แป้งเด็ก อันตราย จริงหรือ? ล่าสุดทางอย. ได้ออกมาแจ้งผลการตรวจและเฝ้าระวังการปนเปื้อนแร่ใยหินในแป้งเด็กว่า ยังไม่พบการปนเปื้อนในแป้งเด็กไทย
แป้งเด็ก อันตราย จริงหรือ? อย. ยืนยัน! ยังไม่พบการปนเปื้อนแร่ใยหิน
อย.แจงแป้งฝุ่นโรยตัวเด็กในไทย ปราศจากการปนเปื้อนแร่ใยหิน ย้ำมีการเฝ้าระวัง และเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ พร้อมเฝ้าระวังทั้งการผลิตและนำเข้า ขอให้ผู้บริโภควางใจ
ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้ประกาศเตือนผู้บริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกาให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ Johnson’s Baby Powder Lot # 22318RB เนื่องจากตรวจพบแร่ใยหิน (asbestos) ชนิด chrysotile ปนเปื้อน 0.00002% ในตัวอย่างที่มีการขายทาง online จำนวน 1 ขวด พร้อมทั้งบริษัทฯได้สมัครใจเรียกคืนผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นปัญหาออกจากท้องตลาด สำหรับในประเทศไทย ขอเรียนว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ประเทศไทย) จำกัด พบว่าผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นปัญหามีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และได้เก็บตัวอย่างแป้งเด็กที่ผลิตในประเทศไทย ส่งตรวจวิเคราะห์หาแร่ใยหิน
ทั้งนี้ แป้งฝุ่นโรยตัวเป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบหลัก คือ ทัลคัม (talcum) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติ ช่วยดูดซับความชื้น ให้ความรู้สึกสบาย นุ่มลื่นผิว มีการใช้มาเป็นเวลานาน ทัลคัมที่นำมาใช้ในเครื่องสำอางต้องมีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีการปนเปื้อนของแร่ใยหิน เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ปัจจุบันทัลคัมยังคงเป็นสารที่ปลอดภัย สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเรื่องสำอางได้ โดยมีข้อควรระวังว่า ขณะใช้อย่าให้แป้งเข้าจมูกและปากของเด็ก
รองเลขาธิการ อย. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม อย.ได้มีการติดตามเฝ้าระวังความปลอดภัยของเครื่องสำอางที่อาจมีการปนเปื้อนของแร่ใยหินมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นโรยตัวที่มีส่วนผสมของทัลคัม จำนวน 113 ตัวอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์ ไม่พบแร่ใยหิน รวมทั้งมีการเฝ้าระวังทั้งการผลิตและนำเข้า โดยด้านอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เฝ้าระวังการนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะรุ่นการผลิตแป้งเด็กที่มีปัญหาไม่ให้เล็ดรอดเข้ามาในประเทศไทยเด็ดขาด ขอให้ผู้บริโภคไม่ต้องวิตกกังวลการปนเปื้อนแร่ใยหินจากผลิตภัณฑ์แป้งเด็กดังกล่าว
ขอบคุณข่าวจาก : www.hfocus.org
จากข่าวนี้ ทางอย. ได้ชี้แจงว่า ในแป้งฝุ่นโรยตัวมีส่วนผสมหลักคือ ทัลค์ (Talc) หรือ ทัลคัม (Talcum) อยู่แล้ว ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยดูดซับความชื้น ลดการเสียดสีของผิวหนัง และป้องกันผดผื่น ผงทัลคัมทำมาจากแร่หินทัลค์ (Talc) ซึ่งประกอบด้วยธาตุแมกนีเซียม ออกซิเจน ซิลิกอน และบางส่วนอาจมีเส้นใยแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติอย่างแร่หิน ซึ่งถือเป็นสารก่อมะเร็งปะปนอยู่ ปัจจุบัน แป้งฝุ่นมี 2 เกรด คือ
- เกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งไม่จำเป็นต้องปราศจากการปนเปื้อนของแร่ใยหิน หรือ เเอสเบสตอส (asbestos) ซึ่งเป็นแร่อนินทรีย์ที่เกิดตามธรรมชาติที่อยู่ในใยหิน มีคุณสมบัติที่สามารถฟุ้งกระจายได้ในอากาศ การหายใจที่มีฝุ่นละอองของแร่ใยหินปนเปื้อนสู่ร่างกายเป็นเวลานาน ๆ อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ เกิดโรคปอดอักเสบ ปอดบวม นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า แร่ใยหินเป็นสาเหตุของมะเร็ง และมะเร็งเยื่อหุ้มปอดอีกด้วย
- เกรดที่ใช้ในการผลิตยา อาหาร และ เครื่องสำอาง รวมถึงใช้ในการผลิต แป้งเด็ก ด้วย จากประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้แร่ใยหินเป็นวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เพื่อความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ต้องไม่มีแร่ใยหิน (Asbestos) ปนเปื้อนเด็ดขาด ซึ่งทางอย. ได้มีการเฝ้าระวังการปนเปื้อนของ แร่ใยหินในผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด และจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่พบการปนเปื้อนแร่ใยหินในแป้งเด็กเลย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ แป้งเด็ก อันตราย แค่ไหน? ก่อให้เกิดมะเร็งได้หรือไม่? อันตรายต่อลูกน้อยอย่างไร?
แป้งเด็ก อันตราย แค่ไหน? ก่อให้เกิดมะเร็งได้หรือไม่?
หลายคนเข้าใจว่าแป้งเด็กเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ แต่แท้จริงแล้วผลการศึกษาในปัจจุบันเป็นเพียงการทดลองกับสัตว์ และผลทางสถิติที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จึงไม่อาจยืนยันได้ว่าการได้รับผงทัลคัมชนิดปราศจากแร่ใยหินที่นำมาใช้ผลิตแป้งเด็กส่วนใหญ่ตามท้องตลาดนั้นก่อให้เกิดมะเร็ง เนื่องจากผลลัพธ์ที่พบไม่ชัดเจน อีกทั้งเซลล์มะเร็งอาจเกิดจากปัจจัยอื่นที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น สิ่งแวดล้อม พันธุกรรม เป็นต้น
ปัจจุบันงานวิจัยในด้านนี้สรุปได้เพียงว่าแป้งฝุ่นอาจก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่ หากใช้กับจุดซ่อนเร้นเป็นประจำและมีผงแป้งหลุดผ่านช่องคลอด มดลูก และท่อนำไข่ไปยังรังไข่ นอกจากนั้น ยังมีงานวิจัยบางส่วนพยายามพิสูจน์ว่าแป้งเด็กก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่น ๆ หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หรือมะเร็งกระเพาะอาหาร แต่ผลการวิจัยที่มีนั้นยังไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ยืนยันได้
แป้งเด็ก อันตราย ต่อลูกน้อยอย่างไร?
แม้ว่ายังไม่มีผลวิจัยที่ยืนยันได้แน่นอนว่า แป้งเด็ก อันตราย จนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง แต่ผงทัลคัมซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในแป้งเด็กนั้น เป็นสารอนินทรีย์ที่ไม่อาจย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ อีกทั้งมีอนุภาคเล็ก ง่ายต่อการฟุ้งกระจายในอากาศ หากสูดดมละอองแป้งเข้าไปเป็นเวลานานอาจเกิดการสะสมในปอด และทำให้ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ นอกจากนั้น ละอองแป้งเพียงเล็กน้อยอาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อปอดของทารกและส่งผลให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะทารกที่มีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจเป็นประจำหรือเสี่ยงเป็นโรคทางเดินหายใจ เช่น ทารกที่คลอดก่อนกำหนด เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ที่สูดดมหรือกลืนผงทัลคัมปริมาณมากในคราวเดียวหรือในปริมาณน้อยแต่ค่อย ๆ สะสมอยู่ในร่างกาย ล้วนอาจเกิดภาวะผงทัลคัมเป็นพิษได้
จะเห็นได้ว่าแม้จะมั่นใจได้ว่าแป้งเด็กนั้นยังไม่มีผลวิจัยที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่าอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ แต่การใช้แป้งเด็กในประมาณมาก ๆ เป็นประจำ ก็อาจจะทำให้เป็นอันตรายได้ ดังนั้น ทางอย. จึงมีคำแนะนำในการใช้แป้งเด็กที่ถูกต้อง ดังนี้
- ควรเทใส่มือในปริมาณน้อย ๆ และลูบไล้ที่มือก่อนทาบาง ๆ บนตัว
- ไม่ควรโรยแป้งที่ตัวโดยตรง
- สตรีและเด็กผู้หญิง ไม่ควรโรยแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้น
- ใช้แป้งครั้งละน้อย ๆ
- เช็ดแป้งที่สะสมตามข้อพับของลูกน้อยออก เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- เก็บบรรจุภัณฑ์ให้พ้นมือเด็กและทารก
จากข้อมูลดังกล่าว น่าจะทำให้แม่ ๆ สบายใจได้ว่าหากใช้แป้งเด็กอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้ไม่เกิดอันตรายต่อลูกน้อยได้ และสำหรับแม่ ๆ ที่ยังไม่แน่ใจในผงทัลคัมที่อยู่ในแป้งเด็ก แม่ ๆ ก็สามารถเลือกแป้งเด็กยี่ห้อที่ปราศจากผงทัลคัมได้ หรือ อาจใช้ผ้าขนหนูซับตามร่างกายทารกให้แห้งหลังอาบน้ำหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมนั้น เพื่อป้องกันผดผื่นโดยไม่ใช้แป้งเด็กได้เช่นกัน
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เช็กลิสต์ ของใช้เด็กแรกเกิด ที่คุณแม่ต้องเตรียม!
รวมลิงก์เว็บไซต์สำหรับลงทะเบียน รับของทดลองใช้ฟรี! เพื่อคุณแม่และลูกน้อยโดยเฉพาะ
ของใช้เด็กหมดอายุ เมื่อไหร่ จะรู้ได้อย่างไร?
แม่ต้องรู้! Youtube Kids (ยูทูป คิดส์) คืออะไร กับ 5 ฟังก์ชั่น ควบคุมเนื้อหา เวลาที่ลูกดู
ขอบคุณข้อมูลจาก : FDA Thai, พบแพทย์
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่