สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่รักลูกมากๆ ก็จะเปรียบลูกเป็นเสมือนแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าสิ่งที่ดีสุดสำหรับลูก คุณพ่อคุณแม่ก็พร้อมที่จะตามใจและสรรหามาให้ด้วยความรักและความห่วงใยที่มีทั้งหมด โดยที่ไม่คาดคิดเลยว่า การตามใจมากจนเกินพอดีนั้น จะส่งผลร้ายแก่ลูกมากมาย
การปล่อยให้เด็กๆ ได้สิ่งที่ต้องการโดยไม่บอกถึงเหตุและผลให้พวกเขาได้เข้าใจ หรือเรียกว่า การ”สปอยล์” ลูก อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ทำให้ลูกเกิดนิสัยเสียขึ้นมาได้ ซึ่งปัจจุบันมีพ่อแม่จำพวกนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ครอบครัวชนชั้นกลาง หรือครอบครัวที่มีฐานะดีขึ้นมาหน่อย ครอบครัวที่ว่านี้มีโอกาสสร้างลูกให้เป็นเด็กสปอยล์เป็นอย่างมาก
ทำไมพ่อแม่ถึง สปอยล์ลูก มากไป
สาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากพ่อแม่ยุคนี้มีค่านิยมที่ต้องการมีลูกคนเดียว หรืออย่างมากก็มีลูกไม่เกินสองคน ยิ่งแนวโน้มหนุ่มสาวแต่งงานกันเมื่ออายุมากขึ้นเพิ่มจำนวนมากเท่าไร โอกาสที่จะมีลูกยากก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มพ่อแม่ที่พร้อมจะสปอยล์ลูกทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพราะมีเป้าหมายจะดูแลลูกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งมีลูกยากก็จะยิ่งกลายเป็นลูกหัวแก้วหัวแหวนของพ่อแม่ไปโดยปริยาย
ซึ่งพ่อแม่ในกลุ่มนี้มักจะตอบสนองลูกในทุกเรื่อง ตั้งแต่แรกเกิดก็จะประคบประหงม ไม่ยอมให้ลูกร้องไห้ ไม่ยอมให้หิว บางทีลูกยังไม่ทันได้รู้สึกหิวด้วยซ้ำ บางคนหนักถึงขั้นลูกเกิดมาไม่เคยรู้สึกหิวเลยก็มี เพราะจะเตรียมให้ลูกไม่ได้ขาด ลูกอยากได้สิ่งใดก็ตามใจลูก ไม่อยากให้ลูกเสียใจหรือร้องไห้ อยากได้อะไรก็มักจะได้ เรียกว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ไม่ยอมให้ลูกเจ็บตัวเด็ดขาด
เมื่อเด็กเรียนรู้ว่าทุกคนรักเขา และให้ความสำคัญกับเขา เขาก็เรียนรู้วิธีต่างๆ ได้มากมายกว่าที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ คิด บางครั้งเขาเรียนรู้ว่าถ้าลงไปนอนดิ้นกับพื้นเมื่อไร พ่อแม่จะต้องตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการได้ หรือพ่อแม่บางคนจะทนไม่ได้เมื่อเห็นลูกร้องไห้ กลัวลูกไม่รัก หรือต้องการตัดความรำคาญก็ตอบสนองความต้องการของลูกทันที เด็กก็ยิ่งจดจำวิธีการเหล่านั้น เพราะลูกฉลาดพอที่จะรู้ว่าจะต้องทำอะไรอย่างไรกับใครถึงจะได้สิ่งที่ตนเองต้องการนั่นเอง
ยิ่งถ้าพ่อแม่ต้องทำงานนอกบ้านทั้งสองคน ส่วนมากมักจะรู้สึกผิด ก็เลยไม่ค่อยปฏิเสธลูก ลูกอยากได้อะไรก็ยอม ซึ่งบ่อยครั้งการตอบสนองจะออกมาในรูปของวัตถุมากกว่า โดยหารู้ไม่ว่า ได้กลายเป็นการสะสมบ่มเพาะนิสัยที่ไม่ดีหลายๆ อย่างให้เกิดขึ้นในตัวลูก
แต่หากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ยอมรับ หรือไม่รู้ตัวว่าคุณสปอยล์ลูก มากเกินไป Amarin Baby & Kids มีสัญญาณเตือนของเด็กนิสัยเสีย อันเนื่องมาจากการถูกพ่อแม่สปอยล์มากเกินไป มาให้ดูกัน ดังนี้ค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
สัญญาณเตือนลูกเริ่ม ‘นิสัยเสีย’ เพราะพ่อแม่สปอยล์มากเกินไป
1. มีอารมณ์ร้อนเกรี้ยวกราดบ่อยครั้ง
หากหนูน้อยเริ่มมีอาการหงุดหงิดบ่อยๆ กรีดร้อง เกรี้ยวกราด ชักสีหน้าแสดงอาการให้รู้ว่าไม่พอใจ นับเป็นหนึ่งอาการที่เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า ลูกเริ่มถูกสปอยล์มากไปแล้วค่ะ
2. เถียงคำไม่ตกฟาก
คำนี้เราๆ คงได้ยินมาแต่โบราณรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย หากมีเด็กพูดเถียง ไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิด หรือผู้ใหญ่พูดเตือนอะไรแล้วเถียงกลับทันที แบบนี้ที่เขาเรียกว่าเถียงคำไม่ตกฟาก เป็นการแสดงอาการของเด็กที่ไม่น่ารัก แต่ถ้าลูกน้อยไม่ได้ทำผิดแล้วพยายามอธิบาย นับว่าเป็นคนละสาเหตุกันนะคะ
3. จอมบงการ
หากพ่อแม่ที่มัวแต่ตามใจลูกจนทำให้ทุกอย่าง หรือจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัวดูแลทุกฝีก้าว จนลูกไม่สามารถทำอะไรได้เองเลยนั้น เมื่อถึงเวลาที่คุณอยากให้ลูกลองทำสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง ลูกจะไม่ยอมที่จะทำเผลอๆ จะสั่งกลับให้คุณทำให้แทนเสียด้วยซ้ำ
4. ทำพ่อแม่ขายหน้าเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
เมื่อคุณสปอยล์ลูกมากเกินไป อาการเหล่านี้จะตามมาแน่นอน เช่น หากลูกกรีดร้องอยากได้สิ่งของที่ชอบ หรือขนมที่ถูกอกถูกใจ แต่เมื่อไม่ได้จะแสดงอาการร้องไห้ กรีดร้อง ลงไปนอนดิ้นกับพื้น เพื่อเรียกร้องความสนใจทันที แล้วถ้าคุณให้สิ่งของกับลูกทันทีเพื่อตัดปัญหานั้นๆ จะยิ่งทำให้ลูกเคยชินเข้าไปอีกว่า ถ้าแสดงอาการแบบนี้พ่อแม่จะรีบให้สิ่งที่ตนอยากได้ทันที อาการนี้เรียกว่าถูกสปอยล์มากไปแล้วค่ะ
อ่านต่อ >> “สัญญาณเตือนลูกเริ่ม ‘นิสัยเสีย’ เพราะพ่อแม่สปอยล์มากเกินไป”
คลิกหน้า 2
สัญญาณเตือนลูกเริ่ม ‘นิสัยเสีย’ เพราะพ่อแม่สปอยล์มากเกินไป
5. หวงของ / ไม่รู้จักแบ่งปันคนอื่น
เมื่อลูกน้อยได้รับมากๆ เราควรจะบอกให้เขารู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง เด็กสามารถรับรู้การแบ่งปันได้ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่เขาเริ่มเข้าใจหลายสิ่งมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกถึงทักษะทางด้านอารมณ์และจิตใจ หากเขารู้จักแบ่งปัน อาการที่ถูกสปอยล์หรือการถูกเอาแต่ใจจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ
6. พ่อแม่ต้องขอร้องลูกๆ
ในการที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการให้เขาไปอายน้ำ เข้านอนหรือแม้แต่เก็บของเล่น คุณต้องเป็นฝ่ายขอร้องให้พวกเขาทำอยู่เสมอ
7. ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ / ติดสินบน
เมื่อไหร่ที่ลูกไม่ยอมทำหน้าที่ของตนเอง เช่น เล่นของเล่นแล้วไม่ยอมเก็บ ปล่อยให้บ้านรก เมื่อคุณสั่งให้เก็บแต่ลูกยังดื้อรั้นไม่ยอมเก็บอีก และหากคุณใช้เงื่อนไขว่า “เก็บของเล่นแล้วแม่จะพาไปเที่ยว” การใช้เงื่อนไขแบบนี้บ่อยๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดนะคะ ควรสอนให้ลูกยอมรับว่านี่คือหน้าที่ของเขา มากกว่าใช้เงื่อนไขเพื่อแลกเปลี่ยน
จะคล้ายๆ กับข้อที่คุณต้องขอร้องให้พวกเขาทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่คุณไม่ควรทำมากกว่านั้นคือติดสินบนลูกๆ เพื่อให้พวกเขาทำเรื่องที่พวกเขาควรทำเองได้แล้ว นั่นจะทำให้พวกเขาร้องขอมันไม่จบสิ้น และไม่เคยรู้จักพอนั่นเอง
8. กระทืบเท้า ปิดประตูเสียดัง
เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นแล้วแสดงถึงความไม่พอใจถึงขั้นกระทืบเท้า ร้องไห้เสียงดัง เดินหนีเข้าห้อง ปิดประตูเสียงดังใส่ อาการแบบนี้ต้องแก้ไขแล้วล่ะค่ะ การโกรธ โมโหไม่ใช้เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ แต่หากปล่อยให้ลูกมีอารมณ์โมโหอยู่บ่อยครั้ง ถึงขั้นทำสิ่งเหล่านี้กับผู้ใหญ่ในบ้านแล้ว ไม่มีการช่วยเหลือเขา จะส่งผลถึงตอนโตได้ แก้ไขตอนโตยากยิ่งกว่าแก้ตั้งแต่เด็ก ดั่งคำที่ว่า “ไม่อ่อนดัดง่าย ไม่แก้ดัดยาก”
9. ไม่เคยพอใจอะไรสักอย่าง
เด็กนิสัยเสียมักจะไม่สามารถแสดงความพึงพอใจกับสิ่งที่พวกเขามีอยู่ หากพวกเขาเห็นคนอื่นที่มีบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาจะต้องการ พวกเขาก็จะเรียกร้องขอมีบ้างอยู่เรื่อยๆ
อ่านต่อ >> “สัญญาณเตือนลูกเริ่ม ‘นิสัยเสีย’ เพราะพ่อแม่สปอยล์มากเกินไป”
คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
สัญญาณเตือนลูกเริ่ม ‘นิสัยเสีย’ เพราะพ่อแม่สปอยล์มากเกินไป
10. ไม่ทำตัวให้มีประโยชน์ / ไม่ชอบช่วยเหลือ
ไม่มีเด็กคนไหนชอบที่จะทำงานบ้าน โดยเฉพาะเด็กสมัยนี้ที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่าง แต่เมื่อเข้าสู่วัยอนุบาล หนูน้อยน่าจะแสดงอาการอยากช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เช่น เก็บของเล่นของตัวเอง หรือวางรองเท้าให้เป็นระเบียบ หากลูกของคุณมีอาการฟึดฟัดทุกทีที่คุณบอกว่าให้ช่วยเก็บของเล่น นี่อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเสียแล้ว
11. ออกคำสั่งกับผู้ใหญ่
เด็กนิสัยเสียมักจะไม่จำแนกแยกแยะระหว่างเพื่อนกับผู้ใหญ่ พวกเขาคาดหวังว่าทั้งเพื่อนและผู้ใหญ่จะต้องฟังสิ่งที่ต้องการอยู่ตลอดเวลา
12. ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
พวกเขาจะทำเป็นเพิกเฉยต่อสิ่งที่คุณสั่งหรือบอกให้ทำอยู่เสมอ จนทำให้คุณเอือมระอาและนั่นเป็นสัญญาณที่เด่นชัดว่า “ลูกของคุณนิสัยเสีย”
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
13. เล่นคนเดียวไม่เป็น
ในอายุเฉลี่ยทั่วไปของเด็ก 4 ขวบ พวกเขาสามารถที่จะเล่นเพียงลำพังได้แล้ว แต่หากยังไม่ได้ นั่นแสดงว่าพวกเขาต้องการให้มีคนสนใจพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
14. เติมไม่เต็ม
อาการนี้คล้ายกับการรักเขาข้างเดียว ทำอะไรให้เขาก็ไม่เคยพอใจ เติมเท่าไรก็ไม่เคยเต็ม เจ้าตัวน้อยที่เริ่มเอาแต่ใจหรือกำลังจะกลายเป็นเด็กสปอยล์ มักจะไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่มี แม้ว่าสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สรรหามาให้จะดีเพียงใด แต่หากหนูน้อยเห็นคนอื่นมีสิ่งที่ตนเองไม่มี ก็จะแสดงอาการอยากได้ และเริ่มไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีในทันใด
แต่เมื่อคุณพ่อคุณแม่เผลอสปอยล์ลูกไปแล้ว จะทำอย่างไรดี ตามไปดูวิธีแก้กันค่ะ
อ่านต่อ >> “วิธีแก้ไขเมื่อลูกถูกพ่อแม่สปอยล์ จนนิสัยเสียไปแล้ว” คลิกหน้า 4
วิธีแก้ไขเมื่อลูกถูกพ่อแม่สปอยล์
ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะตั้งใจสปอยล์ลูกหรือไม่ก็ตาม หรืออาจเผลอสปอยล์ลูกโดยไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้ลูกกลายเป็นเด็กนิสัยเสียไปแล้ว วิธีแก้ขั้นแรกเลยจึงตกไปอยู่ที่พ่อแม่ก่อน ตามขั้นตอนดังนี้
1. ต้องยอมรับว่าตัวเองผิดพลาดและพร้อมที่จะแก้ไขซะก่อน
เพราะต้องผ่านขั้นตอนความใจแข็ง และต้องไม่ใจอ่อนง่ายๆ เหมือนที่ผ่านๆ มา ที่สำคัญต้องเข้าใจด้วยว่า ลูกก็ต้องปรับตัวจากพฤติกรรมของพ่อแม่ที่ตามใจเขามาตลอด อยู่ๆ ก็เกิดไม่ตามใจ เขาก็จะมีวิธีสารพัดที่จะต้องงัดมาใช้กับพ่อแม่ นั่นหมายความว่าคุณต้องพร้อมรับมือและไม่ใจอ่อน โดยมีคาถาเพื่อปรับพฤติกรรมของลูกน้อยเป็นเดิมพัน
2. เมื่อยอมรับแล้วต้องทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ในบ้านให้เห็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย
จะทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพราะทุกคนล้วนรักลูกหลานของตัวเองทั้งสิ้น ต้องพยายามสร้างความรับรู้ และความเข้าใจกับคนในครอบครัว ที่มีส่วนต่อการดูแลลูกของเรา เพราะความรักของผู้ใหญ่ในบ้าน บางครั้งก็ทำร้ายลูกหลานของเราถ้ารักไม่ถูกทาง และก็ต้องชี้ให้เห็นถึงผลเสียที่ตามมาว่าจะทำให้ลูกของเราเป็นอย่างไร กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ได้ เวลาต้องออกไปสู่สังคม เมื่อเขาไม่ได้อะไรก็จะโกรธ ก้าวร้าว และอาจไม่สามารถเข้ากับสังคมได้ กลายเป็นคนไม่ยอมคน ก็จะกลายเป็นเด็กมีปัญหา และเป็นผู้ใหญ่มีปัญหาในที่สุด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
3. เด็กทุกคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของพ่อแม่
ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวที่มีความพร้อมเขายิ่งสามารถรับรู้ได้ การแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูกเป็นเรื่องที่ควรกระทำและจำเป็น ควรให้ลูกได้รับรู้ว่าพ่อแม่รักลูกเสมอ แต่ก็ต้องอธิบายด้วยว่าบางเรื่องก็ต้องมีเหตุผลมากกว่าจะยอมลูกเพราะความรักเพียงอย่างเดียว ลูกจำเป็นที่จะต้องถูกปฏิเสธในบางเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสม โดยมีพ่อแม่คอยอธิบาย และลูกก็ไม่จำเป็นต้องได้ทุกเรื่องที่อยากได้ ทุกคนสามารถพบกับความผิดหวังได้
4. ถ้าหากว่าลูกของเราเข้าข่ายเอาแต่ใจตัวเอง
หรือถูกสปอยล์มาตั้งแต่เล็ก และคุณกำลังหาทางจัดการปัญหานี้อยู่ในหลากหลายวิธีแต่ยังไม่ได้ผล บางทีอาจต้องลองวิธีนี้ที่อาจได้ผลก็คือ “หูทวนลม” บางสถานการณ์พ่อแม่ต้องทำเป็นไม่สนใจ ทำหูทวนลมซะ ก็จะช่วยสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกได้ เช่น ถ้าลูกแสดงอาการอาละวาด หรือนอนดิ้นกับพื้น เพื่อต้องการได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจ แม้ใจจริงพ่อแม่อยากจะให้ลูกขนาดไหน ก็ต้องใจแข็ง และบอกกับตัวเองว่าต้องผ่านไปให้ได้ เพื่อสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกของเรา
ทั้งนี้ผลลัพธ์ของผู้ใหญ่ที่ถูกสปอยล์มาตั้งแต่เด็ก ก็กลายเป็นปัญหามากมายในสังคมปัจจุบันที่มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ และคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่อยากให้ลูกของเราเป็นผลผลิตของความสปอยล์นั้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาเด็กสปอยล์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณเลี้ยงลูกด้วยความรักอย่างถูกวิธี ตามที่เราแนะนำไปค่ะ
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!
เด็กยุคใหม่! เลี้ยงอย่างไรให้สร้างสรรค์พร้อมธรรมะดีๆ “อย่าเป็นพ่อแม่รังแกฉัน ด้วยการทำร้ายคนที่ตนรัก” จากพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ
พ่อแม่รังแกฉัน ตามใจลูกจนลูกกลายเป็นคนใจร้าย
5 วิธีเลี้ยงลูกที่ทำให้ลูกเสียคนโดยไม่รู้ตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthandtrend.com , www.manager.co.th
Save
Save
Save