มีการกระทำหลายสิ่งที่พ่อแม่ควรระวัง ไม่ควรทำกับลูก เพราะหากพ่อแม่เผลอทำพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านี้ไป อาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหาได้ไปจนโต
ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ยุคที่สถาบันครอบครัวถูกลดความสำคัญลง กลายเป็นเพียงหน่วยเล็กๆ ในสังคมที่ไม่มีใครสนใจ จะอ่อนแอ ผุพังแค่ไหนก็ไม่ต้องไปใยดี เท่านั้นยังไม่พอ สังคมของคนเป็นพ่อแม่ยังแวดล้อมไปด้วยอบายมุขมากมาย หลายครั้งที่สติขาด ความยับยั้งชั่งใจไม่มี ก็เผลอไปกับอบายมุขเหล่านั้นได้โดยง่าย
พ่อแม่มีอิทธิพลต่อลูกๆ มาก ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ มุมมอง และเป้าหมายของเด็กๆ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เด็กแต่ละคนเรียนรู้จากพ่อแม่ของเขา ซึ่งสิ่งที่เด็กๆ เรียนรู้ในช่วงปฐมวัยนั้น (3-5 ขวบ) จะคงอยู่ต่อไปในตัวเด็กๆ อีกนานแสนนานจวบจนเขาเป็นผู้ใหญ่ จึงเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นอย่างยิ่ง ถ้าหากพ่อแม่เลี้ยงดูลูกได้อย่างดีในช่วงแรกของชีวิตลูก
ลูกผิด เพราะ พ่อแม่
เวลาที่เด็กๆ ทำผิด หรือทำสิ่งที่ไม่สมควรนั้น คนที่จะโดนว่าคงหนีไม่พ้นพ่อแม่ค่ะ การกระทำไหนของพ่อแม่ที่ส่งผลเสียต่อลูก อะไรที่เป็นสัญญาณเตือนกันนะ และผลลัพธ์ที่จะเกิดต่อไปในอนาคตหากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่เปลี่ยน
แต่พ่อแม่ก็ผิดพลาดได้!
พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์ หรือไม่เคยเลี้ยงลูกผิดพลาดเลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะเลี้ยงลูกให้เตรียมรับมือกับความผิดพลาดได้อย่างไร? …แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำคือ เรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้นยังไงและแก้ไขปัญหานั้นไม่ให้กระทบกับลูกยังไงมากกว่าค่ะ
ดังนั้นเพื่อป้องกันและพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Amarin Baby & Kids จึงขอรวบรวมพฤติกรรมไม่ดีของคนเป็นพ่อแม่ที่อาจเผลอทำโดยไม่รู้ตัว และส่งผลเสียต่อลูกๆ ได้มาฝากกัน เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่หันมองตัวเองว่ากำลังประพฤติตัวเช่นนั้นอยู่หรือไม่ หากใช่ให้รีบหยุดและแก้ไขทันที
12 สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำกับลูก
1. โกหกลูก
คุณพ่อคุณแม่เคยทำกันบ้างไหมคะ กับการหลอกลูกๆ ที่ไม่ยอมทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ ด้วยการหลอกให้กลัว ” เดี๋ยวตุ๊กแกจะมากินตับ ตำรวจจะมาจับ ผีจะมาหลอก หมอจะจับไปฉีดยา” และอีกหลายคำขู่โกหกอีกมากมาย ถ้าเคยก็ทราบเถิดค่ะว่า คำพูดเหล่านี้ล้วนสร้างความหวาดกลัวให้เกิดกับลูกและทำให้ลูกมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว
หรือการโกหกอีกประเภทหนึ่งที่พ่อแม่อาจนำมาใช้ ก็คือ การสัญญาว่าจะให้นั่น โน่น นี่ สัญญาว่าจะพาไปเที่ยว แต่สุดท้ายไม่ทำตามที่รับปากเอาไว้ ซึ่งในใจของเด็กนั้นรับรู้ได้ถึงความหลอกลวงค่ะ
อาจกล่าวได้ว่าบางครั้งการพยายามให้ลูกปฏิบัติในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกเสมอไป การเสนอทางเลือกให้ลูกเลือกทางใดทางหนึ่งก็น่าจะเพียงพอ (แน่นอนว่าพ่อแม่ก็แค่เพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวเลือกที่พ่อแม่อยากให้ลูกเลือกให้มากกว่าตัวเลือกอีกข้อหนึ่งเท่านั้นเอง) ดีกว่าการสร้างเรื่องโกหกหลอกลวงเด็กๆ จนพวกเขาจำฝังใจ โตขึ้นไปก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้โกหกเลียนแบบพ่อแม่เสียเปล่าๆ
อ่านต่อ >> “12 สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำกับลูก” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
2. ชอบสปอยล์
เด็กๆ บางคนก็มีความต้องการอยากมีอยากได้ที่ไม่สิ้นสุด หากสปอยล์เกินไปก็กลายเป็นการรังแกลูกได้เหมือนกัน การเลี้ยงลูกนั้นเหมือนการใช้ชีวิตค่ะ ทุกอย่างต้องมีสมดุล ต้องมีความตึงและหย่อนที่พอดี เดินทางสายกลาง เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่สปอยล์ลูกเกินไป หรือปกป้องลูกมากกว่าเกิน ไม่ยากเลยที่เขาจะกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง วีนเหวี่ยงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ หรือกลายเป็นเด็กที่ขี้ขลาด แก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ และทำให้การใช้ชีวิตจริงในโลกภายนอกนั้นยากกว่าเด็กทั่วไป
⇒ Must read : สปอยล์ลูก มากไป ระวังลูกนิสัยเสีย!
3. สนับสนุนพฤติกรรมแย่ๆ และไม่สอนให้ลูกมีวินัย
การเป็นตัวอย่างที่ดีคือสิ่งที่จำเป็น หากคุณพ่อคุณแม่ยังเป็นตัวอย่างแย่ๆ ทำในสิ่งที่คุณสอนลูกว่าอย่าทำ! มักพูดคำหยาบ ตะโกน ปรี๊ดแตกบ่อยๆ วีนเหวี่ยง ใช้ความรุนแรง การกินเหล้าหรือสูบบุหรี่ หรือแม้แต่การทำผิดกฎหมายที่คุณพ่อคุณแม่มองว่าเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่การโกงนิดหน่อยๆ ก็จะทำให้ลูกนั้นจำและเรียนรู้ที่จะทำตามแบบที่เรียกว่าก๊อปปี้วาง ได้ไม่ยากเลยค่ะ ดังนั้นจงเป็นสิ่งที่คุณอยากให้ลูกเป็น ไม่ใช่บอกในสิ่งที่คุณอยากให้ลูกเป็น เด็กๆ เรียนรู้จากการกระทำค่ะ
4. ละเลยลูก
ทั้งทางร่างกายและจิตใจ แม้ว่าการไม่สนใจลูกของพ่อแม่บางคน จะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่รู้ไหมคะว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องปกติเลย มันคือการล่วงละเมิดเด็กอย่างหนึ่ง และส่งผลกระทบทางลบต่อตัวเด็กๆ ด้วย เพราะการละเลยความต้องการของเด็ก อาจจะทำให้เด็กตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายหรือทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ซึ่งนำไปสู่การไม่นับถือตัวเองและพฤติกรรมแยกตัวออกจากสังคม และในหลายๆ ครั้งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและการเข้าสังคม จนอาจจะทำให้เด็กๆ มีปมขึ้นมาได้ สิ่งที่เด็กๆ ต้องการคือสุดคือความรักและความห่วงใยค่ะ
5. ลำเอียง
มีหลายครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ให้อภิสิทธิ์ของเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง หรือแม้แต่การแสดงออกถึงความลำเอียงต่อพี่หรือน้องที่เรียนเก่งกว่า หน้าตาน่ารักกว่า หรือแม้แต่การประเด็นของเรื่องลูกติด ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เด็กๆ มีปมด้อยได้ง่ายเลยค่ะ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำให้บ้านไม่เป็นสถานที่ที่น่าอยู่อีกต่อไป และเมื่อเป็นเช่นนั้น เด็กหลายๆ คนเลือกที่จะหาสถานที่ที่ตัวเองอยู่แล้วสบายใจมากกว่าบ้าน ซึ่งทำให้เสี่ยงและอันตรายในหลายมิติเลยทีเดียว
นอกจากนี้การเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะระหว่างพี่น้อง ลูกเพื่อนตัวเอง ลูกคนข้างบ้าน หรือแม้แต่ลูกภารโรงหรือแม่บ้าน มันไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดีจากเรื่องนี้เลย เพราะลูกก็คงรอวันที่จะเปรียบเทียบพ่อหรือแม่ตัวเองกับคนที่คุณยังยี้เลยก็ได้ ดังนั้น อย่าทำค่ะ
6. เมินกฎของบ้าน
กฎของบ้านจะตั้งโดยใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ (โดยเฉพาะตอนลูกเล็กๆ ลูกไม่มีทางมาตั้งกฎแข่งกับพ่อแม่ได้แน่นอน) แต่ก็อาจจะมีบ้างเช่นกันที่คนเป็นพ่อแม่ลืมกฎที่ตนเองเคยตั้งไว้ และทำบางสิ่งบางอย่างผิดไปจากกฎนั้นๆ เช่น เคยบอกลูกว่าต้องเก็บของให้เรียบร้อย แต่พอถึงคราวตนเองกลับวางของทิ้งเรี่ยราด ไม่เป็นที่เป็นทาง เคยสอนลูกให้ประหยัด เหลือเงินกลับบ้านให้นำมาหยอดกระปุก แต่ตนเองกลับใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จนบางครั้งต้องมาแอบแคะกระปุกลูก
เมื่อพ่อแม่เป็นเช่นนี้บ่อยๆ สิ่งที่จะเกิดตามมา ก็คือ การที่ลูกพยายามจะฝ่าฝืนกฎของบ้านบ้าง แน่นอนว่าเมื่อลูกทำ พ่อแม่ก็จะตำหนิว่าลูกดื้อ แต่อาจไม่ได้มองไปว่า ตนเองต่างหากที่ละเมิดกฎของบ้านให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง
กรณีนี้ ไม่มีทางแก้ไขดีไปกว่าการพยายามสำรวจตัวเองในทุกๆ วัน ว่า คุณทำสิ่งใดลงไปบ้าง มันผิดหรือมันถูก เสียใจหรือดีใจ และพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่ในทุกๆ วันที่ยังได้ตื่นขึ้นมาเจอหน้าลูกๆ และครอบครัว พวกเขาจะได้เจอคุณพ่อคุณแม่ที่น่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
อ่านต่อ >> “12 สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำกับลูก” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
7. ล่วงละเมิดทางกายและวาจา
เด็กที่มีปัญหาสุขภาพจิตนั้น ส่วนใหญ่จะเจอกับการล่วงละเมิดทางกายและวาจาจากผู้ปกครองค่ะ การดุด่าว่ากล่าวและลงโทษเมื่อเด็กๆ ทำผิดคือสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนทำด้วยความรักและหวังดีนะคะ แต่การลงโทษในเรื่องที่เล็กน้อยมากเกินไป บ่อยเกินไป และรุนแรงเกินไป จะทำให้เด็กๆ ต่อต้านต่อพฤติกรรมของพ่อแม่ค่ะ การลงโทษเด็กๆ ควรจะเป็นวินัยเชิงบวกมากกว่าการดุด่าว่ากล่าวค่ะ เด็กๆ ต้องการอ้อมกอด จูบเบาๆ และการแสดงความรัก ถ้าคุณพ่อคุณแม่ตะโกนใส่ลูก ดุด่าลูก เรียกเขาด้วยคำหยาบคาย (แม้จะด้วยเจตนาดี) ลูกกำลังเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ผิดค่ะ
8. มีอารมณ์ปรวนแปร
เพราะการเลี้ยงลูกต้องใช้ความอดทนอย่างสูง โดยเฉพาะลูกที่ยังเป็นเด็กไร้เดียงสา บางครั้งก็อาจเผลอทำบางสิ่งบางอย่างขัดตาขัดใจพ่อแม่ขึ้นมาได้ จนพ่อแม่บางคนสะกดอารมณ์ไม่อยู่ต้องตีกันสักเพี้ยะสองเพี้ยะ แต่ถ้านั่นเป็นแค่การแสดงอารมณ์โกรธ และตีเพื่อระบายอารมณ์ของตัวเอง ก็เท่ากับเป็นการสอนเรื่องการใช้ความรุนแรงให้กับลูกไปในตัว
แม้ว่าการแก้ไขนิสัยเจ้าอารมณ์ของคนเป็นพ่อแม่จะเป็นเรื่องยาก แต่พ่อแม่ที่มีนิสัยนี้ติดตัวก็คงเข้าใจถึงความเลวร้ายของมันได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่มีใครต้องการส่งต่อนิสัยเจ้าอารมณ์ให้กับลูกเป็นแน่ ดังนั้น การฝึกความอดทนอดกลั้นเป็นทางเดียวที่จะยุติปัญหานี้ ถ้าทนไม่ไหวจริง ๆ แทนที่จะตีลูก อาจเดินออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก (แต่ถ้าจะทิ้งลูกไว้คนเดียวในห้อง ต้องมั่นใจว่าลูกอยู่ในที่ที่ปลอดภัยด้วยนะคะ)
นอกจากนั้น การเปลี่ยนทัศนคติ มองสิ่งต่างๆ ที่ลูกทำในแง่บวกเข้าไว้ก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะเมื่อลูกทำบางสิ่งที่ไม่ถูกใจ การมองในแง่บวกก็อาจช่วยให้คุณหัวเราะไปกับความน่ารักของเด็กๆ แทนการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หรือตีความว่าลูกดื้อ ลูกท้าทาย นั่นเอง
9. ชอบบังคับ
พ่อรู้ดีที่สุด แม่รู้ดีที่สุด ว่าอะไรที่ดีกับลูก แต่บ่อยครั้งที่พ่อแม่ก็เลือกสิ่งที่ตัวเอง “คิด” ว่าดีที่สุดต่อลูก โดยไม่ถามลูกสักคำ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรจะต้องบังคับถึงเรื่องใหญ่ๆ ทั้งเรื่องคณะที่จะเรียนไปจนถึงงานที่จะทำ จนกลายเป็นพวกบ้าอำนาจไปในที่สุด สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้เด็กๆ ต้องทนรับความกดดันแล้ว ยังสร้างความเครียดให้กับเขา ซึ่งอาจส่งผลกระทบมากเกินกว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะคิดได้ค่ะ
10. ไม่วางแผนนิสัยการใช้เงิน
พ่อแม่บางคนใช้เงินไม่เป็น ไม่มีการวางแผนการเงิน สร้างหนี้สินมากมาย นอกจากจะทำให้ลูกได้นิสัยเหล่านั้นไป ยังทำให้เดือดร้อนต่อตัวเองและลูกอีกด้วยค่ะ ขณะที่พ่อแม่บางคนก็ตระหนี่ถี่เหนียวเกินไป จนกดดันให้ลูกมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยได้ หรือถ้าหากคุณพ่อคุณแม่จ่ายให้ง่ายเกินไป เด็กๆ ก็อาจจะกลายเป็นเด็กที่ไม่รู้จักคุณค่าของเงินได้นะคะ
11. ไม่เชื่อใจลูก
พ่อแม่บางคนก็เป็นแบบนี้นะคะ คือเชื่อใจคนอื่นมากกว่าเชื่อลูกตัวเอง จนในบางครั้งลูกๆ ก็ไม่ได้อธิบายในสิ่งที่เขาต้องการ พฤติกรรมแบบนี้ของพ่อแม่จะทำให้ลูกต่อต้านและยิ่งทำให้สิ่งที่พ่อแม่ไม่อยากให้ทำค่ะ
สรุปแล้วคือ สัญญาณที่บอกว่าคุณเป็นพ่อแม่ที่เริ่มเลี้ยงลูกไม่โอเคแล้ว เช่น เด็กๆ ไม่มีความมั่นใจ มีพฤติกรรมที่ไม่ดี หรือมีปมไปตลอดชีวิต ความเป็นพ่อแม่นั้นเป็นไปตลอดชีวิตค่ะ ลูกก็เช่นกัน เขาจะเฝ้ามองคุณไปตลอดเหมือนกัน ดังนั้นหากรู้สึกว่าพฤติกรรมลูกเริ่มไม่โอเคสำหรับตัวคุณพ่อคุณแม่เองแล้ว สิ่งที่ต้องเริ่มทำให้เร็วคือ เปลี่ยนตัวเองก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องไปเปลี่ยนที่ลูก เมื่อไหร่ที่เห็นลูกทำผิดก็สอนกันไป และทำตัวอย่างให้ลูกเห็นด้วย
ลูกเราจะเป็น เพชร หรือ ขยะ สำหรับสังคมและประเทศชาติ ก็ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ ว่าคุณจะเป็นตัวอย่างให้เขาเป็นไปในทิศทางใด
12. หลงในอบายมุข
การใช้เวลากับสมาชิกในครอบครัวอาจลดน้อยลงในกรณีที่พ่อแม่หลงมัวเมาอยู่กับอบายมุข รวมถึงเงินทองและความสุขที่จะค่อยๆ ร่อยหรอตามไปด้วย หากคุณพ่อคุณแม่ตระหนักได้ว่าตนเองตกอยู่ในภาวะดังกล่าว ก็ถือเป็นโชคดีที่จะได้รู้ถึงความเลวร้ายและถอนตัวออกมา แต่หลายคนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะจิตใจไม่เข้มแข็ง เมื่อถูกเพื่อนชวนก็ใจอ่อนตกปากรับคำไปกับเขา ปล่อยให้ลูกๆ และครอบครัวล่มสลายทางใครทางมันก็มีให้พบเห็นอยู่บ่อยๆ
สุดท้ายนี้ ข้อเสียของคนเป็นพ่อแม่ทั้ง 12 ข้อนี้หากลด ละ เลิกได้ ครอบครัวและลูกๆ จะมีความสุขขึ้นอีกมากค่ะ และเราเชื่อว่า คนเราเมื่อเลือกเป็นพ่อแม่ของเด็กสักคนหนึ่งแล้ว การจะกล่อมเกลาเลี้ยงเขาให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ อาจไม่จำเป็นต้องหาเทคนิคสร้างเด็กดีจากที่ไหน เพราะบางเรื่องก็สร้างได้จากตัวคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง อยู่ที่ว่า วันนี้คุณจะยอมรับและปรับตัวเพื่อลูก ๆ กันหรือเปล่าค่ะ
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- ทำ หน้าที่พ่อแม่ให้ดีที่สุด หยุดกังวลเกินเหตุจนบั่นทอนจิตใจตน
- 7 หน้าที่พ่อแม่ เลี้ยงลูกชาย เป็นเด็กรักดี ไม่เกเร
- 7 วิธี การเป็นพ่อแม่ที่ดี ของลูก ไม่ยากอย่างที่คิด
- พ่อแม่รังแกฉัน ! บาป 14 ประการ จากท่าน ว.วชิรเมธี
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก : wehavekids.com , www.manager.co.th