AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลูกน้อยสมองดี…ด้วย กฎทอง 7 ข้อ

สมองดี ด้วยกฎทอง 7 ข้อ

เพื่อลูก “สมองดี” คุณพ่อคุณแม่เองก็สร้างได้ ไม่ต้องเสียเงินทองมากมายก่ายกอง ลองมาอ่านกฎทั้ง 7 ข้อนี้จากปากผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก แล้วลองทำดูกันเลยค่ะ

สมองดี กฎ 1 จงฉวยโอกาสลงทุนวางโครงสร้างสมองดีตั้งแต่ลูกยังเล็ก

สมองเด็กพัฒนาเร็วที่สุด เพิ่มเซลล์สมองและแตกกิ่งก้านสาขาเร็วมากที่สุดตั้งแต่อยู่ในท้องถึง 6 ขวบ นี่เป็นช่วงเวลาทอง เพราะสมองจะวางโครงสร้างทั้งหมด ข้อมูลนี้เป็นที่ประจักษ์ชัด แต่ในทางปฏิบัติ พ่อแม่กลับไม่ใช้ความรู้อันนี้มาลงทุนกับลูก ด้วยการให้เวลาและความเข้าใจในการกระตุ้นสมองทั้งซีกซ้าย – ซีกขวา ผ่านการฝึกให้ลูกมีพื้นฐานที่จำเป็นของการเป็นเด็กเก่ง เด็กดี เด็กฉลาด เช่น เป็นคนช่างสังเกต เข้าใจภาษา มีข้อมูลเพียงพอให้รู้จักคิด รู้จักรับผิดชอบตัวเอง เป็นคนมีเหตุมีผล ควบคุมอารมณ์ มีทักษะทางสังคม แต่พ่อแม่จำนวนมากกลับไม่ได้ใช้เวลากับลูก และหมดโอกาสกระตุ้นสมองลูกด้วยตัวเอง เพราะต้องส่งลูกให้ปู่ย่าตายายที่ต่างจังหวัดเลี้ยง หรือถ้าจำเป็นก็จะส่งลูกไว้ตามเนิร์สเซอรี่”

สมองดี กฎ 2  จงใช้งานสมองลูก มิเช่นนั้นสมองจะถูกทำลาย

“เพราะกลไกสมองมี 2 อย่างคือ กลไกสร้างและกลไกทำลาย (Use It or Lose It) สมองยิ่งใช้งาน เซลล์สมองจะยิ่งแตกกิ่งก้านสาขา การแตกกิ่งก้านสาขานี่แหละทำให้คนฉลาด ไม่ใช่จำนวนเซลล์ ตรงกันข้าม ถ้าเซลล์สมองส่วนไหนไม่ได้ใช้งาน เซลล์สมองก็จะค่อยๆ หดกิ่งก้านสาขาไป คือทำลายตัวเองนั่นเอง และหลังอายุ 7 ขวบไปแล้ว เซลล์สมองจะเพิ่มจำนวนน้อยมาก จึงควรทำให้เซลล์สมองแตกกิ่งก้านสาขาดีกว่า

กฏ 7 ข้อช่วยลูกให้สมองดี

“ด้วยความเข้าใจผิดอย่างมาก ทำให้พ่อแม่ไม่น้อยกำลังค่อยๆ ทำให้สมองลูกทำลายตัวเอง นั่นคือ ความเข้าใจที่ว่า โตไปเดี๋ยวก็รู้เรื่องเอง โตขึ้นลูกจะดูแลตัวเอง โตขึ้นลูกจะเอาความเก่งของเขามาใช้เอง จึงพลาดโอกาสสอน แนะนำ หรือส่งเสริมลูก

“สมมุติเด็กคนหนึ่งเกิดมาพร้อมสมองอัจฉริยะ แต่สภาพแวดล้อมไม่ส่งเสริมเลย ก็ไม่มีทางที่ลูกจะฉลาดในทางนั้น เช่น ถ้าลูกมีสมองที่เป็นแบบโมซาร์ท แต่ที่บ้านไม่มีเครื่องดนตรี พ่อแม่ก็ไม่สนใจเรื่องดนตรี ก็ไม่มีทางเลยที่ลูกจะเป็นนักดนตรีหรือสนใจดนตรีได้ ตรงกันข้าม เด็กอาจมีสมองส่วนของการฟังไม่ดี แต่ถ้าเขาได้รับการกระตุ้น เช่น แม่ให้ฟังดนตรีตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ก็เป็นได้ว่าเขาจะสามารถทำได้ดีกว่าเด็กคนอื่น แต่อาจไปไม่ถึงอัจฉริยะ เพราะจริงๆ แล้วพื้นสมองส่วนนั้นของเขาไม่ค่อยดี”

 เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

สมองดี กฎ 3 จงตัดสินว่าควรส่งเสริมความสามารถอะไรให้ลูกโดยดูที่ความรัก ความชอบ และผลที่ทำออกมา

“ถ้าลูกมีความรักความชอบที่จะทำกิจกรรมนั้น แต่ทำได้ไม่ดีนัก เราก็จะรู้ว่าลูกเราอาจไม่ถนัดทางนี้ แต่ถ้าลูกเรียนรู้ได้เร็ว ทำได้ดี ก้าวหน้า แต่กลับบอกหรือแสดงอาการว่าไม่เอา ไม่ชอบ ไม่อยากไปเรียน ก็เป็นไปได้ว่าลูกไม่มีความสุขในการเรียน ก็ต้องไปหาครูที่ทำให้เด็กสนุก จึงจะยิ่งเห็นศักยภาพจริงๆ ของลูก และคุณจะไม่กลายเป็นพ่อแม่ที่บังคับให้ลูกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ”

กฏ 7 ข้อช่วยลูกให้สมองดี

สมองดี กฎ 4 จงให้ลูกได้ใช้ประสาทสัมผัสหลายๆ อย่างในการเรียนรู้

“เพราะสมองสามารถรับรู้ข้อมูลในหลายรูปแบบ จากการทดลองว่า เด็กจะเข้าใจคำศัพท์คำหนึ่งถ้าใช้วิธีพูดให้ฟังเฉยๆ กว่าเด็กจะเข้าใจต้องพูดถึง 300 ครั้ง แต่ถ้าเราให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสที่หลากหลาย ยิ่งเป็นทางลัดทำให้การจดจำ และความเข้าใจด้วยจิตใจ เช่น สอนให้รู้จักรสชาติ บอกว่าเผ็ด ทำท่าทางให้ดู กับให้ชิมเลย ทีเดียว เด็กจะจำ รู้จัก เข้าไปถึงหัวใจเลย

“ได้เห็นรูปภาพที่ใกล้เคียงกับของจริงรับรู้ได้มากกว่าภาพการ์ตูน ให้เห็นของจริงก็ยิ่งรู้จักมากกว่าเห็นจากรูปภาพ ได้สัมผัส ได้ลิ้มรส ก็ยิ่งจดจำและเข้าใจได้มากกว่าเห็นของจริง”

อ่านต่อ กฎข้อที่ 5 – 7 เพื่อสร้างลูกน้อยสมองดี คลิกหน้า 2

สมองดี กฎ 5 จงทำมากกว่าพูด

“เพราะช่วงวัยเด็ก สมองส่วนล่างทำงานมากกว่าสมองส่วนอื่น สมองส่วนล่างทำงานกับระบบจิตใต้สำนึก ระบบจิตใต้สำนึกจะเรียนรู้จากการซึมซับ จากการเห็นต้นแบบ การดูต้นแบบ และการเรียนรู้นี้เป็นการวางองค์ประกอบต่างๆ เช่น บุคลิก นิสัย วิธีคิด ความฉลาด ความชอบไม่ชอบ ทัศนคติต่อโลกและสังคม ซึ่งเหล่านี้จะอยู่ในโครงสร้างสมอง

“เราบอกให้ลูกเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ไม่ขโมย แต่พอเห็นลูกหยิบเงิน เรา บอกลูกว่า ขโมยสตางค์แม่ไม่ดีนะลูก แต่สิ่งที่พ่อแม่ทำตลอดเวลาคือ ปรึกษากันว่าจะโกงหลวงอย่างไร จะเอาเปรียบลูกค้าได้อย่างไร เราบอกลูกว่าอ่านหนังสือดี ปากบอกลูกอ่านหนังสือสิลูก แต่พ่อแม่ไม่อ่านหนังสือเลย ดูละคร ดูหนังตลอด ก็เป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะอ่านหนังสือ เราไม่อยากให้ลูกเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่พอเกิดเหตุขัดใจ พ่อแม่แก้ปัญหาด้วยการด่าทอ ทำร้ายกัน แล้วลูกจะอารมณ์เย็นได้อย่างไร

“ไม่ว่าคุณจะพูดจะสอนอย่างไร ไม่มีความสำคัญกับเด็ก สิ่งที่คุณทำอย่างไรต่างหาก คือสิ่งที่ลูกจะทำและเป็น

“ดิฉันเชื่อว่าคนที่มีลูกคือคนที่มีบุญอย่างหนึ่ง ลูกทำให้เราดีขึ้น ถ้าเราไม่มีลูกเราจะนอนขี้เกียจ ไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตใครมากมาย แต่เพราะลูก เราจะเห็นชัดว่า เราจะทำตัวไม่ดีไม่ได้

กฏ 7 ข้อช่วยลูกให้สมองดี

สมองดี กฎ 6 จงสร้างลูกให้รักการอ่านตั้งแต่ลูกนั่งตักได้

“การบังคับให้ลูกอ่าน-เขียนได้เร็ว ยังไม่ 2 ขวบท่อง ก ข ค ได้ นั่นไม่ได้มีความหมายกับลูกเลยเพราะเขายังไม่เข้าใจ แล้วจะปัญญาเลิศอย่างไร

“หากให้ความสำคัญกับหนังสือเล่มแรกของลูก เมื่อลูกนั่งตักได้คุณอ่านนิทานภาพประกอบให้ลูกฟังทุกๆ วัน ลูกจะสนุกและมีความสุข สร้างความคุ้นเคยกับหนังสือตั้งแต่เล็ก นี่ต่างหากที่จะทำให้ลูกรักการอ่าน อ่านหนังสือเป็นเร็ว อ่านเก่งสามารถเชื่อมโยงความรู้จากการอ่านได้ สมองแตกกิ่งก้านสาขาได้มาก”

อ่านเพิ่มเติม ชวนลูกอ่านหนังสือ พัฒนาสมอง ด้วยเคล็ดลับ 7 ข้อ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

กฎ 7 จงอย่าตามใจตัวเองมากเกินไป

“โดยเฉพาะช่วง 6 ขวบแรก พ่อแม่ต้องตัดใจจากความรื่นรมย์ ความสบายบ้าง เช่น ดูละคร ดูหนัง หรือปล่อยโอกาสทำอะไรที่ช่วยพัฒนาสมองลูกไป

“คุณอาจแย้งว่า พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์สนุกเลยหรือ ต้องย้อนไปกฎข้อแรก ช่วงลูกเล็กคือเวลาทองของการสร้างสมองลูก การเลี้ยงลูกไม่ใช่จับคุณพ่อคุณแม่ไปเข้าคุกเสียเมื่อไร การใช้เวลากับเด็ก เราหยอดอะไรลงไป จะเห็นผลทันที การเห็นลูกก้าวหน้า พัฒนา ไม่ใช่ความมหัศจรรย์ ไม่เป็นความสุขยิ่งกว่าการดูหนัง ดูละครหรอกหรือ ถ้าใช่ ขอให้ช่วยกันลงทุนตรงนี้เถอะ”

 

บทความโดย: ผศ. ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ ประธานศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพ สถาบันวิจัยและพัฒนาการศึกษาพิเศษ มศว

ภาพ: Shutterstock

 

บทความน่าสนใจอื่นๆ

เพลงพัฒนาสมอง ช่วยแม่เพิ่มพลังสมองลูกไม่มัวแต่พึ่งครู!!

เยอะมากแม่! 12 ประโยชน์ของอะโวคาโด พัฒนาสมอง ป้องกันลูกพิการตั้งแต่ในท้อง

6 ปัจจัยสำคัญ ช่วยพัฒนาสมอง ทำให้ลูกฉลาด