AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลูกติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะแม่ล้างมือไม่สะอาด

อุทาหรณ์ทารกติดเชื้อในกระแสเลือด

เรื่องของความสะอาด เป็นเรื่องใกล้ตัวที่คุณพ่อ คุณแม่ต้องใส่ใจเพราะลูกอาจ “ติดเชื้อในกระแสเลือด” เพราะความสะอาดที่ไม่เพียงพอในการดูแลลูกน้อยก็เป็นได้

โดยคุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองให้ฟังว่า

มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังนะคะ เราคลอดลูกได้ 2 เดือน อยู่ดีๆ น้องก็มีอาการไข้ขึ้น 39.8 เรานั่งเช็ดตัวให้ลูกประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไข้ก็ไม่ยอมลด”

เราเลยพาลูกไปโรงพยาบาล หมอให้แอดมิท ไปถึงกว่าจะรอพยาบาลสอบถามประวัติน้องประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วลูกเราไม่ร้องนะ เงียบนอนซึมแต่ตัวร้อนจี๋เลย ระหว่างเรากำลังซักประวัติอยู่ ก็มีเด็กประมาณ 2 ขวบป่วยมาโรงพยาบาล แต่เค้าร้องเสียงดังร้องทรมานมาก พยาบาลที่กำลังซักประวัติลูกเราอยู่ ก็บอกว่าเดี๋ยวขอให้น้องคนนั้นก่อนนะคะ เดี๋ยวทางนี้รอก่อนนะ เราก็อ้าว กว่าจะรอพยาบาลมาแล้วตั้ง 2 ชั่วโมง ก็รู้ว่าน้องไข้ 39.8 ยังแซงคิวเราอีก เราก็รอจนถึงคิวเราต่อ เรารอประมาณ 1 ชั่วโมง เราจะร้องไห้อยู่แล้ว พอเสร็จลูกเราก็เจาะเลือดเป็นการด่วน เพราะอายุน้อยแต่ไข้สูง หมอบอกต้องเจาะไขสันหลังพร้อมกับการเอ็กซเรย์ ตอนนั้นสงสารลูกมาก และพอผ่านไป 5 ชั่วโมง หมอวินิจฉัยว่าติดเชื้อในกระแสเลือด รอเพาะเชื้ออีก 3 วัน

หลังจากนอนโรงบาล 3 วัน เชื้อที่เป็นคือ เชื้อบิกิร่า (ไม่รู้เราพิมพ์ชื่อถูกไหม หมอเค้าเรียกแบบนี้) อาจจะเกิดจากการที่เราชงนมแล้วล้างมือไม่สะอาดหรือเต้านมแม่ไม่สะอาด แต่เราก็ว่าเราทำสะอาดทุกอย่างนะ แต่ก็ต้องโทษที่ตัวเรานี่แหละ เพราะตอนนั้นเราเลี้ยงลูกคนเดียว ลูกเรานอนโรงพยาบาลทั้งหมด 24 วัน แต่ตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ น้องแข็งแรงขึ้นมากแล้ว”

Must readแนะนำพ่อแม่มือใหม่! ขั้นตอนการเตรียมนมและวิธีชงนมที่ถูกต้องเพื่อไม่ไห้เกิดฟอง (มีคลิป)
Must read : ขวดนมลูก หมดอายุหรือยัง พ่อแม่รีบเช็คด่วน!
Must read : วิธีล้างมือที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม เพราะทารกเป็นวัยที่ติดเชื้อโรคได้ง่าย เพราะร่างกายกำลังอยู่ในช่วงที่สร้างภูมิคุ้มกัน ดังนั้น คุณพ่อ คุณแม่ต้องใส่ใจ และไม่ละเลยกับเรื่องความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะทำอันตรายกับลูกน้อยได้ ควรล้างมือ หรือทำความสะอาดร่างกายของตัวเองทุกครั้งก่อนที่จะแตะต้องลูกน้อย เพราะลูกอาจติดเชื้อในกระแสเลือดได้

อ่านต่อ “สาเหตุที่ทำให้ทารกติดเชื้อในกระแสเลือด พร้อมวิธีป้องกันและการรักษา” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

การติดเชื้อในกระแสเลือดของทารก

การ ติดเชื้อในกระแสเลือด ของทารก

ระบบภูมิคุ้มกันของทารกและเด็กเล็กยังมีประสิทธิภาพไม่ดีนัก โอกาสหายจากการติดเชื้อในกระแสเลือดได้เองมีน้อยมาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ส่วนใหญ่แล้วจะทำให้การติดเชื้อแย่ลง หรือมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้

แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ตามอายุของทารกคือ

1. กลุ่มทารกที่อายุน้อยกว่า 7 วัน

สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อระหว่างคลอด ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่  การคลอดก่อนกำหนด หรือกรณีอย่างเช่น คุณแม่มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเดินทางผ่านถุงน้ำคร่ำที่แตกเข้าไปถึงตัวทารกในครรภ์ได้ หรือในกรณีคุณแม่มีไข้หรือมีการติดเชื้ออื่นๆ ซึ่งเชื้อนั้นสามารถส่งผ่านต่อไปถึงทารกได้

2. กลุ่มทารกอายุระหว่าง 7 วันถึง 3 เดือน

นอกจากการติดเชื้อระหว่างคลอดแล้วอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ ด้วยค่ะ เช่น การใส่สายสวนหลอดเลือด หรือการทำหัตถการกับทารก หรือมีการติดเชื้อเฉพาะที่และไม่สามารถกำจัดเชื้อเหล่านั้นออกไปได้หมด ทำให้ลุกลามกลายเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ทารกในกลุ่มนี้อาจมีอาการป่วยอย่างอื่นมาก่อนแล้ว เช่น มีแผลฝีหนองที่บริเวณใดๆ หรือเป็นโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ

เมื่อมีการติดเชื้อหรือสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อ มีดังนี้

1. ปัจจัยเสี่ยง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ มีโอกาสติดเชื้อแบบซ่อนเร้น คือติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือดได้สูงกว่าเด็กโต หากมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น มีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน หรือเด็กที่ติดเชื้อ HIV ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายเช่นกัน

2. แหล่งที่มาของเชื้อแบคทีเรีย มาได้จากหลายทาง เช่น เด็กบางคนมีภาวะปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ เป็นสาเหตุให้มีไข้ และเชื้อก็เข้าสู่กระแสเลือดตามมา

3. สัญญาณชี้โรค คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตสัญญาณบ่งชี้ว่าลูกรักกำลังมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ดังต่อไปนี้นะคะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ป้องกันลูกทารกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด

1. ให้นมแม่ ซึ่งช่วยป้องกันลูกน้อยจากการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ดีที่สุดในช่วง 6 เดือนแรก เพราะถ้าคุณแม่ให้นมแม่ได้นานอย่างน้อย 6 เดือน ลูกก็จะมีภูมิคุ้มกันเรื่องการติดเชื้อในลำไส้ได้

2. ฉีดวัคซีนตามกำหนดที่คุณหมอนัด ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ รวมทั้งวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก็ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียบางชนิดร่วมด้วยได้

3. การดูแลสภาพแวดล้อม และดูแลอาหารให้สะอาด ให้ถูกสุขอนามัยก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ไข่ก็ควรเป็นไข่ที่ต้มสุก ภาชนะที่ใช้จะต้องผ่านการลวกนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อ รวมถึงของเล่นหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้านจะต้องทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคค่ะ

รักษาโรคติดเชื้ออย่างไรดี?

สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ถ้าเป็นการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง เช่น คออักเสบ หูน้ำหนวก หรือไซนัสอักเสบสามารถให้ในรูปแบบยารับประทานได้ แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อแบบลุกลาม (IPD) ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยใน และให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดพร้อมกับการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น เรื่องการหายใจ ยากันชัก เป็นต้น

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


เครดิต: Herkid.com