การเป็นพ่อแม่ที่ดี ไม่ใช้แค่เลี้ยงลูกให้ข้าวให้น้ำให้เติบโตขึ้นมา แต่ต้องคอยให้ความรักและอบรมลูกเพื่อให้โตเป็นคนดี มีชีวิตอยู่ในอย่างสังคมได้อย่างปกติสุข
ซึ่งสิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูก คือความพร้อมของพ่อแม่ หากตัวพ่อแม่ไม่มีความพร้อม ครอบครัวมีปัญหา ก็อาจเป็นปมต่อลูกน้อยไปตลอดชีวิตได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ที่เด็กน้อยวัยเพียง 7 เดือนต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ในห้องขัง โดยที่เด็กน้อยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
วิธี การเป็นพ่อแม่ที่ดี ของลูก ไม่ยากอย่างที่คิด
แต่อย่างไรก็ดี ในความโชคร้ายและชะตากรรมที่เด็กน้อยต้องพบเจอ ก็ยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ผู้คุมขังของเรือนจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนท่านหนึ่งเกิดความเวทนาและสงสารเด็กน้อย จึงตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อช่วยให้เด็กน้อยได้พบเจอกับสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่านี้
โดยถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกแชร์และได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้คุมขังเรือนจำได้ออกมาโพสต์แชร์เรื่องราวของหนูน้อยวัย 7 เดือน ที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่เพิ่งโดนจับ ซึ่งจากความไร้เดียงสาของเด็กที่ไม่ได้มีความผิดอะไร
ทำให้ผู้คุมขังเกิดความสงสารเนื่องจากเด็กเล็กๆ แบบนี้ต้องมาอยู่ในสภาพห้องขัง คงไม่ดีต่อสุขภาพกายและใจของเด็กอย่างแน่นอน ผู้คุมจึงได้ทำการอุ้มเด็กน้อยออกจากห้องขังเพื่อพาไปเดินเล่นเปิดหูเปิดตาบ้าง โดยผู้คุมขังได้ออกมาโพสต์เล่าว่า…
“ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้…เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร จะด้วยเพราะหน้าที่รับผิดชอบ หรือ จริยธรรมศีลธรรม หรือ สิทธิมนุษยชนก็ดี อะไรก็ดี ผมก็ไม่รู้น่ะนะว่าอะไรดี ไม่ดี
แต่ที่รู้ๆ “ทนเห็นเด็กอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ได้นาน” อย่างน้อยๆสิ่งที่ผมทำได้ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของผมซักเท่าไหร่? กับการให้เด็กได้หายใจโล่งๆ ได้มองฟ้ามองแดดบ้างไรบ้าง? ไม่ต้องขลุกอยู่กับแม่และความผิดที่เด็กน้อยไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรด้วยเลย
อ่านต่อ “กรรมที่เด็กไม่ได้ก่อ!! ผู้คุมเรือนจำตัดสินใจทำสิ่งนี้…!?” คลิกหน้า 2
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: ผู้คุมไทย ใจเกินร้อย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อย่างไรก็ตามเคสนี้ด้านผู้คุมยังได้บอกอีกว่า…
สำหรับหญิงผู้ต้องขังมีลูกทั้งหมด 4 คน คนที่ผมอุ้มมาอ่อมแดดนี้เป็นคนที่ 4 วัย 7 เดือน ส่วนอีกสามคน อยู่กับแม่เฒ่าของผู้ต้องขัง อย่าถามถึงญาติพี่น้องหรือพ่อของเด็ก เพราะลูก 4 คนมารดาเดียวกันแต่คนละพ่อ
ดังนั้นแล้วใครที่กำลังมีลูกน้อย หรือเด็กที่อยู่ในการดูแล การที่จะกระทำผิดอะไรก็ตามแต่ ควรพึงระลึกให้มาก คิดให้เยอะๆว่าหากได้เข้ามาอยู่ใน “คุก”แบบนี้ จะนาน จะไม่นาน ก็แล้วแต่ ถ้าคุณไม่ได้เลี้ยงดูลูกน้อยในสถานที่ที่อิสระ หรือหมดอำนาจที่ได้อยู่ดูแลตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ลูกก็จะต้องตกไปอยู่ใน “สถานสงเคราะห์เด็ก” จนกว่าท่านจะพ้นโทษหรือจนกว่าจะมีญาติพี่น้องของท่านรับไปอุปการะดูแลต่อไป…ซึ่งนั้นก็อาจทำให้ความเป็นครอบครัวถูกทำลายลง จนเกิดเป็นปัญหาสังคมขึ้นมาได้
เพราะการเป็น “พ่อแม่” ที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเป็นแม่ที่ดีนั้นไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกด้วยการให้นมป้อนข้าวป้อนน้ำให้ลูกเติบโตทางด้านร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการดูแลให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีคุณภาพครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาและจิตใจด้วย ซึ่งลูกจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์นั้นก็ต้องมาจากการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่ดีนั่นเอง
พ่อแม่ที่ดีควรเป็นอย่างไร?
- มีความพร้อมที่จะเป็นพ่อเป็นแม่ เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะหนึ่งในปัญหาของสังคมในปัจจุบันมักมีจุดเริ่มต้นมาจากคนที่ไม่พร้อมจะเป็นแม่แต่มีลูกขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจที่จะมี ซึ่งเมื่อให้กำเนิดลูกออกมาก็ไม่ได้เลี้ยงดูและอบรมเอาใจใส่เท่าที่ควร จึงทำให้ลูกเป็นเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่น และมักจะมีพฤติกรรมที่สร้างปัญหาให้สังคม
ดังนั้นการเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดี ต้องเริ่มต้นที่การมีความพร้อมในการที่จะเป็นพ่อแม่ก่อนสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นการมีวุฒิภาวะและวัยที่พร้อมต่อการมีลูก มีการวางแผนครอบครัวที่ดี มีรายได้ และหลักฐานที่มั่นคงเพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกให้ได้กินอิ่ม นอนหลับ ปลอดภัย แข็งแรง และได้รับการศึกษาที่ดีได้
- มีเวลาให้กับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะอยู่ในวัยใดก็ตามต่างก็อยากให้แม่มีเวลาให้เขาอยู่เสมอ ยิ่งตอนที่ลูกยังเล็กอยู่ พ่อแม่ยิ่งต้องให้เวลากับลูกมากที่สุด แม้จะมีภาระหน้าที่การงานมากเพียงใดก็ตาม ก็ต้องให้เวลาแก่ลูกในการอุ้ม การกอด การพูดคุย ทำกิจกรรมด้วยกัน เช่น เล่นกับลูก เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน
เมื่อลูกโตเป็นวัยรุ่นซึ่งอยู่ในวัยที่แสวงหาตัวตน พ่อแม่ก็ควรจะปรับตัวให้เป็นเหมือนแหล่งพักพิงใจให้กับลูก โดยให้เวลาในการพูดคุยเป็นที่ปรึกษาให้กับลูก ๆ อยู่เสมอด้วยความเข้าใจ และอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่ายามที่ลูกสุขหรือทุกข์ก็ตาม
- รักและให้อภัย คนเป็นพ่อแม่สามารถแสดงความรักกับลูกได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโอบกอด อุ้มหอม แก้ม ลูบหัว การพูดจาที่อ่อนโยนและให้กำลังใจกับลูก พ่อแม่ที่แสดงให้ลูกรู้ว่ามีความรักให้กับลูกอยู่เสมอนั้น จะทำให้ลูกเป็นคนที่มีความสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดีมากกว่าเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่
นอกจากนี้ เมื่อลูกทำผิด หรือมีความผิดพลาดในสิ่งใดก็ตาม เช่น ทำข้าวของเสียหายหนีเที่ยว สอบตก ฯลฯ พ่อแม่ที่ดีควรเข้าใจ รับฟัง และให้อภัยลูกอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรละเลยในการตักเตือน หรืออาจมีการลงโทษว่ากล่าวตามสมควร ซึ่งก็อย่าใช้วิธีลงโทษรุนแรงด้วยการทำร้ายร่างกาย หรือด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายกับลูกเลย เพราะนั่นจะเป็นการสร้างบาดแผลในใจลูกให้คิดไปว่าพ่อแม่เกลียดตนเอง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ลูกกลายเป็นคนก้าวร้าวดุดันและประชดทำในเรื่องร้าย ๆ มากยิ่งขึ้นได้
อ่านต่อ >> “กฎของการเกิดมาเป็นพ่อแม่ที่พึงกระทำเมื่อมีลูก” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
พ่อแม่ที่ดีควรเป็นอย่างไร (ต่อ)
- อย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีคำที่กล่าวกันว่า“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะลูกจะซึมซับพฤติกรรมของพ่อแม่ไว้ ฉะนั้น พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็มักจะเป็นเช่นนั้นนั่นเอง ถ้าตัวพ่อแม่เองยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกไม่ได้ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ดีได้เลย ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าพ่อแม่เป็นคนที่มีนิสัยหยาบคาย ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อยได้ หรือถ้าพ่อแม่เป็นคนมีนิสัยปลิ้นปล้อนหลอกลวง ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ซื่อตรงและจริงใจได้ เป็นต้น
สิ่งที่ควรทำสู่การเป็นพ่อแม่ที่ดี
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่พ่อแม่สามารถทำให้กับลูกอย่างง่ายๆ เพื่อให้ลูกรับรู้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้ และเพื่อให้ลูกได้เติบโตเป็นคนดี ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ดังนี้
1. ชมลูกให้มากขึ้น
วิธีที่จะทำให้ชมลูกน้อยได้มากขึ้น ให้ลองเอากำไลมาคล้องที่แขนเขาเอาไว้ 3 ห่วงในตอนเช้า และระหว่างวันหากชมลูก 1 ครั้ง ให้ดึงกำไลออกทีละห่วงจนกว่าจะหมด ซึ่งก็หมายความว่าแต่ละวันคุณจะได้ชมลูกถึง 3 ครั้งเลยแหละ
2. เอาใจใส่ลูกให้มากขึ้น
จริงอยู่ที่พ่อแม่สมัยนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกมากนัก แต่ถ้าคุณเอาเวลาที่เหลือจากการทำงาน มาเล่นกับลูกบ้างสัก 20-30 นาทีแทนที่จะก้มหน้าอยู่กับโซเชียลมีเดีย แค่นี้ลูกของคุณก็จะรู้สึกได้แล้วล่ะว่าคุณเอาใจใส่เขา
3. กอดลูกให้นานขึ้น
การมอบความรักความอบอุ่นให้กับลูกทำได้ไม่ยาก แค่กอดเขาให้นานกว่าเดิมอย่างน้อย 6 วินาที ก็จะทำให้สารอ๊อกซิโตซิน (Oxytocin) หรือฮอร์โมนแห่งความผูกพัน และสารซีโรโทนิน (Serotonin) ที่ทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลายหลั่งออกมา
4. พ่อแม่ควรดูแลความรักของตัวเองให้ดี
หากคุณพ่อและคุณแม่ยังรักกันหวานแหววเหมือนเดิม ก็จะยิ่งทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นมีความสุขด้วยนะ ฉะนั้นเมื่อต้องใจเย็นมีเหตุผลกับลูกแล้ว คุณทั้งคู่ก็ต้องทำให้กันและกัน และหมั่นเติมความหวานให้กันบ่อย ๆ ด้วยนะคะ
5. พ่อแม่ไม่ควรเถียงกันเรื่องลูก
ก็รู้ว่าคุณพ่อและคุณแม่จะต้องมีความคิดเห็นและแนวทางการเลี้ยงลูกที่ไม่เหมือนกันบ้าง แต่หากเอาแต่เถียงกันว่าจะดูแลและแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกยังไง นั่นยิ่งจะทำให้ลูกรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ ดีไม่ดีเขาจะเอาความรุนแรงแบบนี้แหละไปใช้
6. ดูแลลูกให้สมกับวัย
คุณพ่อคุณแม่บางคนก็อาจจะดูแลลูกที่ยังเล็กอยู่แบบหนักเกินไปเหมือนเด็กโตแล้ว และบางทีเด็กที่โตแล้วก็ถูกเลี้ยงดูอย่างกับเด็กน้อย หากเป็นแบบนี้คงไม่ดีต่อลูก ๆ ของคุณแน่นอน ฉะนั้นดูแลให้เหมาะสมกับวัยจะดีกว่านะคะ
7. ไม่หยุดที่จะเรียนรู้การเป็นพ่อแม่
เมื่อไรที่มีคำแนะนำหรือมีข้อมูลดี ๆ ในการเลี้ยงลูก อย่าปฏิเสธที่จะรับสิ่งดี ๆ เหล่านั้น แม้ว่าคุณจะเลี้ยงลูกมาโตแล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องเรียนรู้การเป็นพ่อแม่ที่ดีต่อไป
นอกเหนือจากวิธีเหล่านี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะเข้าใจ รับฟังความคิดเห็น และอยู่ใกล้ชิดกับลูกให้มากขึ้นด้วยนะคะ เพราะสำหรับเด็ก ๆ แล้ว คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านั้นแล้วล่ะ ^_^
อย่างไรก็ดีสำหรับคู่สามีภรรยาที่วางแผนจะเป็นพ่อแม่คนนั้น ควรเริ่มต้นในการที่จะเช็กตัวเองดูก่อนว่าใจพร้อม กายพร้อม ความรับผิดชอบพร้อม ที่จะดูแลชีวิตน้อย ๆ ที่จะเกิดมาได้อย่างดีหรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าพร้อมแล้ว และได้เป็นพ่อแม่คนแล้วก็ควรจะเป็นพ่อแม่ที่ดูแล ทะนุถนอม เอาใจใส่ และมีเวลาให้กับลูกอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นพ่อแม่ที่มีความรักและให้อภัยกับลูกเสมอ ที่สำคัญจงเป็นพ่อแม่ที่ลูก ๆ ภูมิใจ อย่าเป็นพ่อแม่ที่เป็นตัวอย่างเลวร้ายให้กับลูกเลย
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- การเลี้ยงลูก ให้ประสบความสำเร็จ พ่อแม่ต้องเป็นทีมเดียวกัน!!
- 9 คาถาสู่การเป็น พ่อแม่ที่ดี และมีคุณค่า
- 10 คำพูดดีๆ ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่
- ทำ หน้าที่พ่อแม่ ให้ดีที่สุด หยุดกังวลเกินเหตุจนบั่นทอนจิตใจตน
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th , baby.kapook.com