AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรคข้อสะโพกหลุดในเด็ก อันตราย!!

โรคข้อสะโพกหลุดในเด็ก

เวลาเราเห็นลูกเริ่มคลาน หรือเดิน เราจะมองเห็นแต่ความน่ารัก และตื่นเต้นไปกับพัฒนาการของลูกน้อย ลองสังเกตดูว่าลูกคลานด้วยขาข้างใดข้างหนึ่งรึเปล่า? หรือเวลาเดินแล้วขาทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน หมุนได้มากผิดปกติ นั่นอาจจะเป็นอาการ โรคข้อสะโพกหลุดในเด็ก ที่ต้องระวัง!!

สาเหตุของโรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด

โรคนี้พบ 1 ใน 1,000 ของเด็กแรกเกิด มีโอกาสเป็นพร้อมกันทั้งสองข้าง 20% เกิดจากกรรมพันธุ์และเชื้อชาติ รวมถึงสิ่งแวดล้อมในครรภ์ หรือมีความเสี่ยงที่ทำให้สะโพกหลุด ได้แก่

  1. เป็นท้องแรก
  2. เป็นเด็กผู้หญิง
  3. เด็กที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน
  4. มดลูก และช่องคลอดของแม่ยังขยายตัวไม่มากนัก อาจบีบรัดตัวลูกน้อย
  5. เด็กคลอดแบบไม่กลับตัว (คลอดท่าก้น)
  6. คุณแม่มีปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ
  7. ลูกตัวใหญ่น้ำหนักตัวมาก แต่แม่ตัวเล็ก
  8. การห่อตัวทารกแรกเกิดแน่นจนเกินไป
  9. เด็กที่มีเท้า หรือคอเกร็งผิดปกติ

อ่านต่อ วิธีรักษาตามความรุนแรงและอายุของลูก และวิธีป้องกันโรคข้อสะโพกหลุด คลิกหน้า 2

วิธีรักษาตามความรุนแรงและอายุของลูก

ข้อสะโพกหลุด แต่กําเนิด

แรกเกิด- 6 เดือน คุณหมอจะใช้สายรัดดึงให้ขาทารกน้อยอยู่ในท่ากบ หรือไฟเบอร์กลาสที่มีลักษณะคล้ายกระดองเต่า เพื่อจัดให้หัวกระดูกสะโพกเข้าในเบ้าตามปกติ และพัฒนาข้ออย่างเหมาะสม ซึ่งจะใส่ไว้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของทารกแต่ละคน

6 เดือนขึ้นไป หากการรักษาระดับแรกไม่สำเร็จ รักษาด้วยการดึงข้อสะโพกเข้าที่ ภายในห้องผ่าตัด ตามด้วยการใส่เฝือกแข็งไว้ โดยใช้เอ็กซเรย์ CT หรือ CAT SCAN หรือ MRI เพื่อสังเกตอาการควบคู่ไปด้วย

1 ปีขึ้นไป ผ่าตัดใหญ่ เพื่อปรับแต่ง และจัดให้กระดูกสะโพกเข้าเบ้า คุณหมอจะผ่าตัดตกแต่งกระดูกพร้อมใส่แผ่นเหล็กดามไว้ หลังผ่าตัดต้องใส่เฝือกแข็งหลายเดือน และติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ถ้ารักษาแล้วจะกลับมาเป็นอีกหรือไม่

ถ้ารักษาถูกต้องจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ ข้อสะโพกมั่นคงแข็งแรงไม่หลุดอีก แต่เด็กที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาได้ไม่เต็มที่ จะยังมีปัญหาขาสั้นยาว กะเผลก และข้อสะโพกเสื่อม เจ็บเวลาเดิน

วิธีป้องกันโรคข้อสะโพกหลุด

  1. ตรวจอัลตราซาวด์สะโพก หรือถ่ายภาพเอ็กซเรย์
  2. ไม่มัดห่อตัวลูกแน่นเกินไป ห่อตัวลูกให้ถูกต้อง ขาจะงอได้ และเคลื่อนไหวได้สะดวก
  3. ให้ลูกนอนหงาย ไม่นอนตะแคงจนสะโพกหุบ
  4. สังเกตความผิดปกติที่ขาลูก รอยพับที่ผิวหนัง ขาที่สั้นยาว ขาที่ชี้ออกไม่เท่ากัน ท่าเดินที่ผิดปกติ
  5. รักษาตั้งแต่อายุน้อยๆ ได้ผลดีกว่าอายุมาก เด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงมากกว่าทั่วไป ควรให้คุณหมอตรวจ
  6. เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ ให้พาลูกมาพบคุณหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียด
  7. ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ หมั่นสังเกตเนื้อตัวแขนขาของลูกเรา ว่ามีความผิดปกติอะไรอยู่บ้าง อย่าคิด

เครดิต: โรงพยาบาลกรุงเทพ