AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรคตาในเด็ก รีบรักษาก่อนสายเกินแก้!

โรคตาในเด็ก มีความแตกต่างจากโรคตาในผู้ใหญ่ หลายโรคสามารถตรวจและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยป้องกันไม่ให้โรคพัฒนารุนแรงไปไกลจนหมดหนทางรักษา

โรคตาในเด็ก มีความแตกต่างจากโรคตาในผู้ใหญ่ หลายโรคสามารถตรวจและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยป้องกันไม่ให้โรคพัฒนารุนแรงไปไกลจนหมดหนทางรักษา คุณพ่อ คุณแม่ จึงไม่ควรมองข้ามปัญหาสายตา และการมองเห็นของลูกน้อย เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของลูกน้อย

ยุคไอทีทำให้มี โรคตาในเด็ก เพิ่มขึ้น

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในเด็กไทยพบปัญหาภาวะสายตาผิดปกติ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับที่เด็กใช้สายตาผ่านอุปกรณ์ดิจิตอลมากขึ้น การรับแสงและการเพ่งมองจอเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อสายตาเมื่อยล้า หรืออาจทำให้จอตาเสื่อมไวขึ้น และนำไปสู่ภาวะตาบอดด้วยตาเลือนรางได้ หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา เพราะสายตาและการมองเห็นคือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่พัฒนาการทางสมอง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดกระบวนการจดจำคิดและสร้างสรรค์ จนกลายเป็นการเรียนรู้ความฉลาด และนำไปสู่พัฒนาการด้านอื่นตามมา ข้อมูลจากการสำรวจโดยครูในเด็กก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษาในโรงเรียน 17 แห่งในปี 2555 พบสายตาผิดปกติ ร้อยละ 6.6 จำเป็นต้องใส่แว่นสายตา ร้อยละ 4.1 คาดว่าทั่วประเทศมีเด็กที่จำเป็นต้องใส่แว่นตาประมาณ 2.6 แสนคน เพื่อลดปัญหาการตาบอดจากสายตาผิดปกติ

ข้อมูลข่าวจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า

สายตาและการมองเห็นคือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่พัฒนาการทางสมอง

รศ.พญ.สุดารัตน์ ใหญ่สว่าง จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาเด็ก ได้กล่าวถึงช่วงเวลาทองของการดูแลลูกน้อยเอาไว้ว่า

“3 เดือนแรกดวงตาของทารกจะล่องลอยไปมาเหมือนตาเข เพราะดวงตาสองข้างไม่ได้ใช้งานร่วมกัน ฉะนั้นแพทย์จะวินิจฉัยโรคตาเขได้เมื่อผ่าน 3 เดือนไปแล้ว และถ้าจะวัดการมองเห็นที่ใกล้เคียงกับผู้ใหญ่ก็ต้องรอจนอายุ 6 เดือน ซึ่งพัฒนาการนี้จะดำเนินไปจนสมบูรณ์เต็มที่เมื่อเด็กอายุได้ 8-9 ขวบ”

พัฒนาการทางด้านสายตาของเด็กจะเริ่มต้นขึ้นเมื่ออายุ 3-6 เดือน โดยเด็กทารกจะเริ่มใช้สายตาทั้งสองข้างพร้อมกัน เริ่มมองเห็นสี เห็นภาพสามมิติ และสามารถกะระยะได้ ก่อนที่จะมีอายุ 8-9 ขวบ เป็นช่วงเวลาที่ลูกน้อยต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หากมีโรคที่มาขัดขวางพัฒนาการทางสายตา ก็ต้องรีบรักษาอย่างทันท่วงที เพราะเมื่อสายตาหยุดพัฒนาแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาได้เหมือนเดิม

อ่าน “โรคตาในเด็ก ที่พบบ่อย” คลิกหน้า 2

โรคตาในเด็ก ที่พบบ่อย

1.ความผิดปกติทางสายตา

2.สายตาเข หรือตาเหล่

สายตาเข หรือตาเหล่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ และภาวะสายตาผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อตาแต่ละข้างทำงานไม่สมดุล หลายคนคิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง และสามารถหายได้เองเมื่อโตขึ้น หรือเห็นว่าเป็นแค่ปัญหาเรื่องความสวยความงามเท่านั้น ค่อยรอไปรักษาตอนโต ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะเมื่อตาข้างที่เขนั้นไม่ได้อยู่ในแนวตรง เด็กก็จะใช้ตาเพียงข้างเดียวในการมอง และเมื่อสายตาข้างที่เขไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานๆ ก็จะเริ่มมีภาวะตาขี้เกียจตามมา

3.หนังตาตกแต่กำเนิด

เกิดจากกล้ามเนื้อเปลือกตาอ่อนแรง อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ หากหนังตาตกทั้งสองข้าง เด็กจะใช้วิธีเงยหน้าขึ้นเพื่อมองให้เห็นภาพได้ถนัด แต่หากหนังตาตกข้างเดียวจนบังม่านตาก็จะทำให้เกิดตาขี้เกียจได้ เพราะใช้ตาข้างเดียวในการมองเห็น

ตาข้างหนึ่งมีความผิดปกติมากกว่าอีกข้างหนึ่งก็ยิ่งมีโอกาสเกิดโรคตาขี้เกียจ

4.โรคตาขี้เกียจ

การมองภาพด้วยตาข้างเดียว พบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงประมาณ 8 ขวบ มักเกิดจากภาวะตาเข และสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้นมาก ยาวมาก เอียงมาก และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันเวลา ยิ่งตาข้างหนึ่งมีความผิดปกติมากกว่าอีกข้างหนึ่งก็ยิ่งมีโอกาสเกิดโรคตาขี้เกียจมากเท่านั้น โรคตาขี้เกียจถือเป็นโรคที่รุนแรงโรคหนึ่ง หากปล่อยทิ้งไว้จนโตจะไปสามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม เด็กอาจจะมีอาการตามัวอย่างถาวร

5.มะเร็งจอตาในเด็ก

โรคนี้เป็นโรคตาที่ร้ายแรงที่สุดในเด็ก อาการของโรคที่พบได้บ่อยคือมีลักษณะตาวาวสีขาวๆ กลางตาดำ เด็กที่มีอายุ 1-3 ขวบจึงควรพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย

อ่าน “โรคตาในเด็กป้องกันอย่างไร?” คลิกหน้า 3

โรคตาในเด็ก ป้องกันอย่างไร?

มีคุณแม่ท่านหนึ่งสอบถามเข้ามาว่า “คุณแม่สังเกตว่าเวลาลูกดูโทรทัศน์ หรือมองอะไรที่มีรายละเอียด มักจะขมวดคิ้วและเพ่ง เขาจะสายตาสั้นหรือว่าเอียงได้หรือไม่ค่ะ แต่เขาอายุแค่สามขวบครึ่ง ควรพาไปพบจักษุแพทย์เลยหรือรอดูอาการอีกสักพัก และการให้อาหารบำรุงสายตา จะช่วยเรื่องนี้ได้ไหมคะ”

ทีมงานจึงนำคำถามนี้ไปสอบถามกับ พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด โดยคุณหมอได้ให้คำตอบว่า

“เป็นไปได้ค่ะ คุณแม่พาลูกไปพบจักษุแพทย์ได้เลยค่ะ ยิ่งถ้าเป็นจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญการตรวจเด็กๆ จะยิ่งดีมากขึ้น เพราะคุณหมอจะมีความอดทนต่อการร้องไห้กลัวของลูก มีวิธีทำให้เด็กร่วมมือ และมีความนุ่มนวลอ่อนโยนในการตรวจเด็กมากเป็นพิเศษ คุณหมอตาที่ชำนาญสามารถตรวจได้แม้เด็กทารกคลอดก่อนกำหนดด้วยซ้ำไป อย่ารีรอที่จะไปตรวจ เพราะหากลูกมีปัญหามองเห็นไม่ชัดจะมีผลเสียหลายอย่าง เช่น

1. กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนัก

ทำให้อ่อนล้าและมีปัญหาปวดตา ปวดศีรษะ ตาเข

2. เมื่อมองเห็นไม่ชัดจะทำให้เรียนหนังสือไม่ดี

เพราะมองเห็นกระดานไม่ชัด หรือไม่สนใจการเรียนเท่าที่ควร

หากสายตาผิดปกติเพียงข้างเดียวโดยที่ตาอีกข้างปกติ สมองจะลดการใช้งานจากตาข้างที่ไม่ชัด

3. เกิดภาวะตาขี้เกียจ

หากสายตาผิดปกติเพียงข้างเดียวโดยที่ตาอีกข้างปกติ สมองจะลดการใช้งานจากตาข้างที่ไม่ชัด เพื่อรับภาพจากข้างเดียว จนตาข้างที่ไม่ชัดไม่ทำงานไปโดยปริยาย เกิดภาวะที่เรียกว่าตาขี้เกียจ หากภายหลังแก้ไขโดยการใส่แว่นแล้ว ตาข้างนี้ก็ยังไม่กลับมาทำงาน จนกว่าจะใช้วิธีการปิดตาข้างปกติ เพื่อพยายามใช้ตาข้างที่ขี้เกียจให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตาข้างนี้จะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ

หากลูกมีปัญหาสายตาผิดปกติ ต้องแก้ไขด้วยเลนส์ คือการใช้แว่นตาค่ะ ส่วนการทำเลสิคและการใช้คอนแทคเลนส์ต้องทำตอนโตขึ้นค่ะ

การให้อาหารบำรุงสายตา ได้แก่ อาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี สังกะสี โอเมก้า 3 และแอนโตไซยานินส์ ไม่ได้ช่วยแก้ไขความผิดปกติของสายตา แต่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติที่จอประสาทตาเนื่องจากการขาดวิตามินและสารดังกล่าว ขณะที่การลดปริมาณการดูทีวีและการใช้สายตาเพ่งจออุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ทั้งหลายจะช่วยชะลอความผิดปกติของสายตาได้บ้าง”

ข้อมูลอ้างอิง: สสสโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล

อ่านบทความที่น่าสนใจ คลิก!!

เด็กสายตาสั้น ป้องกันได้ตั้งแต่ยังเล็ก มาดูกันว่าทำอย่างไร?

ปัญหาสายตาในเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

โรคตาขี้เกียจในเด็ก (Lazy eye) คืออะไร?

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids