SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) คือ อาการนอนหลับไม่ตื่น หรือ โรคไหลตายในเด็กทารก เป็นอาการหมดลมหายใจ และเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน โดยไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ มักจะเกิดขึ้นกับเด็กทารกอายุน้อยกว่า 1 ปี และส่วนใหญ่จะเกิดกับ ทารกนอนคว่ำ ในช่วง 1- 4 เดือน
อันตรายเมื่อ ทารกนอนคว่ำ
จากเหตุการณ์ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง มีคุณป้าคนหนึ่งของน้องคิตตี้ ออกมาโพสต์เพื่อเตือนคุณแม่ไว้เป็นอุทาหรณ์ ว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแบบน้องคิตตี้ หลานสาวสุดที่รัก ที่ถูกจับนอนคว่ำจนเสียชีวิต
เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้น เพราะหนูน้อยขาดอากาศหายใจ คุณหมอช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ทัน ครอบครัวไหนที่มีเด็กทารกไม่ควรให้นอนคว่ำ ถ้าไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้ปกครอง การนอนคว่ำอันตราย ถ้าไม่ได้เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด
ถ้าคุณพ่อ คุณแม่อยากให้ลูกน้อยศีรษะสวยให้ใช้วิธีนอนตะแคงสลับซ้าย-ขวา เพื่อลดโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตได้นะคะ
เครดิต: กุลธิดา น้องคิดตี้ ม้วยเท้ง
อ่านต่อ >> “ทารกนอนคว่ำเสี่ยงหลับไม่ตื่น ไหลตายไม่รู้ตัว” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า “โรค SIDS (Sudden Infant Death Syndrome หรือ Sudden Unexpected Death in Infancy) นี้พบในเด็กอายุ 1 เดือน ถึง 1 ปี แต่ทีพบบ่อยสุดคืออายุ 1 ถึง 4 เดือน ซึ่งสาส์นจาก Institute of Medicine ของสหรัฐได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดและได้ตีพิมพ์หนังสือ เรื่อง Immunization Safety Review: Vaccinations and Sudden Unexpected Death in Infancy ในปี พ.ศ. 2546 พบว่าในสหรัฐฯ เคยพบโรค SIDS นี้ประมาณ 5,000-6,000 คนต่อปี ปัจจุบันได้แนะนำให้เด็กนอนหงาย ไม่ให้นอนคว่ำ พบว่าอุบัติการณ์ดังกล่าวลดลงเหลือ 2200 คนต่อปี
ทำไมเด็กถึงนอนคว่ำแล้วตาย?
เด็กทารกอายุน้อยกว่า 1 ปีที่นอนคว่ำหน้ามีโอกาสเสียชีวิตอย่างฉับพลันได้มากกว่าเด็กที่นอนตะแคง หรือนอนหงาย นักวิจัยบางท่านสมมติฐานว่าการนอนคว่ำนั้นทำให้เกิดการกดทับบริเวณหน้าอกของเด็ก ทำให้การไหลเวียนของอากาศแคบลง และหายใจลำบากขึ้น เด็กจะหายใจเอาอากาศเก่า คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับเข้าไปใหม่ โดยเฉพาะเด็กทารกที่นอนบนเตียงนิ่มๆ หรือมีเครื่องนอน เช่น ตุ๊กตา หรือหมอนอยู่ใกล้ๆ ใบหน้า ด้วยพื้นที่นุ่มนิ่ม ยวบยาบ ทำให้เกิดแอ่งเล็กๆ บริเวณปากของทารก และกักเก็บอากาศที่หายใจออกมาเอาไว้ เมื่อเด็กหายใจเอาอากาศเดิมเข้าไปใหม่ ระดับก๊าซออกซิเจนที่ทารกควรจะได้รับก็จะต่ำลง และสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น ในที่สุดก็ขาดออกซิเจนจนเสียชีวิต
นอกจากนี้ อาจมีกรณี สำหรับเด็กทารกบางคนมีความผิดปกติในเซลล์สมองที่ช่วยในการควบคุมการหายใจและการตื่นนอน เนื่องจากโดยปกติ หากเด็กทารกหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปไม่เพียงพอ สมองจะปลุกให้เด็กตื่นและร้องไห้ แต่ในกรณีเด็กที่มีปัญหาในเซลล์สมองอาจจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ หรือเกิดเป็นโรค SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) นั่นเอง
อ่านต่อ >> “การนอนที่ปลอดภัย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
การนอนที่ปลอดภัย√
การนอนหลับให้เพียงพอในเด็กทารกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะส่งผลต่อการเจริญเติบโตร่างกายและสมอง มีหลายครั้งที่มีข่าวการเสียชีวิตของทารกจากการนอนคว่ำ จมูกปากกดทับบนหมอนจนหายใจไม่ออก บางครั้งก็มีข่าวเด็กตกเตียง หรือคุณแม่นอนทับลูกน้อยจนเสียชีวิต
1.ท่านอน
ท่านอนที่ถูกต้องคือการนอนหงาย โดยแนะนำให้จัดท่านอนของลูกให้นอนหงายเสมอ เพื่อลดการเสียชีวิตในเด็ก 2-7 เท่า เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือนควรนอนหงายเท่านั้น เพราะการนอนคว่ำ หรือนอนตะแคงอาจเกิดอันตรายได้ เนื่องจากเด็กยังยกศีรษะไม่เป็น แต่คุณแม่ก็ยังสามารถจับลูกให้นอนคว่ำได้บ้าง เมื่อเวลาที่มีคุณพ่อ คุณแม่เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อลดการเกิดภาวะหัวแบน และได้ออกกำลังต้นแขน และหัวไหล่ให้เกิดความแข็งแรงอีกด้วย
อ่านต่อ >> “ที่นอนที่ปลอดภัย” คลิกหน้า 4
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
2.ที่นอน
ที่นอน และอุปกรณ์บนที่นอนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยง เบาะสำหรับเด็กต้องเป็นเบาะที่มีความแข็งกำลังดี ฟูก หมอน ต้องไม่หนานุ่มและมีขนาดใหญ่ เพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้ บนที่นอนต้องไม่มีเส้นสายยาวเกิน 15 เซนติเมตร เพราะอาจรัดคอลูกได้ เพราะเคยมีเหตุการณ์น่าเศร้ามาแล้ว เมื่อศีรษะลูกมุดรอดหูรูดหมอนข้าง รัดคอจนเสียชีวิต และไม่นำของเล่นชิ้นเล็กๆ ตุ๊กตาขนาดใหญ่ มาวางใกล้ๆ ลูก
- เตียงผู้ใหญ่ การให้ลูกน้อยวัยทารกนอนกับคุณพ่อ คุณแม่บนเตียงเดียวกันอันตราย เพราะเคยมีเหตุการณ์นอนทับลูกเสียชีวิตมาแล้ว หรือบางครั้งลูกน้อยอาจตกเตียงเพราะเตียงสูงเกินไปจนเสียชีวิต เด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบจึงไม่ควรนอนบนเตียงผู้ใหญ่ ควรนอนเบาะ หรือที่นอนสำหรับเด็ก
3. เตียงเด็กเล็ก และเตียง 2 ชั้น
- เตียงเด็กเล็ก เด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบควรนอนที่นอนสำหรับเด็ก มีมาตรฐานปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเตียงที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งพบเด็กเสียชีวิตปีละ 150-200 คน เพราะศีรษะไปติดค้างที่ซี่ขอบเตียง ในท่าลักษณะแขวนคอ เตียงที่ได้มาตรฐานต้องมีซี่ราวไม่เกิน 6 เซนติเมตร
- เตียง 2 ชั้น เป็นอันตราย ถ้าเด็กขึ้นไปเล่นข้างบน กระโดดโลดเต้นและตกลงมา ซึ่งพบเด็กเล็กเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว จึงไม่เหมาะกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ ความกว้างของราวกันตกจะต้องสูงมากกว่า 9 เซนติเมตร ควรเลือกเตียงที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- คัมภีร์นอนหลับ สร้างอัจฉริยะให้ลูกน้อย
- การนอนของลูก แรกเกิด ถึง 6 ปี แค่ไหนถึงจะพอ?
- หมอเตือน! ลูกนอนกรน! เสี่ยงพัฒนาการถดถอย
เครดิต: thelittlegymrama3.com, sidsandkids, bloggang.com, ความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพ, หมอชาวบ้าน
Save
Save
Save
Save
Save
Save