ ไปหาหมอ แต่เหตุการณ์กลับเลวร้ายขึ้น >> ซึ่งคุณแม่เล่าว่า… หลังกลับจาก รพ. ในเวลาประมาน 2 ทุ่ม อยู่ดีๆ น้องก็มีอาการงอแง ไม่กินนม ร้องเสียงหวีด แหลม โดยไม่มีสาเหตุ อ้วก 1 ครั้ง และมีเลือดปน 1 จุด หายใจดังครืดคราด ตัวซีด ชัก ตาปิด 1 ข้าง จึงรีบพาไป รพ.เอกชนใกล้บ้าน ซึ่งรอพบหมอด้านเด็กเกือบ 3 ชั่วโมง จนได้รักษาเมื่อเวลาห้าทุ่มกว่า โดยวิธีพ่นยา หยอดน้ำเกลือที่จมูก แล้วมาพักที่บ้านตอนตี 2

ใช้พลาสเตอร์ปิดห้ามเลือดก็ไม่หยุดไหล

จนกระทั่งเวลาตี 4 คุณแม่ก็ได้ยินเสียงน้องเตชินท์ร้องไห้ ในลักษณะเงยหน้าและบิดคอขึ้น ซึ่งคุณแม่เองไม่รู้ว่า นั่นคือ อาการเกร็งชัก แต่แล้วน้องก็หลับไปปกติ ต่อมาเวลาเจ็ดโมงเช้า น้องก็ร้องอีกและอยู่ในท่าเดิม แต่พบว่า … ตาข้างขวาปิด จึงรีบพาไป รพ. เอกชนแห่งเดิม เพราะมีใบนัดดูดเสมหะ

แต่กลับกลายเป็นว่าอาการของน้องหลังตรวจหนัก ถึงขั้นต้องนอนพักรักษาตัว คืนละหมื่นห้า แต่ด้วยที่ตัวคุณแม่ส้มเองมีอาชีพเป็นเพียงแม่ค้าออนไลน์ ไม่มีกำลังทรัพย์พอ จึงตัดสินใจรีบพาลูกมารักษา รพ. ที่ลูกเกิด

โดยคุณแม่เล่าทั้งน้ำตาว่า… “ออกจาก รพ.เอกชน ตั้งแต่ประมาณ 9 โมงนิดๆ แฟนขับรถขึ้นทางด่วน รถก็ติดช่วงบางนา ลูกก็ร้องครางตลอดเวลา ตัวซีดจนปากเป็นสีขาว ตัวกระตุกเรื่อยๆ บิดคืนก็ไม่ได้ กว่าจะถึง รพ.จุฬาฯ เวลาเกือบเที่ยง พอถึง รพ. บอกอาการ หมอรุมเลย เพราะมือลูกเริ่มตกแล้ว

รักษาเสร็จ หมอมาบอกว่า… ลูกอาการแย่มากๆ ตอนนี้สมองบวมผิดปกติ เหมือนมีน้ำในหัว ม่านตาผิดปกติ มีอาการชักเกร็ง ผลเอกซเรย์ออกมา เลือดเต็มหัว ไม่เห็นรอยหยักของสมอง แกนสมองเบี้ยวไปข้างหนึ่ง และยังหาสาเหตุไม่ได้ ต้องนอนห้องไอซียู”

สำหรับการรักษา คือ น้องเตชินท์ต้องนอนห้อง ไอซูยู 3 วันแรก ซึ่งตอนนั้นคุณแม่ส้มเองก็รู้สึกเครียดมาก เนื่องจากอาการของน้องไม่ตอบสนอง โคม่า 50/50

วันที่ 2 หลังตัดเล็บ มีอาการปากซีด

พอวันที่ 4 มีสัญญาณเริ่มดี ตอบสนองมากขึ้น โอการสรอด 80% และหมอหาสาเหตุพบว่า…  “ค่าเลือดผิดปกติ” เพราะน้องป่วยเป็น “ โรคขาดวิตามินเค ” ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เลือดไหลไม่ยอมหยุด และเลือดออกที่กะโหลก อยู่รักษาในห้องไอซียู 14 วัน หลังจากนั้นมารักษาอาการต่อยังห้องรวมอีก 16 วัน ซึ่งมีทีมหมอเชี่ยวชาญหลายทางช่วยรักษา อาทิ อายุรกรรมเด็ก สมอง และเลือด

ซึ่งคุณแม่ยังเล่าเรื่องสะเทือนใจพร้อมน้ำตาเพราะสงสารลูกว่า…

น้องเตชินท์ที่กำลังป่วยเป็น โรคขาดวิตามินเค ต้องใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา และกินอาหารทางสายยาง ระหว่างรักษา มีโรคแทรกซ้อนอีก ทั้งปอดติดเชื้อ และปอดแฟบ เพราะใส่เครื่องช่วยหายใจนาน และก่อนออก รพ. หมอบอกว่า น้องจะมีพัฒนาการช้า ต้องติดตามอาการไปเรื่อยๆ

 

อ่านต่อ >> “น้องเตชินท์ตาขวาบอด พิการเกือบทั้งตัว
เพียงเพราะป่วยเป็นโรคขาดวิตามินเค” คลิกหน้า 3

น้องเตชินท์ตาขวาบอด พิการเกือบทั้งตัว เพียงเพราะป่วยเป็น โรคขาดวิตามินเค

เมื่อมาพบหมอตามนัด คุณแม่ส้มก็ต้องได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อจักษุแพทย์บอกว่า …ลูกรักดั่งแก้วตาดวงใจนั้น ต้องกลายเป็นผู้พิการ เหตุจากเป็น โรคขาดวิตามินเค แล้วเลือดออกในสมอง และไหลลงจอประสาทตาข้างขวา มีลักษณะเป็นจุดๆ รอบตาจนเป็นแผลเป็น ทำให้มองไม่เห็นตลอดชีวิต

โดยคุณแม่ส้มเล่าต่อด้วยความคิดบวกเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ว่า… “วินาทีที่หมอบอกว่า ตาของลูกจะเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต มองไม่เห็นเลย รู้สึกสงสารและเสียใจมาก ไม่คิดว่าลูกจะเป็นแบบนี้ เพราะก่อนมาถึง รพ. คิดว่าแค่ลูกน้ำตาไหลเพราะร้องไห้ เจอหมอแต่ละครั้งก็ร้องไห้ตลอด รู้สึกว่าทำไมลูกเป็นเยอะขนาดนี้ เสียใจมากๆ เพราะเป็นลูกคนแรก แต่ก็ให้กำลังใจตัวเองว่า ไม่เป็นไรลูกยังยังเหลือตาข้างซ้ายอีก 1 ข้างที่ปกติ”

และผลเอกซเรย์สมองก็ส่งผลให้ลูกรักต้องกลายเป็นคนพิการเกือบทั้งตัวไปด้วย เนื่องจากเลือดที่ไหลออกมากดทับสมอง ทำให้สมองขาดเลือด โดนทำลายมาก จนสมองตายเกือบทั่วหัว เหลือเพียงแค่ตรงกลางนิดเดียวที่ปกติ แทบไม่เห็นเส้นหยักของสมอง โอกาสสมองฟื้นคืนแบบเดิมยาก

แม้อายุ 5 เดือน แต่พัฒนาการเท่าเด็ก 1 เดือน

โดยคุณหมอยังบอกอีกว่า “หากเลือดไปออกบริเวณอื่นไม่หนักเท่าไหร่ แต่นี่ไปออกสมอง และรู้ช้า ลูกจะพิการ แขน ขาจะงอเข้าเรื่อยๆ ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องเลี้ยงดู คอยช่วยเหลือไปตลอดชีวิต ทำกายภาพบำบัด ไม่ให้แขนขาติด และคุณหมอยังบอกอีกว่า น้องจะไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดนักเรียน”

น้องเตชินท์ตาขวาบอด พิการเกือบทั้งตัว แม้อายุ 5 เดือน แต่พัฒนาการเท่าเด็ก 1 เดือน เพียงเพราะป่วยเป็น โรคขาดวิตามินเค

ทั้งนี้คุณแม่ส้มก็เล่าถึงอาการปัจจุบันของน้องเตชินท์ว่า … “ตอนนี้ดูอาการไปเรื่อยๆ พบคุณหมอด้านพัฒนาการ หมอบอกว่าลูกอายุ 5 เดือน แต่พัฒนาการเท่า 1 เดือน ทำอะไรไม่เป็น ไขว่คว้า ยิ้ม เล่นไม่เป็น มีอาการเกร็งแล้วหยิกตัวเองแล้วเกร็งเท้าตลอด” ซึ่งแทบดูไม่แตกต่างจากเด็กทารกทั่วไป แต่เมื่อโตขึ้นยิ่งเห็นชัดว่ากายภาพแตกต่างจากเพื่อนมากแค่ไหน

โรคขาดวิตามินเค โรคพบยาก 1 ในล้าน สาเหตุยังไม่ชัด

ทั้งนี้สำหรับอาการป่วยของน้องเตชินท์ ที่ ขาดวิตามินเค เป็นจุดเริ่มที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาทั้งหมด ซึ่งคุณแม่ยังได้บอกอีกว่า หนึ่งในหมอที่รักษาบอก โรคขาดวิตามินเค เป็นโรคประจำตัวที่พบได้ 1 ใน ล้านคน และเป็นโรคที่ไม่ได้เจอมา 10 กว่าปีแล้ว ด้านสาเหตุแน่ชัดยังไม่พบ

และสำหรับน้องเตชินท์ เมื่อตรวจพบก็รักษาโดยให้กินวิตามินเค อาทิตย์ละ 2 ครั้ง และยาอื่นอีก 4 ชนิด อาทิ ยากันชัก ธาตุเหล็ก เกลือแร่ และวิตามินรวม ทั้งนี้ปัจจุบันค่าเลือดของน้องกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่น้องยังต้องกินวิตามินเคไปเรื่อยๆ และยังต้องคอยเฝ้าระวังไม่ให้เลือดกลับมาไหลอีก

อย่างไรก็ดี โรคขาดวิตามินเค ของน้องเตชินท์ ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่คุณหมอวิเคราะห์ว่า…  1 อาจจะเป็นที่ตัวลูก และ 2 อาจจะเป็นที่กรรมพันธุ์ แต่เช็กแล้วไม่มีแต่ยีนอาจจะกลายพันธุ์ได้ ส่วนข้อ 3 คือ มาจากรากไม้ต้มที่คุณแม่ส้มกินบำรุงมดลูก บำรุงน้ำนม หลังคลอดน้องเตชินท์ ได้ 10 กว่าวัน ซึ่งคุณแม่บอกว่ากินไป 4 แก้ว โดยไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นรากไม้อะไร แล้วน้องก็กินไปด้วยผ่านน้ำนม อาจทำให้ขาดวิตามินเค

 

อ่านต่อ >> “หมอไขความกระจ่าง วิตามินเคคืออะไร
และมีวิธีป้องกันโรคขาดวิตามินเคอย่างไร” คลิกหน้า 4

เตือนสติแม่มือใหม่ อย่าชะล่าใจ หากลูกผิดปกติ ต้องรีบพาไปหาหมอทันที

ปัจจุบันน้องเตชินท์ ต้องเดินทางมารักษาที่ รพ.จุฬาฯ ตามหมอนัดทุกๆ 2 อาทิตย์ ซึ่งมี 6 หมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคต่างๆ ให้การรักษา อาทิ ตา เลือด ระบบประสาท ศัลยกรรมประสาท หู (ตรวจการได้ยิน) และหมอด้านพัฒนาการ

คิวนัดพบหมอผู้เชี่ยวชาญ 9 สาขา จนถึงสิ้นปี 61

ซึ่งตัวคุณแม่ส้มเองก็ได้ทิ้งท้ายด้วยคำชี้แนะว่า… อยากฝากเตือนถึงคุณแม่มือใหม่ทุกคน ซึ่งคุณหมอบอกว่า รากไม้ต้มที่เกี่ยวกับยาขับน้ำคาวปลา อย่าไปกิน เชื่อหมอดีที่สุด สมัยนี้โรคมันเยอะ แม้จะยังหาสาเหตุไม่ได้ แต่หมอเน้นไปเรื่องรากไม้มากว่า ถ้าลูกมีอาการผิดปกติ อยู่ดีๆ ก็อ้วก ร้องไห้งอแง ไม่กินนม ให้รีบไปหาหมอทันที

คุณแม่ส้ม กับน้องเตชินท์

ทั้งนี้สำหรับเรื่องการรักษาน้องเตชินท์ ที่ป่วยเป็นโรคขาดวิตมินเค ตัวคุณแม่ส้มยังต้องจ่ายเงินเองไปก่อน เพราะบัตรคนพิการยังใช้ไม่ได้ เนื่องจากเพิ่งไปขึ้นทะเบียน และหลังจากลูกป่วยเธอก็ให้สามีออกจากงานเพื่อช่วยดูแลลูก ส่วนรายได้ของครอบครัว มีเพียงการขายสินค้าต่างๆ ในโลกออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่แฟนเพจ Amarin Baby & Kids ที่มีจิตกุศลอยากสนับสนุนครอบครัวของน้องเตชินท์ ก็สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กของคุณแม่ส้ม Zom Kamonlak Rattana

 

หมอไขความกระจ่าง วิตามินเค คืออะไร และมีวิธีป้องกัน โรคขาดวิตามินเค อย่างไร?

นพ.ชวลิต หล้าคำมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา โรงพยาบาลยันฮี ได้ไขข้อสงสัย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า…

ในเด็กทารกและผู้ใหญ่ จะมีวิตามินเค เป็นส่วนหนึ่งในร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งมีความจำเป็นและมีบทบาทสำคัญทำให้เลือดแข็งตัว ป้องกันการทำให้เลือดออก หากร่างกาย ขาดวิตามินเค หรือมีปริมาณไม่พอ จะมีอาการเตือน คือ เลือดออกผิดปกติเองตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ง่าย โดยไม่มีสาเหตุ เช่น จ้ำขึ้นตามตัว หรือ เลือดออกแล้วไม่หยุด

ทั้งนี้ ภาวะการขาดวิตามินเค จะเกิดขึ้นได้ในเด็กทารกหลังคลอด 1-2 สัปดาห์ ส่วนในผู้ใหญ่ คือผู้ที่ป่วยด้วยโรคประจำตัว เช่น ตับแข็ง โรคทางเดินน้ำดีอุดตัน โรคเรื้อรังของระบบทางเดินอาหารทำให้ขาดสารอาหารมากๆ หรือคนที่กินยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะบ่อยๆ กินพร่ำเพรื่อ ทำให้แบคทีเรียในลำไส้หายไปไม่สามารถผลิตวิตามินเคได้

สำหรับเด็กทารกหลังคลอด 1-2 อาทิตย์ จะเกิดการขาดวิตามินเค เพราะเด็กมีปริมาณไขมันสะสมน้อย ตับยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ลำไส้ยังปราศจากเชื้อแบคทีเรียที่สังเคราะห์วิตามิน ซึ่งโดยปกติหลังคลอดจะมีการฉีด vitamin k ให้ทารก ภายใน 1 ชม.

และสำหรับคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนม หากเป็น โรคขาดวิตามินเค หรือมี ภาวะขาดวิตามินเค ก็อาจทำให้ ลูกขาดวิตามินเค ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเสริมสร้างวิตามินเคให้ร่างกาย โดยการกินอาหารจำพวก ผักใบเขียว หรือเนื้อสัตว์ นม เนย เพราะปกติร่างกายต้องการวิตามินเคไม่เยอะ แต่ถ้ามีแบคทีเรียปกติเจริญเติบโตในลำไส้ หรือเมื่อตับพัฒนามากขึ้น วิตามินเคก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้คุณหมอยังบอกอีกว่า “การขาดวิตามินเค เป็นโรคชนิดหนึ่ง จริงๆ ในเด็กพบได้ไม่บ่อยแต่ ในผู้ใหญ่จะเจอบ่อย เพราะในเด็กมีวิตามินเคต่ำอยู่แล้วโดยธรรมชาติหลังคลอด และมีความเสี่ยงอยู่แล้ว การฉีดวิตามินเคให้เด็กทารกหลังคลอด เป็นการป้องกันตามมาตรฐาน ทั้งนี้เด็กหลังคลอดจะยังมีปริมาณวิตามินเคต่ำอยู่ แล้วก็จะไต่สเต็บขึ้นเรื่อยๆ ตามการพัฒนาการของร่างกาย” คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ หากแต่พบว่าลูกมีเลือดออกผิดปกติ เช่นเดียวกับน้องเตชินท์ ก็ต้องรีบพาไปหาหมอโดยเร็วที่สุด

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก:


ขอบคุณภาพและเรื่องราวจาก คุณแม่ส้ม Zom Kamonlak Rattana และบทสัมภาษณ์ข่าวจาก www.thairath.co.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids