AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ตอนโตทันไหม? สอนอย่างไรให้เป็นเร็ว

สมัยนี้ใคร ๆ ก็พูดภาษาอังกฤษได้ ในยุคนี้ ภาษาอังกฤษสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวัน เด็กที่เติบโตมาในยุคนี้ก็ควรที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ได้ แต่หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ฝึกลูกพูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ลูกยังเล็ก ก็มักจะกังวลว่าลูกโตเกินวัยที่จะฝึกหรือยัง สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ตอนโตจะทันไหม

สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ตอนโตทันไหม? สอนอย่างไรให้เป็นเร็ว

ทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้อ่านบทความที่มีประโยชน์จาก คุณหมอภา ทพญ.จีรภา ประพาศพงษ์ เจ้าของ เพจหมอภา/Jeerapa prapaspong เรื่องเกี่ยวกับการ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ที่ถึงแม่ว่าลูกจะเลยวัยเด็กเล็กมาแล้ว หรือแม้แต่ตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ ก็สามารถ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ให้ปร๋อได้ ดังนี้ค่ะ

6 ขวบ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ทันมั้ย ?? 10 ขวบแล้ว ฝึกภาษาทันรึเปล่า

โดยคุณหมอได้พูดอย่างมั่นใจว่าการ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ในเด็กโตนั้น ทำได้แน่นอนค่ะ!! และไม่ใช่แค่เด็กโตเท่านั้นที่ทำได้ แม่แต่จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว หรือจะอายุแค่ไหน ก็ฝึกภาษาได้ค่ะ โดยคุณหมอได้ยกตัวอย่างตัวคุณหมอเอง ที่ถึงแม้จะอยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้ว ตอนที่สอนภาษาจึนให้ลูก ซึ่งภาษาจีน เป็นภาษาที่คุณหมอไม่เคยได้เรียนมาก่อน มีพื้นฐานเป็น 0 ก็ยังสามารถฝึกจนตอนนี้พูดได้ในระดับที่สื่อสารได้

พ่อแม่อ่อนอังกฤษขั้นเทพ ก็สอนได้นะ โดยคุณหมอได้เล่าว่าเคยเจอคุณพ่อคุณแม่ที่อ่านภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย พูดหรือฟังนี่ไม่ต้องพูดถึง แม้แต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ก็แทบจะไม่รู้เลย ได้มาปรึกษาคุณหมอ และยังบอกว่าเสียดายที่น่าจะตั้งใจเรียนตอนเด็ก ๆ ก็แหม ใครจะคิดล่ะคะว่า จะต้องกลายมาเป็นคุณครูให้ลูก คุณหมอจึงแนะนำเคล็ดลับและให้ตั้งใจสอนลูกและเรียนไปพร้อมกับลูก จนในที่สุด!! ความพยายามก็ส่งผล ลูกพูดได้ พ่อแม่ก็เก่งไปพร้อมกับลูก
พูดคุย ภาษาอังกฤษกันและเรียนรู้ไปด้วยกันทุกวัน ทั้งครอบครัว

3 ด่าน ที่เด็กโตต้องก้าวผ่านให้ได้หากอยากเก่งอังกฤษ

มีเด็กโต (ประถมปลาย/ มัธยม) ที่คุณหมอได้มีโอกาสช่วยเหลือแนะนำ และพบว่า เด็กโต มีบริบทหลายอย่างเพิ่มขึ้นในชีวิต ไม่ได้มีเรื่องในชีวิตไม่กี่เรื่อง เวลาเยอะแยะเหมือนเด็กเล็ก มีปัจจัยภายนอกมากมายมาแทรก เช่น การเรียน และการพัฒนาตัวเองด้านอื่นๆ ดังนั้น เราควรทำความเข้าใจกันก่อน ว่ามีอุปสรรคกี่ข้อบ้าง ที่อาจทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษต้องติดขัด

ด่านที่ 1 ในเด็กโต (นิยามคำว่า เด็กโต ของคุณหมอ คือ เด็กที่พูดภาษาไทยหรือภาษาแม่ ได้คล่องแล้ว) ที่ชินและคุ้นเคยกับภาษาไทยมาตั้งแต่เล็ก พอจะเพิ่มภาษาใหม่เข้ามาจะมีความยากมากกว่าการสอนภาษาใหม่พร้อม ๆ กับภาษาไทย เพราะลูกจะรู้แล้วว่า หากสื่อสารด้วยภาษาไทย จะง่ายกว่า เมื่ออยากได้อะไร อยากทำอะไร พอพูดความต้องการออกมา ก็มีคนเข้าใจ แล้วจะถอยหลังไปพูดภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง เข้าใจยาก ไปเพื่ออะไร? สู้ใช้ภาษาไทยดีกว่า ง่ายกว่าเยอะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ 3 ด่าน ที่เด็กโตต้องก้าวผ่านให้ได้หากอยากเก่งอังกฤษ

ด่านที่ 2 เด็กยิ่งโต ก็จะมีบริบทในชีวิตเยอะขึ้นตามวัย ยิ่งโตมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีเรื่องเยอะมากขึ้นเท่านั้น จากเดิมที่ตอนเล็ก ๆ จะมีไม่กี่เรื่องราวในชีวิตประจำวัน นั่นคือ ทานข้าว อาบน้ำ นอน เล่น และแน่นอน ทุก ๆ กิจกรรมที่ทำจะมีแม่เข้ามามีส่วนร่วมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น คุณแม่จะมีโอกาสได้ฝึกการพูดภาษาอังกฤษในกิจกรรมไม่กี่อย่างที่เค้าทำในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ลูกซึมซับภาษาอังกฤษที่ได้ผลสุด ๆ เมื่อโตขึ้น ลูกจะเริ่มไปโรงเรียน มีเรื่องเรียน มีกิจกรรมอื่นๆในชีวิตมากขึ้น เริ่มดูแลตัวเองได้ อาบน้ำ ทานข้าวได้เอง โดยที่แม่ไม่ต้องดูแล การจะอาศัยพูดระหว่างลูกอาบน้ำ ทานข้าว เริ่มไม่มีจังหวะแล้ว

ด่านที่ 3 หากอยากพูดได้ ต้องมีโอกาส พูด ฝึก ซ้ำๆๆๆๆ ฝึกพูดให้เป็นธรรมชาติ แบบไม่ต้องคิดก่อน (คิดไทยแล้วค่อยมาแปลเป็นอังกฤษ) ต้องได้ฝึกฝนซ้ำๆ ในสถานการณ์ต่างๆในชีวิต จึงจะพูดออกมาได้อย่างอัตโนมัติ ในเด็กโตที่รู้จักเขินอายเวลาพูด ก็จะเลี่ยงที่จะฝึกพูดซ้ำ ๆ เช่นกัน

สำหรับเด็กโต แนะนำว่าไม่ควรไปบังคับให้เด็กฝึกพูดอังกฤษ เพราะอาจจะทำให้เกิดการต่อต้านได้ ดังนั้นจึงควรผลักดันให้ลูกมีแรงขับดันจากภายใน ว่าควรจะทำอย่างไรบ้าง ให้พูดภาษาอังกฤษได้ หากลูกมีแรงขับดันเอง ลูกจะชอบการฝึกภาษา โดยที่พ่อแม่ก็จะไม่เหนื่่อยมาก และลูกก็จะสามารถทำหรือกินเองได้แล้ว

วิธีทลายกำแพงที่เป็นอุปสรรคในการ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ

ด่านที่ 1 หากิจกรรมที่ทำให้ลูกต้องใช้ภาษาในการสื่อสารหรือช่วยเหลือคน เพื่อให้ลูกได้ฝึกพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เป็นเร็ว นอกจากนี้ลูกจะยังได้รับความภาคภูมิใจ ว่าได้ใช้ภาษาในการช่วยเหลือคน ก็จะทำให้เกิดแรงผลักดันจากภายในของลูกในความอยากฝึกภาษา เพื่อที่จะนำมาใช้ได้นั่นเอง โดยคุณหมอได้ยกตัวอย่างไว้ว่า ได้พาลูกไปเป็นจิตอาสา เพื่อช่วยชาวต่างชาติที่มาถามทาง หรือถามข้อมูลต่าง ๆ ทำให้ลูกมีความอยากฝึกภาษา เพราะมีเป้าหมายที่จะต้องฝึก หรือคุณแม่เด็กโตบางท่านที่ได้มาแชร์ข้อมูลกับคุณหมอก็เล่าว่าได้ตั้งเป้าหมายให้ลูกว่า หากอยากไปเรียนต่างประเทศ หรือไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ควรฝึกภาษาเพื่อใช้ในต่างประเทศ

และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ครอบครัวของคุณหมอจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน คุณหมอได้คุยกับลูกเล่นๆว่า ถ้าเราไปเที่ยวที่ไหน
แล้วใช้โอกาสนี้ฝึกภาษานั้น เพื่อไปลองคุยกับเจ้าของภาษาว่าเค้าฟังเรารู้เรื่องมั้ย เราสื่อสารรู้เรื่องรึเปล่า  ก็ถือว่า เราใช้โอกาสคุ้มค่าในการเรียนรู้เพิ่มอีก 1 อย่าง เจ้าขา (ลูกคุณหมอ) ก็สนใจ ทำให้เกิดแรงผลักดันและเหตุผลที่จะฝึกภาษา ให้อยากทำด้วยตัวเอง!!

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kid

อ่านต่อ วิธีทลายกำแพงที่เป็นอุปสรรคในการ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ


ด่านที่ 2 เด็กโตจะมาฝึกแบบเด็กๆ พูดในชีวิตประจำวันไม่ง่ายเหมือนเดิม ถ้าเราไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวันเค้ามาก
เค้าทำกิจวัตรส่วนตัวทุกอย่างเองหมด ต้องกำหนดช่วงเวลากัน เช่น หลังเลิกเรียนจะต้องจัดตารางสอนให้เรียบร้อย ถึงจะเริ่มท่องคำศัพท์ ให้ออกเสียงให้ถูก จากนั้นให้เพิ่มคำศัพท์ เป็นวลี และประโยค และทำท่าทางประกอบไปด้วย เช่น เล่าเรื่องตัวเองอาบน้ำ เริ่มตั้งแต่ เปิดประตูห้องน้ำ ปิดประตู ล็อคประตู ถอดเสื้อ ถอดกางเกง เปิดก๊อกน้ำ ล้างหน้า ถูสบู่ ล้างสบู่ เช็ดตัว ใส่เสื้อคลุม แปรงฟัน เล่าขั้นตอน ใส่ยาสีฟัน แปรงฟันบน ล่าง เล่าไปเรื่อยๆ ทำท่าทางประกอบ ขยายมาถึงออกจากห้องน้ำ แต่งตัว ใส่เสื้อ ติดกระดุม

การพูดซ้ำๆ และทำท่าทางประกอบไปด้วย เราจะมองเห็นภาพ และพูดออกมาสอดคล้องกับเรื่องที่ทำอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องผ่านการแปลในหัว เหมือนระบบการเรียนภาษาของไทย จะพูดออกมาได้อย่างธรรมชาติ ค่อยๆขยายเรื่องยาวไปเรื่อยๆ หลายคนฝึกไปก็ทึ่งตัวเอง นี่เราพูด เราเล่าได้ยาว ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

ด่านที่ 3 ภาษาเป็นทักษะ ไม่มีคำว่า เก่ง ไม่เก่ง มีแต่คำว่า ฝึกไม่ฝึก อยากพูดได้ ต้องได้พูด ซ้ำ ๆๆๆ เพราะฉะนั้น การมีคู่ฝึกซ้อม คุณหมอว่า สำคัญมากๆ ทำไม ผู้ใหญ่ฝึกภาษาไม่ค่อยสำเร็จ แต่พอมาเป็นพ่อแม่ฝึกภาษาให้ลูก ฝึกภาษาสำเร็จกันเป็นแถว เพราะผ่านด่านแรก คือพ่อแม่มีแรงขับดันจากภายในอยากให้ลูกได้ภาษา
เพราะพ่อแม่ มีคู่ฝึกซ้อม คือลูกนั่นเอง และลูกก็มีคู่ฝึกซ้อม คือ พ่อแม่ !!

เด็กโต ถ้าผ่านด่านสำคัญ จะไปได้เร็วมากๆ จนน่าตกใจ !! และหากทำ 3 ด่านนี้ ซ้ำๆ เพิ่มเติมขยายขอบเขตไป
จะเด็กโต หรือผู้ใหญ่ วัยไหนๆ ก็ฝึกได้หมดค่ะ ไม่มีคำว่าสายเกินไป ในการ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่

มารยาทบนโต๊ะอาหาร ภาษาอังกฤษ ต้องพูดและสอนลูกยังไงบ้าง?

เทคนิคสอนภาษาอังกฤษลูก แสนง่าย โดยพ่อฉี @เพจน้องจันทร์เจ้า ลูกสาวพ่อฉี

พาลูก เข้าวัดทำบุญ ภาษาอังกฤษ ต้องพูดยังไง?

 

ขอบคุณบทความดี ๆ จาก :  คุณหมอภา / Jeerapa prapaspong

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids