อย่างที่กล่าวมาเพราะการเป็นคุณแม่ Full Time นั้น มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ลองมาดูกันค่ะว่าความจริงแล้วคุณแม่ full time ต้องเจอะเจอกับอะไรกันบ้าง
โดยในแต่ละวันต้องรับมือกับหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งลูก ทั้งงานบ้าน ทั้งคุณสามี รวมทั้งรายได้ที่เคยมี เคยได้ จากการทำงานประจำก็หดหายไปค่ะ ไม่มีเงินเดือน ไม่มีค่าจ้าง ไม่มีโบนัสประจำปี ไม่สามารถ ขาด ลา มา สาย ย้ำป่วยก็มิได้นะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยความรักความห่วงใยที่มีให้แก่ลูก เชื่อว่าแม่ๆ ต้องยอมเป็นคุณแม่ Full Time กันเยอะทีเดียวค่ะ ด้วยจะจ้างพี่เลี้ยงก็กลัวเหมือนในข่าวต่างๆ ยอมลาออกจากงานประจำมาเลี้ยงเองดีกว่า แต่สิ่งที่จะแลกด้วยการเป็นคุณแม่ Full Time เลี้ยงดูลูกน้อยด้วยตัวเอง ก็ต้องแลกมากับสิ่งเหล่านี้
สิ่งที่คุณแม่ full time ต้องเจอ!
1. การตัดขาดจากเพื่อนฝูง สังคมโลกภายนอก (ห่างกันสักพักน้าเพื่อนๆ)
แน่นอนว่าหากคุณแม่เคยอยู่ในสังคมเพื่อสาวมากมาย ได้ออกไปทานขนมเม้าท์กับเหล่าสาวๆ หรือได้เหล่หนุ่มเพิ่มความกระชุ่มกระชวย แต่หากมีลูกน้อยแล้วสิ่งเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง วันๆ คงได้แต่อูๆ อาๆ อยู่กับลูก หรือได้เพียงแค่เม้าท์กับเพื่อนผ่านทางแชตเท่านั้น
2. การเป็นแจ๋ว 24 ชม. (ยิ่งชุดสวยไม่ต้องพูดถึง ชุดนอนตั้งแต่เช้ายันบ่าย)
เพราะภารกิจการเลี้ยงลูกของคุณแม่ เริ่มตั้งแต่เช้าเมื่อลูกตื่น โดยครึ่งค่อนวันจะต้องใช้เวลากับภารกิจจัดการเรื่องของลูก ตั้งแต่อาบน้ำ แต่งตัว ป้อนข้าว ล้างขวดนม ซักผ้า และรวมถึงงานบ้านอื่นๆ เงยหน้ามาก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ซึ่งกว่าคุณแม่จะได้จัดการภารกิจของตัวเอง ก็อาจมีงานบ้านเข้ามาแทรก ลูกอึต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม แม่จะกินข้าวก็ต้องอุ้มลูกไปด้วย กว่าจะได้อาบน้ำก็ตอนลูกนอนกลางวัน
3. การหน้าโทรม ผมยุ่ง ขอบตาแพนด้า
สืบเนื่องจากการเป็นแจ๋ว 24 ชม. แล้ว แม่เวลาอาบน้ำยังต้องรีบเลย นับประสาอะไรกับการแต่งหน้าแต่งตัว ที่แต่ก่อนใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการลงแป้ง เขียนคิ้ว ปัดแก้ม ทาลิป แต่เมื่อมีลูกน้อย ขอแค่ให้ได้อาบน้ำใส่เสื้อผ้าทันก่อนลูกตื่นก็ดีแล้ว ผมก็มัดรวบๆเอา ขอบตาต้องดำคล้ำอีก เพราะกว่าลูกจะนอน หรือต้องตื่นมาปั้มนมให้ลูกอีกด้วย
4. การกิน นอน ไม่เป็นเวลา
แน่นอนอยู่แล้วว่า เพราะคุณแม่ต้องโฟกัสการเลี้ยงดูทุกอย่างไปที่ลูกน้อยก่อนเสมอ ส่วนเรื่อง การกิน การนอน ของแม่คือจะเกิดขึ้นหลังจากดูแลลูกน้อยเสร็จเรียบร้อยนั้นเอง
5. งดเที่ยว ช้อป ชิม นอกบ้าน
เพราะภารกิจการเลี้ยงลูกทุกอย่างขอบเขตมีแค่ในบ้าน หากคุณแม่จะได้เที่ยว ช้อป ชิม นอกบ้าน ก็ต่อเมื่อเป็นช่วงวันหยุด ที่อาจจะขอร้องให้คุณสามีพาไปช้อปปิ้ง ซึ่งก็ต้องอุ้มลูกไปด้วยอยู่ดี แต่ก็น่าจะช่วยสร้างความกระชุ่มกระชวยให้หัวใจคุณแม่ได้บ้าง
6. ท้องผูกเป็นเรื่องปกติ
เพราะการกินนอนที่ไม่เป็นเวลา เรื่องอาการท้องผูกคงต้องมาเยือนคุณแม่ full time อย่างแน่นอน เพราะอาจจะต้องอดทนการปล่อยหนัก หันมาดูลูกก่อนเมื่อลูกร้องไห้อยู่ในขณะนั้น จึงทำให้คุณแม่ต้องอั้นและเกิดอาการท้องผูกได้
7.จะเคลื่อนไหวไปไหนก็มีแสบน้อยตามติด
(ไม่เว้นแม้เวลาเข้าห้องน้ำ) นั้นคือเรื่องจริง เพราะคุณต้องอยู่กับลูก 2 คนทั้งบ้านถ้าลูกไม่หลับก็ไม่มีเวลาทำภารกิจส่วนตัวเลย หรือเผลอๆภารกิจส่วนตัวอย่างการถ่ายหนัก-เบา ก็ต้องเอาเจ้าตัวน้อยเข้าไปในห้องน้ำด้วยนั้นเอง
8. การกลายร่างเป็นของเล่น รถ สัตว์ ทุกอย่างที่แสบน้อยต้องการ
เพราะของเล่นที่ดีที่สุดของลูกคือคุณแม่ นอกจากจะต้องคอยเลี้ยงดูเรื่องชีวิตประจำวันต่างๆแล้ว คุณแม่ยังต้องกลายเป็นของเล่นของลูกอีกด้วย ทั้งนี้ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และพันาการที่ดีให้กับลูกได้อีกทางหนึ่งด้วย
Must read : เล่นกับลูก ช่วยให้ทารกเรียนรู้ พ่อแม่ไม่ต้องเก่งก็ทำได้!
Must read : งานยุ่ง จนไม่มีเวลาเล่นกับลูก จะพูดกับลูกอย่างไรไม่ให้ลูกเสียใจ
9. การต้องรับมือกับเจ้าตัวน้อยและเหตุการณ์น่าตื่นเต้นตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินเมื่อลูกตัวร้อน หรืออุบัติเหตุต่างๆที่คุณแม่ต้องคอยระวัง รวมไปถึงพัฒนาการของลูกที่เปลี่ยนไปแต่ละเดือน เรื่องนี้ก็ทำเอาคุณแม่ลุ้นให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาได้เช่นเดียวกัน
Must read : ลูกอาละวาด พ่อแม่จะรับมืออย่างไรดี ?
10. เพื่อนสนิทสุด คือ เจ้าตัวน้อยและมือถือ
เพราะเจ้าตัวเล็กต้องอยู่ติดตัว ติดตาคุณแม่อยู่เสมอตลอดเวลา จะมีอีกหนึ่งสิ่งที่คุณแม่สามารถพกติดตัวได้ก็คือมือถือ ที่ต้องแอบเล่นในเวลาที่ลูกหลับนั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่จะอยู่เป็นเพื่อนคุณได้
อาจพูดได้เลยว่า ใครหรือครอบครัวไหนแอบอิจฉาคุณแม่ที่ได้เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน อย่าอิจฉากันเลยค่ะ เพราะว่าในความโชคดีที่ได้เป็นคนเลี้ยงลูกเองอยู่กับบ้านนั้น ก็มีเรื่องให้เครียดมากมาย ไม่แพ้คุณแม่ที่ไปทำงานนอกบ้านหรอกค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
>> นอกจากนี้ยังมีการสำรวจความคิดเห็นของบรรดาคุณแม่ในสหรัฐอเมริกา ที่มีอายุระหว่าง 18-64 ปี โดยพบว่า บรรดาคุณแม่ฟูลไทม์นั้น มีโอกาสเกิดอารมณ์ในเชิงลบเกิดได้มากเช่นกัน ซึ่งอาจจะเทียบเท่า หรือมากกว่าคุณแม่ที่ต้องทำงานประจำก็เป็นได้ค่ะ
ทั้งนี้ มี 41 เปอร์เซ็นต์ของคุณแม่ฟูลไทม์ ที่ระบุว่า ตนเองเป็นคนช่างวิตกกังวล ในขณะที่บรรดาคุณแม่ทำงานกลับมีคนรู้สึกเช่นนี้ราว 34 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นอกจากนั้น คุณแม่ฟูลไทม์ ยังมีโอกาสอาจเกิดภาวะซึมเศร้าได้มากกว่าคุณแม่ที่ทำงานประจำอีกด้วย เพราะมีถึง 28 เปอร์เซ็นต์ของแม่ฟูลไทม์ ตอบว่า ตนเองเคยเกิดภาวะซึมเศร้า ในขณะที่แม่ทำงานมีเพียง 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
นอกจากอารมณ์ซึมเศร้า และความวิตกกังวลแล้ว ความเครียด และอารมณ์โกรธก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผลสำรวจชี้ว่าแม่ฟูลไทม์มีสูงกว่าแม่ทำงานด้วย
สาเหตุของการเกิดอารมณ์ในแง่ลบมาจากการต้องเลี้ยงลูกอยู่เพียงลำพัง ทำให้คุณแม่ฟูลไทม์มีโอกาสพูดน้อยลง ยิ้มน้อยลง ยิ่งหัวเราะดังๆ แล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสที่พวกเธอจะได้รู้สึกถึงความสุข ความร่าเริง นั้นห่างไกลออกไปทุกทีนั่นเอง
ต่อด้วยคำถามถึงความรู้สึกในแง่บวกกับตัวเอง แม่ทำงาน 91 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า ตนเองเคยรู้สึกมีความสุข ส่วนแม่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านยอมรับในข้อนี้น้อยกว่าอยู่ที่ 86 เปอร์เซ็นต์