วิธีเลี้ยงลูก ให้มีความฉลาดทางเชาว์ปัญญา (IQ) ควบคู่ไปกับความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) นั้น เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้มนุษย์เราประสบความสำเร็จในชีวิต และมีความสุข ความฉลาดทั้ง 2 อย่างนี้สามารถกระตุ้น และพัฒนาให้ดีขึ้นได้จากการเลี้ยงดูตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ไปจนถึงช่วงวัยรุ่นอายุ 18 ปี
วิธีเลี้ยงลูก ที่ส่งผลไปถึงอนาคต
กรมสุขภาพจิต เผยความเชื่อในการเลี้ยงลูกแบบผิดๆ ของพ่อแม่ เช่น การเลี้ยงลูกแบบสุขสบาย การทำทุกอย่างแทนลูก การเลี้ยงลู้ด้วยสิ่งของ และการแสดงความรักมากเกินไป เป็นการขัดขวางพัฒนาการทั้งทางด้าน IQ และ EQ ของลูก
- IQ เป็นความฉลาดที่ติดตัวมาแต่กำเนิด บ่งบอกถึงความสามารถทางการเรียนรู้ การจดจำ การคิด การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล และการติดต่อสื่อสาร
- EQ เป็นความฉลาดที่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ มีความเข้าใจในความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น และควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสม
ซึ่งทั้ง 2 Q นี้ สามารถกระตุ้น และพัฒนาให้ดีขึ้นได้จากการเลี้ยงดู ซึ่งเริ่มได้ตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ ไปจนถึงเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอายุ 18 ปี หากเด็กได้รับเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง จะเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ใช้ความสามารถทางสติปัญญาตนเองได้อย่างเต็มที่
IQ และ EQ มีบทบาทส่งเสริมการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งกันและกัน การมี EQ สูงจะช่วยให้การเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตดีขึ้น แต่คนที่มีไอคิวสูงอย่างเดียวอาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้หากมี IQ ธรรมดาแต่มี EQ สูงทำให้ประสบความสำเร็จ หรือหากมี IQ และ EQ สูงทั้งคู่ก็ยิ่งประสบความสำเร็จมาก
อ่าน “อุปสรรคในการเลี้ยงลูก” คลิกหน้า 2
อุปสรรคในการเลี้ยงลูก
อุปสรรคสำคัญที่ทำให้เด็กไทยยังมี IQ และ EQ ไม่เต็มศักยภาพ ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อผิดๆ ในการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ ทำให้เด็กสูญเสียโอกาสที่จะพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคมอื่น ๆ เช่น
- เชื่อว่าการรักลูก คือการเลี้ยงดูให้ลูกสุขสบาย พ่อแม่ทำทุกอย่างแทนลูก
- เชื่อว่าเด็กเล็กยังไม่จำเป็นต้องสอนอะไรมาก โตขึ้นเด็กจะเรียนรู้และคิดอะไรได้ด้วยตนเอง จึงมักปล่อยปละละเลย ไม่จัดการอะไรเมื่อลูกทำสิ่งไม่ถูกต้อง
- เชื่อว่าการให้ของทุกอย่างที่ลูกต้องการ คือการแสดงว่าพ่อแม่รักลูก
- เชื่อว่าคนที่เก่ง และประสบความสำเร็จในชีวิต คือคนที่เรียนดี จึงมุ่งให้ลูกเรียนอย่างเดียว ไม่ต้องรับผิดชอบงานหรือกิจกรรมอื่นๆ
ความเชื่อเหล่านี้จะทำให้เด็กขาดโอกาสได้รับการพัฒนา ทำให้เด็กปรับตัวได้ยาก ไม่รู้จักการเป็นผู้ให้ เมื่อพบความผิดหวังในการเรียนหรือทำงาน จะไม่สามารถปรับตัวได้ โดยความรักที่ถูกต้องของพ่อแม่คือการเลี้ยงดูให้ลูกช่วยเหลือตนเองและพึ่งพิงตนเองได้ จะทำให้เด็กเป็นอิสระมีความภาคภูมิใจตนเอง และเข้าใจคนอื่น เด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบาย จะขาดความอดทน ขาดความเข้าใจเห็นใจคนที่ยากลำบาก ไม่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่น
ซึ่งปัญหาข้างต้นนั้น ผู้เขียนเชื่อว่าคงเกิดขึ้นกับหลายๆ บ้าน โดยเรื่องนี้ นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ทั่วไป ได้กล่าวว่า ส่วนใหญ่เกิดจากการเลี้ยงลูกเป็นหลัก ส่วนที่เหลืออาจมาจากความเจ็บป่วยของตัวเด็กที่ส่งผลตามมาทางด้านพฤติกรรม ไม่ว่าสาเหตุมาจากที่ใดก็ตาม คงต้องย้อนกลับไปมองที่ครอบครัวว่า คุณกำลังเลี้ยงลูกอยู่บนปากเหวหรือไม่?
สำหรับครอบครัวที่อยู่บนปากเหวนั้น นพ.กัมปนาท ได้ขยายความว่า เป็นครอบครัวที่เลี้ยงลูกบนความเสี่ยงแล้วมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตตามมา เช่น พ่อแม่ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต (ไม่ว่าจะได้รับการรักษาหรือไม่ก็ตาม) เมื่อมีลูก ย่อมมีความเสี่ยงที่จะถ่ายทอดความเจ็บป่วยมาทางพันธุกรรมได้เช่นกัน
ความเสี่ยงต่อมา คือ พ่อแม่ที่มีปัญหาด้านบุคลิกภาพ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพจิตชนิดหนึ่งที่สะท้อนวิธีคิดไม่เหมาะสมไปตามปัญหาของพ่อแม่เหล่านั้น เช่น ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ไม่มีทักษะในการสื่อสาร หรือแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงพ่อแม่ที่มีความขัดแย้งกันหลายเรื่อง พ่อคิดอย่าง แม่คิดอย่าง ทำให้ลูกเกิดความสับสน และไม่รู้จะเชื่อใครดี ในที่สุดก็ตามเพื่อน เพราะคิดว่าเข้าใจที่สุด อีกทั้งพ่อแม่ที่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ถึงแม้จะไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่ก็พบว่า เป็นสาเหตุที่เจอได้บ่อยในการทำให้ลูกสับสนในการดำเนินชีวิต เช่น การไม่สื่อสารแบบตรงไปตรงมา จนลูกสับสนว่า โลกแห่งความเป็นจริงนั้นคืออะไร หรือการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลเป็นอย่างไร
ไม่ต่างจากครอบครัวที่ขาดความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหา มีความเสี่ยงเหมือนกัน เพราะบางเรื่องหากตึง หรือหย่อนเกินไป โดยอ้างเหตุผลความชอบของตนเอง แต่ไม่ได้อ้างอิงตามสถานการณ์ภายนอก หรือมาตรฐานของสังคมที่ควรจะเป็น อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของลูกได้
อ่าน “4 วิธีเลี้ยงลูกให้ล้มเหลวในอนาคต” คลิกหน้า 3
4 วิธีเลี้ยงลูกให้ล้มเหลวในอนาคต
1.ลูกโตมาท่ามกลางความเอาอกเอาใจ
การเลี้ยงลูกผิดๆ ของพ่อแม่ ในประเภทที่เอาอกเอาใจให้ได้ทุกอย่าง หรือคอยช่วยเหลือจนลูกไม่เคยช่วยเหลือตัวเอง หรือพบกับความผิดหวัง และความยากลำบากด้วยตัวเองเลย จนลูกกลายเป็นเด็กหลงตัวเอง ซึ่งแทบไม่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต เด็กเหล่านี้เสี่ยงต่อการเติบโตเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ ขาดการควบคุมอารมณ์ที่ดีพอ ตามมาด้วยปัญหารุนแรงต่าง ๆ เช่น ก้าวร้าวใส่ผู้อื่น หรืออาจจะก้าวร้าวใส่ตัวเองก็เป็นได้ นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการติดสารเสพติด และอะไรทั้งหลายที่พึงติดได้ ไม่ว่าจะเป็น เกม อินเทอร์เน็ต การพนัน เป็นต้น
2.ลูกเติบโตมาท่ามกลางพ่อแม่ที่ขาดวินัย
คือไม่สามารถเป็นแบบอย่างของการมีวินัยให้ลูกเห็นได้ รวมทั้งไม่สามารถควบคุมลูกให้อยู่ตามกฎเกณฑ์ที่ควรเป็นได้ เพราะรู้สึกว่า การควบคุมให้ลูกมีวินัยนั้น เป็นการทำร้ายจิตใจลูก ดังนั้น เด็กที่โตมาท่ามกลางชีวิตที่ไม่มีกฎระเบียบ ไม่มีเป้าหมายในชีวิต จะขาดความอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ ที่ประดังเข้ามา
3.ลูกโตมาโดยขาดความรักอย่างแท้จริง
ไม่ใช่การตามใจแล้วบอกว่ารัก หรือเลี้ยงลูกด้วยการให้เงินปรนเปรอความสุขเพื่อทดแทนเวลาที่พ่อแม่ไม่สามารถให้ได้ มักนำไปสู่ปัญหาบุคลิกภาพแบบขาดความรัก พึ่งพิงผู้อื่น และอิจฉาผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่เด็กกลุ่มนี้มักลงเอยด้วยอารมณ์ซึมเศร้า หรือบางรายถึงกับคิดสั้นฆ่าตัวตายก็มี
4.ลูกโตมาโดยขาดคุณธรรม และจริยธรรม
การ เลี้ยงลูกผิด ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เนื่องจากพบว่า เด็กที่เกิดมาท่ามกลางครอบครัว หรือคนใดคนหนึ่งในครอบครัวที่ขาดคุณธรรมจริยธรรม เด็กจะเลียนแบบพฤติกรรมนั้น ๆ จนกลายเป็นสันดานโจรติดตัวในที่สุด
สุดท้าย นพ.กัมปนาท ฝากถึงพ่อแม่ทุกคนว่า การลงทุนเลี้ยงลูกด้วยใจ มีความสำคัญกว่าการให้เงิน นอกจากนี้ระเบียบวินัยเป็นเรื่องสำคัญมากในครอบครัว ที่สำคัญคุณธรรมจริยธรรม พ่อแม่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นเมื่อนั้นครอบครัวจะมีลูกที่เติบโตท่ามกลางความภาคภูมิใจในตัวเอง พ่อแม่และลูกต่างก็มีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย รวมถึงมีอนาคตที่สดใสด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!
- กระทู้ดีจากพันทิป! แนวทาง การเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ที่น่ารัก
- 8 ข้อผิดพลาดของ คุณแม่มือใหม่ ในการเลี้ยงลูกคนแรก
- การเลี้ยงลูก จะให้ดี ควรเลี้ยงลูก ด้วยทางสายกลาง
- บอกต่อเคล็ดลับเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ ด้วยวิถีการเลี้ยงลูกเชิงบวก กับหมอเสาวภา
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่