AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

มะเร็งจอตา โรคฮิตอันดับ 3 ในเด็ก!! เช็กง่ายๆ ด้วยสมาร์ทโฟน

Credit Photo : dodeden.com

ความเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้กับลูกๆ ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าพ่อแม่จะรู้และสังเกตเห็นอาการที่เกิดขึ้นกับลูกได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอาการเจ็บป่วยที่เรียกว่า มะเร็งจอตา สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กเล็ก ทีมงาน Amarin Baby & Kids อยากให้ผู้ปกครองได้รู้เท่าทันกับโรคมะเร็งจอตา เพราะหากรู้ก่อน รักษาได้ทันเวลา ลูกก็ไม่ต้องเสียดวงตาในการมองเห็นค่ะ

 

มะเร็งจอตา โรคฮิตอันดับ 3 ในเด็ก!!

มะเร็งจอตา พบมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตดีๆ จะพบว่าลูกมีดวงตาวาวคล้ายตาแมว หรือเพียงใช้สมาร์ทโฟนเปิดแฟลช และถ่ายดวงตาของลูกในระยะใกล้ ก็สามารถเช็กได้แล้วว่าลูกมีอาการเป็นมะเร็งจอตาหรือไม่ อย่างเช่นคุณแม่ท่านนี้ ที่พบความผิดปกติในดวงตาของลูกโดยบังเอิญ

ทีน่า ทรีดเวลล์ คุณแม่ชาวอังกฤษที่ฝันอยากเห็น ลูกชายตัวน้อยของเธอได้มีผลงานถ่ายแบบ จึงตัดสินใจจับลูกน้อยมาแต่งตัวหล่อ และถ่ายภาพลูกเพื่อเตรียมส่งให้กับทางโมเดลลิง แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดของคนเป็นแม่ก็เกิดขึ้น เมื่อเธอสังเกตพบบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในรูปที่เธอถ่าย แล้วพบว่าลูกเป็น “มะเร็งจอตา”

ดวงตาข้างขวาของเทย์เลอร์นั้นเหมือนมีการสะท้อนของแสงแฟลช และเมื่อเธอมองดูใกล้ๆ ถึงรู้ว่าไม่ใช่!!ตาขวาของเทย์เลอร์นั้นมีลักษณะตาวาว มีสีขาวๆ อยู่ตรงกลางตาดำ เธอจึงรีบพาลูกไปหาจักษุแพทย์ และผลตรวจทำให้เธอถึงกับช็อก เมื่อแพทย์บอกว่า เทย์เลอร์เป็น “โรคมะเร็งจอตาในเด็ก” โดยแพทย์ตรวจพบมีก้อนเนื้อเล็กๆ สีขาวที่ตาข้างซ้าย และก้อนเนื้อสีขาวขนาดใหญ่กว่าที่ตาข้างขวา

 

Must Read >> สัญญาณเตือนโรคมะเร็งในเด็กที่พ่อแม่ควรรู้

 


เทย์เลอร์ต้องเข้ารับการรักษามะเร็งจอตา ด้วยการทำคีโม หรือเคมีบำบัด เป็นเวลานานสี่เดือนที่โรงพยาบาลเกรท ออร์มอน สตรีท แต่น่าเศร้า ที่มะเร็งก้อนใหญ่ได้ทำลายจอประสาทจนทำให้ตาข้างขวาบอด

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อ่านต่อ>> โรคมะเร็งจอตาคืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร คลิกหน้า 2

เครดิตภาพ : Childhood Eye Cancer Trust

โรคมะเร็งจอตาคืออะไร?

โรคนี้คือ โรค/ภาวะ ตาวาว หรือ ลิวโคโคเรีย (Leukocoria) ได้แก่ โรคที่ทำให้การสะท้อนแสงภายในลูกตาผิดปกติ จึงเห็นเป็นตาวาวขึ้นโดยเฉพาะในที่มืด โดยชื่อโรคมาจากคำว่า Leuko แปลว่า สีขาว Coria แปลว่า รูม่านตา เมื่อสองคำรวมกันจึงหมายความว่า ภาวะเป็นสีขาวบริเวณรูม่านตา ซึ่งลักษณะที่เห็นจะเหมือนดวงตาของแมวเวลาค่ำคืน ที่ฝรั่งเรียกว่า Amaurotic cat eye (อะเมาโรติก แคท อาย หรือ ตาแมวตอนกลางคืน) เห็นเงาสะท้อนดูเป็นแสงแวววาวออกจากรูม่านตาบริเวณกลางตาดำ อาจจะมองเห็นเพียงจากด้านใดด้านหนึ่งหรือทุกทิศทาง อาจเป็นตลอดเวลาหรือเห็นเป็นบางครั้งก็ได้

จากสถิติพบว่า ทั่วโลกมีเด็กป่วยมะเร็งจอตา 8,000 รายต่อปี ส่วนประเทศไทยพบประมาณ 40 รายต่อปี โรคตาวาวเป็นโรคมักเกิดในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี พบได้ในเด็กเกิดใหม่ 1 ต่อ 18,000 – 20,000 เด็กหญิงและเด็กชายพบได้ใกล้เคียงกัน ถ้าไม่ได้รับการรักษาเด็กจะเสียชีวิตภายใน 1-2  ปี หลังอายุ 7 ปี ไปแล้วจะพบน้อยมาก

สาเหตุของโรคมะเร็งจอตา

สาเหตุของโรคเกิดได้ทั้งจากพันธุกรรม ความผิดปกติในการแบ่งตัวของเซลล์จอตา และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ โดยพบว่าหากครอบครัวมีประวัติ เด็กก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ โรคมะเร็งจอตาร้อยละ 40 จะเป็นทั้งสองข้าง ประเภทนี้มักเกิดจากพันธุกรรม และร้อยละ 60 จะเป็นเพียงข้างเดียว

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

สูตรหาความเสี่ยงสำหรับพ่อแม่ในการพิจารณามีบุตรคนต่อไป

เนื่องจากมะเร็งจอตามีทั้งชนิดที่เป็นกรรมพันธุ์ และชนิดที่ไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์ จึงได้มีผู้พยายามศึกษาถึงแนวโน้มการถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานของมะเร็งชนิดนี้ และพบว่า

โดยมะเร็งจอตามีลักษณะที่แตกต่างจากมะเร็งชนิดอื่นๆ ดังนี้

อ่านต่อ>> อาการและวิธีการรักษาโรคมะเร็งจอตา คลิกหน้า 3

โรคมะเร็งจอตามีอาการอย่างไร?

อาการมะเร็งจอตาที่พบบ่อยคือ

  1. มีสีขาววาวจากกลางตาดำ
  2. ตาเข โดยก้อนมะเร็งอยู่ที่จอตาบริเวณตรงกลาง ทำให้เด็กตามัวลงอย่างมาก ตาข้างนั้นไม่ใช้งานจึงเขออก (ตาเข สาเหตุจากมะเร็งพบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่ตาเขไม่ได้เกิดจากมะเร็ง เกิดโดยยังไม่ทราบสาเหตุแน่นอน)
  3. เด็กมีดวงตาเลื่อนลอย คล้ายจะมองไม่เห็น
  4. มีการอักเสบของเบ้าตา ทำให้ตาโปนแดง
  5. เป็นต้อหินจากเซลล์มะเร็งอุดตันทางเดินน้ำในลูกตา
  6. มีเลือดออกภายในช่องหน้ากระจกตาโดยไม่รู้สาเหตุ
  7. ตาเจ็บ ตาแดง เป็นๆ หายๆ มักพบในเด็กที่มะเร็งลามไปมากแล้ว

วิธีสังเกต เช่น ดูสีลักษณะตาของเด็ก เล่นปิดตาที่ละข้างให้หาของเพื่อสังเกตการมองเห็น เด็กบางคนอาจหกล้มบ่อยกว่าปกติ เดินชนสิ่งของเนื่องจากการมองที่ผิดปกติ หรือบางครั้งจะมีก้อนเนื้อเกิดขึ้นที่ตาและมีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นต้น หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นตั้งแต่ระยะแรกโอกาสจะรักษาได้หายจะมีสูง โดยเฉพาะกรณีที่เป็นพันธุกรรม มีคนในครอบครัวป่วย ควรพบจักษุแพทย์ทันที หากเป็นมะเร็งจะได้ทำการรักษาให้ทันท่วงที ไม่ต้องควักลูกตา เพราะในกรณีที่มาพบแพทย์ช้า นอกจากต้องควักลูกตาแล้ว ในบางรายอาจเสียชีวิตได้ ซึ่งพบประมาณ  5-10%

เครดิตภาพ : optometrists.co.uk

ระยะต่างๆ ของมะเร็งจอตา

มะเร็งจอตาแบ่งได้เป็น 4 ระยะเช่นเดียวกับมะเร็งอื่นๆ ได้แก่

ระยะที่ 1 ก้อนเนื้อมะเร็งยังลุกลามเฉพาะในลูกตา

ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามออกจากลูกตาเข้าในเบ้าตา และ/หรือเข้าประสาทตา

ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามเข้าสมอง และ/หรือน้ำไขสันหลัง (CSF: cerebrospinal fluid)

ระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายสู่อวัยวะอื่นๆ ที่พบบ่อยคือ ไขกระดูกและกระดูก

 

อ่านต่อ วิธีการรักษาโรคมะเร็งจอตา คลิกหน้า 4

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

การรักษาโรคมะเร็งจอตา

ทางเลือกวิธีรักษาในปัจจุบันมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและการกระจายของโรค  การเป็นโรคในตาข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง และสภาพร่างกายของเด็ก

1. การผ่าตัดนำลูกตาออก 

ถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ และไม่สามารถรักษาสภาพการมองเห็นได้แล้ว การรักษาคือ การผ่าตัดนำลูกตาออก  ถือเป็นการผ่าตัดที่ไม่ยาก และแพทย์สามารถใส่ลูกตาปลอมให้เด็กได้ภายใน 3-6 สัปดาห์หลังผ่าตัด

การรักษาโดยวิธีนี้จะทรมานจิตใจทั้งผู้ปกครองมากจนบางครั้งผู้ปกครองบางคนปฏิเสธการรักษา และเปลี่ยนไปรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ หรือนำเด็กกลับไปอยู่บ้าน และกลับมาพบแพทย์อีกครั้ง เมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปมาก จนอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้น ถ้ามะเร็งเป็นมากจนมีข้อบ่งชี้ว่าต้องผ่าตัดเอาลูกตาออก ก็ควรจะทำเพื่อที่จะรักษาชีวิตของเด็กเอาไว้ ส่วนเรื่องที่ไม่มีดวงตานั้น แพทย์สามารถใส่ตาปลอมที่เป็นพลาสติกแทนได้ ทำให้เด็กไม่มีปัญหาเรื่องความสวยงาม ที่สำคัญอย่าพาเด็กไปอยู่บ้านเฉยๆ เพราะเด็กจะเป็นมากจนเสียชีวิตได้ แทนที่จะเสียดวงตาเท่านั้น

2. รังสีรักษา

โดยทั่วไปถือว่าโรคมะเร็งจอตาในเด็ก เป็นมะเร็งที่ตอบสนองต่อการรักษาโดยการฉายรังสี อย่างไรก็ตาม ภาวะแทรกซ้อนของการฉายรังสี  คืออาจทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียง ก่อให้เกิดเป็นต้อกระจกในภายหลังได้ และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อจอตาได้เช่นกัน นอกจากนี้ การฉายรังสีจะมีผลต่อการเจริญของเนื้อเยื่อกระดูกที่อยู่ใกล้ๆ ลูกตา อาจทำให้เกิดมะเร็งกระดูกได้

3. เคมีบำบัด

ในปัจจุบันการรักษาโดยวิธีนี้  ช่วยให้หลีกเลี่ยงการฉายรังสีหรือการผ่าตัดนำลูกตาออกได้ในผู้ป่วยบางราย ยาเคมีบำบัดที่ใช้มีหลายชนิด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน ทำให้อาจเกิดผลข้างเคียงได้มากผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล

4. การวางแร่

เป็นวิธีที่ให้รังสีรักษาเฉพาะที่บริเวณก้อนมะเร็ง ซึ่งมีขนาดปานกลาง ข้อดีของวิธีนี้คือผู้ป่วยไม่เสี่ยงต่อภาวะผิดปกติของกระดูกเบ้าตา ภาวะแทรกซ้อนของการวางแร่ อาจเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดในจอตา

5. การรักษาด้วยแสงเลเซอร์

เป็นการรักษาโดยใช้ลำแสงเลเซอร์ เพื่อทำลายก้อนมะเร็งขนาดเล็ก ภาวะแทรกซ้อนของการรักษาด้วยเลเซอร์ อาจเกิดจอตาฉีกขาด จอตาลอกหลุด

6. การจี้ด้วยความเย็น

เป็นการรักษาโดยใช้ความเย็นทำลายเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยวิธีการจี้ความเย็นใช้ได้กับก้อนมะเร็งขนาดเล็ก ภาวะแทรกซ้อนของการจี้ด้วยความเย็น อาจเกิดจอตาฉีกขาด จอตาลอกหลุด ม่านตาอักเสบ

จะเห็นได้ว่า การรักษามีหลายวิธีที่จะสามารถรักษาดวงตาของลูกไว้ได้ หากสังเกตพบความปกติ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกน้อยไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ และทำการรักษาอย่างทันท่วงที ก่อนที่จะสายเกินไปแบบหนูน้อยเทเลอร์ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใยค่ะ

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!

“แสงแฟลช” ทำลายดวงตาเด็กจริงหรือ?

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับดวงตาของเด็กวัยเรียน ที่เกิดจากหน้าจอ


เครดิต: haamor.comaroka108.commanager.co.thsi.mahidol.ac.th