นิทานอีสปสั้นๆ เล่มบางจิ๋วที่คุณพ่อคุณแม่เคยอ่าน ยังคงเป็นนิทานยอดนิยมของลูกๆ เช่นกัน แม้ทุกวันนี้เด็กจะได้รู้จัก นิทานอีสปในหลายรูปแบบ ทั้งเพลง นิทานเพลง นิทานสองภาษา คลิปการ์ตูน หรือภาพวาดระบายสี แต่ความสนุกและคติสอนใจที่ถ่ายทอดผ่านตัวละครสัตว์ที่มีคาแรคเตอร์ต่างกันทั้งตัวร้าย ตัวดี ยังเหมือนเดิม
20 นิทานอีสปสั้นๆ ชวนอ่านก่อนนอนสอนใจลูก
เพราะการสอนเด็กๆให้เข้าใจเรื่องคุณธรรม ความดี ความชั่วแบบตรงไปตรงมาไม่ใช่เรื่องง่าย การอ่านนิทานสอนจึงเป็นกุศโลบายที่ชวนให้ลูกน้อยรู้สึกเพลิดเพลิน คล้อยตาม และซึมซับคำสอนเหล่านั้นไปโดยไม่ต้องบังคับ ที่สำคัญคติสอนใจจาก นิทานที่ฝังใจลูกไปจนโต สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากหา นิทานอีสปสั้นๆ มาอ่านให้ลูกฟัง แต่ยังไม่รู้จะเริ่มจากเล่มไหนดี ทีมแม่abk คัดมาให้แล้ว 20 นิทานอีสปเรื่องเด็ด เนื้อเรื่องสนุก จบแบบอ่อนโยน ไม่ทำร้ายจิตใจลูก อ่านให้ฟังเพลินๆก่อนนอน กล่อมให้ลูกหลับฝันดีตลอดคืน จะมีเรื่องไหนบ้างตามมาดูกันเลย
นิทานอีสปสั้นๆ มาจากไหนกันนะ
นิทานอีสป เป็นนิทานระดับโลกที่เล่าขานกันมาเกือบ 3,000 ปี โดย “อีสป” นักเล่านิทานชาวกรีก ผู้ปราดเปรื่องแต่กลับมาเป็นคนพิการ มีรูปร่างอัปลักษณ์ อีสปเป็นเพียงข้าทาสของนายจ้างหลายคน ที่อาศัยอยู่บนเกาะซาโมส หลังเสร็จการงานในแต่ละวัน เขาจะใช้เวลาว่างออกไปเล่านิทานเรื่องสั้น ๆ ให้ชาวเมืองฟัง ใครได้ฟังต่างชื่นชอบและมีคนเข้ามาฟังนิทานจากอีสปเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะมีเนื้อหาสนุกสนาน สอดแทรกคติสอนใจให้ได้ขบคิดเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย
หลังจากได้รับอิสรภาพ อีสปมุ่งมั่นกับการแต่งนิทานเรื่อยมาจนเป็นมีชื่อเสียงโด่งดัง และได้เข้าไปทำงานในราชสำนักของกษัตริย์เครซุส และเป็นที่ทรงพอพระทัยอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การชี้นำทางความคิดยังถือเป็นเรื่องต้องห้ามในยุคนั้น หากมีใครตั้งตนเป็นผู้นำทางความคิด ซึ่งเป็นงานเฉพาะของนักปราชญ์หรือผู้นำศาสนาจะถูกกล่าวหาว่าเป็น “พ่อมดหมอผี” ทันที
อีสปจึงหลบเลี่ยงภัยอันตรายดังกล่าวด้วยการให้เหล่าสัตว์มาเป็นตัวเดินเรื่องและแฝงคำสอนเกี่ยวกับความดี คุณธรรมไว้เนื้อหาแทน จึงดูเหมือนเป็นการเล่าเรื่องเพื่อความสนุกสนานมากกว่าสอนบทเรียนใดๆ เช่น สิงโตเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจ หนูแทนผู้ต่ำต้อย ลาแทนคนด้อยปัญญา หมาจิ้งจอกแทนคนเจ้าเล่ห์ เป็นต้น และนี่กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้นิทานอีสปยังถูกเล่าขานต่อกันมาจนทุกวันนี้
ช่วงท้ายของชีวิตอีสปไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขาจากโลกนี้ไปด้วยการฆาตกรรม แม้ไม่มีใครรู้ชัดว่าจากสาเหตุอะไร แต่ที่แน่ๆ อีสปคือนักเล่านิทานในตำนาน และนิทานของเขาไม่เคยล้าสมัย ภายหลังได้ถูกบันทึก เรียบเรียง และเผยแพร่ไปทั่วโลก ส่วนคนไทยรู้จักกับนิทานอีสปเป็นครั้งแรกตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เลยทีเดียว
นิทานอีสปสั้นๆ สอนเด็กๆให้รู้ไว้ “อย่ามัวหลงคำชมจนเสียเปรียบแบบไม่รู้ตัว”
ลิงกับเต่า
เป็นเรื่องราวของเจ้าลิงตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ริมลำธาร มันเก็บลูกไม้แถบนั้นกินเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งลูกไม้ที่มีใกล้หมวดลง จึงวางแผนจะจะข้ามแม่น้ำไปหากินฝั่งตรงข้ามดูบ้าง แต่ลิงว่ายน้ำไม่เป็นจึงนั่งคิดหาวิธีข้ามแม่น้ำอยู่นาน จนพบกับเต่าตัวหนึ่งว่ายน้ำผ่านมา ลิงจึงออกอุบายด้วยการออกปากชมเจ้าเต่าตัวโตว่า
“ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครว่ายน้ำเร็วเท่าเจ้ามาก่อนเลย” เจ้าเต่าจึงชวนลิงไปเที่ยวและให้ขี่หลัง ลิงก็ชี้ทางให้เต่าว่ายไปฝั่งตรงข้าม เมื่อถึงจุดหมายสมใจก็กระโดดลงทันที แล้วหันมาเยาะเย้ยเต่าว่า
“จริงๆ เจ้าหน่ะว่ายน้ำไม่เร็วสักนิด แถมช้าเหมือนคลาย ที่ข้าชมไปนั่นเพราะหวังจะให้เจ้าพาข้ามฝั่งมาต่างหาก” พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง เจ้าเต่าได้ฟังก็ช้ำใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “อย่าดูถูกคนด้อยกว่า ควรหมั่นมีน้ำใจและกตัญญูรู้คุณอยู่เสมอ”
ราชสีห์กับหนู
เรื่องราวของสิงโตกับหนู ที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่ราชสีห์เจ้าป่ากำลังหลับเพลิน หนูตัวกะเปี๊ยกดันวิ่งซนไต่บนร่างของราชสีห์จนตกใจตื่น ราชสีห์โมโหจัดจึงจับหนูเอาไว้ หนูน้อยร้องขอชีวิตโดยบอกว่า “วันหน้าข้าอาจได้มีโอกาสช่วยเหลือท่านราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่สักครั้ง”
ราชสีห์ปรามาสเจ้าหนูตัวจ้อยว่า “จะมาช่วยอะไรเจ้าป่าอย่างตนได้ เจ้าเป็นแค่หนูตัวนิดเดียว” พร้อมหัวเราะเยาะหยันและปล่อยหนูไป
วันหนึ่งราชสีห์พลาดท่าไปติดบ่วงของนายพราน เจ้าหนูได้ยินเสียงร้องจึงมาช่วยกัดบ่วงจนขาด ราชสีห์จึงรอดชีวิตมาได้
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “ทำอะไรควรมุ่งมั่นสำเร็จ อย่ายอมแพ้ง่ายๆ”
หมาจิ้งจอกกับพวงองุ่น
หมาจิ้งจอกหิวโซตัวหนึ่งเดินผ่านไร่องุ่น และเห็นองุ่นพวงหนึ่งลูกโตน่ากิน มันพยายามกระโดดงับพวงองุ่นอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จสักที จึงเดินเชิดออกมา พร้อมบอกกับตัวเองว่า “องุ่นพวงนี้เปรี้ยวแน่ๆ ไม่เห็นจะอยากกินเลย” ซึ่งนี่ เป็นที่มาของภาษิต “องุ่นเปรี้ยว” ใช้เปรียบเทียบ คนที่ทำสิ่งใดไม่สำเร็จ มักหาเรื่องตำหนิว่าสิ่งนั้นด้อยค่า
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “อย่าโลภมาก ลาภจะหาย”
หมากับเงา
หมาตัวหนึ่งคาบก้อนเนื้อวิ่งข้ามสะพานมา เมื่อถึงกลางสะพาน มันก้มหน้ามองลงไปในน้ำ เห็นหมาอีกตัวกำลังคาบเนื้อชิ้นใหญ่กว่า เจ้าหมาละโมบอยากได้เนื้อชิ้นใหญ่จึงอ้าปากเห่ากรรโชกหมายเเย่งเนื้อชิ้นนั้นมา แต่กลับกลายเป็นว่าเนื้อในปากตัวเองหล่นจ๋อมลงน้ำไป เจ้าหมาจึงได้เข้าใจว่า แท้จริงแล้วหมาที่คาบเนื้อชิ้นใหญ่นั้นก็คือเงาของตนนั่นเอง
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “คนฉลาดย่อมไม่หลงเชื่อใครง่ายๆ”
ราชสีห์ป่วยกับหมาจิ้งจอก
หรือที่หนังสืออีกหลายเล่มอาจตั้งชื่อว่า “หมาจิ้งจอกกับราชสีห์จอมเจ้าเล่ห์” เป็นเรื่องราวของราชสีห์เจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งขี้เกียจออกล่าเหยื่อ จึงออกอุบายแกล้งป่วยนอนซมอยู่ในถ้ำ แล้วอ้อนวอนให้สัตว์ต่างๆ มาเยี่ยม เมื่อมาถึงแล้วก็จะจับกินเป็นอาหารได้ง่ายๆแบบไม่ต้องออกแรง สัตว์ทั้งหลายเมื่อรู้ข่าวจึงผลัดเปลี่ยนกันไปเยี่ยมราชสีห์และถูกกินเป็นอาหารจนหมด ยกเว้นแต่หมาจิ้งจอก
วันหนึ่งเมื่อราชสีห์เห็นหมาจิ้งจอกเดินผ่านมาหน้าถ้ำก็เลยถามว่า “ทำไมไม่มาเยี่ยมข้าบ้างเลย ข้ากำลังป่วยหนัก”หมาจิ้งจอกรู้ทันเลยตะโกนตอบว่า “เพราะข้าสังเกตเห็นแต่รอยเท้าเดินเข้าไปในถ้ำ ไม่เห็นรอยเท้าเดินออกมาเลยไงล่ะ” ว่าแล้วเจ้าหมาจิ้งจอกก็เดินจากไปอย่างปลอดภัย
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “สิ่งของจะมีค่าเมื่ออยู่กับคนที่คู่ควร”
ไก่ได้พลอย
เรื่องราวของ นิทานอีสปสั้นๆ เรื่องนี้ เกี่ยวกับพ่อไก่ตัวหนึ่งที่คุ้ยเขี่ยอาหารและบังเอิญจอพลอยเม็ดงาม มันคิดว่าถ้าช่างทองได้พลอยเม็ดนี้ไปคงดีใจน่าดู แต่สำหรับมันแล้วขอข้าวแค่เมล็ดเดียวยังจะดีกว่า ว่าแล้วก็คุ้ยเขี่ยหาหนอนของตัวเองต่อไป
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “บางเรื่องพูดง่าย แต่ทำยาก”
ลูกกระพรวนกับหนู
ในบ้านหลังหนึ่งมีหนูกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ วันหนึ่งพวกหนูมาประชุมกันเพื่อหาวิธีเอาตัวรอดจากเจ้าแมวตัวร้ายที่ชอบไล่จับหนู พวกมันหารือกันอยู่นานแต่ยังหาวิธีไม่ได้ จนหนูหนุ่มตัวหนึ่งเสนอให้นำลูกกระพรวนไปผูกคอแมว เวลาแมววิ่งก็จะมีเสียงดังเตือน หนูทั้งหมดจะได้หนีทัน หนูทุกตัวเห็นด้วย แต่เมื่อต้องหาอาสาสมัครนำกระพรวนไปผูกคอแมว กลับไม่มีหนูตัวไหนกล้าทำสักตัว สุดท้ายแผนที่คิดมาตั้งนานก็ล้มเหลวแบบไม่เป็นท่า
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “ความประมาทเป็นต้นเหตุของความพ่ายแพ้”
กระต่ายกับเต่า
สุดยอด นิทานอีสปสั้นๆ ที่เด็กทุกวัยชื่นชอบ คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของกระต่ายตัวหนึ่งซึ่งมีนิสัยหลงตัวเอง ชอบโอ้อวดว่ามันวิ่งเร็วกว่าใคร เมื่อพบเต่าเดินต้วมเตี้ยมก็หัวเราะเยาะอยู่บ่อยๆ จนเจ้าเต่าทนไม่ไหวและขอท้าวิ่งแข่ง เพื่อพิสูจน์ว่าใครจะวิ่งเร็วกว่ากัน แต่เจ้ากระต่ายกลับขำกลิ้งเพราะคิดว่าเต่าไม่มีทางชนะได้ และตนต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน
ถึงเวลาแข่งขัน เจ้ากระต่ายวิ่งนำโด่งไปไกล และนึกประมาทจนขอนอนรอสักงีบเพราะคิดว่าเจ้าเต่าไม่มีทางตามทัน เมื่อตื่นมาอีกทีก็พบว่าเต่าที่เดินต้วมเตี้ยมช้าๆ แต่สม่ำเสมอนั้นเข้าเส้นชัยชนะตนเองไปเสียแล้ว กระต่างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “ความขยันมั่นเพียรและอดออมช่วยให้ชีวิตไม่ลำบาก”
มดกับตั๊กแตน
ในฤดูร้อน ตั๊กแตนตัวหนึ่งร้องเพลงสบายใจ ในขณะที่ฝูงมดกุลีกุจอขนอาหารกักตุนไว้สำหรับฤดูหนาว ตั๊กแตนชักชวนให้มดมาร้องเพลงกันก่อน แต่มดก็ไม่สนใจ เมื่อฤดูหนาวที่แร้นแค้นมาถึง มดจึงมีอาหารที่กักตุนไว้กิน ส่วนตั๊กแตนนั้นอดอยากโซเซไปขออาหารจากมดมาประทังชีวิต จึงถูกมดต่อว่าไปชุดใหญ่ว่ามัวแต่ขี้เกียจถึงต้องลำบากเช่นนี้ จำไว้เป็นบทเรียนนะเจ้าตั๊กแตน
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “จงพอใจในสิ่งที่ตนมี”
กากับนกยูง
กาตัวหนึ่งรู้สึกไม่พอใจขนสีดำของตัวเอง คิดแปลงโฉมตัวเองให้สวยน่ามอง จึงไปเก็บหางนกยูงมาแซมขน แล้วทิ้งฝูงกาไปอาศัยอยู่กับฝูงนกยูง นกยูงเห็นว่ากาไม่ใช่พวกตนก็จิกตีขับไล่ออกไป จนกาต้องซมซานกลับมาหาฝูงกาของตน แต่ฝูงกาไม่พอใจจึงไม่ยอมให้กลับเข้าฝูงอีก สุดท้ายกาตัวนั้นต้องอยู่ตามลำพังตั้งแต่นั้น
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “อย่าถามหาสัจจะกับคนพาล”
นกกระสากับหมาจิ้งจอก
นิทานเรื่องนี้เล่าเรื่องของหมาจิ้งจอกจอมตะกละกินปลาแล้วก้างติดคอ จึงขอให้นกกระสาดึงก้างออกให้แล้วจะมีรางวัลตอบแทน เมื่อนกกระสาใช้จะงอยปากคีบก้างออกเจ้าหมาจิ้งจอกขี้โกงกลับย้อนกลับว่า
“แค่เจ้ายื่นหัวเข้าปากแล้วฉันไม่งับเจ้าซะ ก็ถือเป็นรางวัลแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก” นกกระสาอึ้งในคำตอบแต่ก็สายเสียแล้ว
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “สติปัญญาคือหนทางแห่งความสำเร็จ”
กากับเหยือกน้ำ
กาตัวหนึ่งกระหายน้ำมาก เมื่อมาเจอเหยือกน้ำจึงพยายามแหย่ปากลงไปดื่มน้ำ แต่น้ำในเหยือกเหลือน้อย ปากสั้นๆ ของมันดื่มน้ำไม่ถึง เจ้ากาขบคิดหาคำตอบอยู่สักพัก จึงหย่อนก้อนกรวดลงในเหยือกให้น้ำสูงขึ้นถึงปากเหยือก แล้วจิบน้ำกินได้อย่างสบาย
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “อย่าริสอนผู้อื่นในสิ่งที่ตนทำไม่เป็น”
แม่ปูกับลูกปู
แม่ปูนำขบวนลูกปูออกหาอาหารริมชายหาด เมื่อเห็นลูกๆ เดินเฉไปเฉมาก็สั่งให้ลูกเดินตรงๆ ลูกปูจึงย้อนว่า “แม่ช่วยเดินตรงๆ ให้เป็นตัวอย่างได้ไหมจ๊ะ” แต่แม่ปูก็เดินเฉเหมือนลูกๆตามธรรมชาติของปู สุดท้ายทั้งแม่ปูและลูกปูก็ไม่มีใครเดินตรงได้สักตัว
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “อย่าละโมบจนเกินพอ”
ห่านทองคำ
เล่าถึงเรื่องราวของชายผู้หนึ่ง ที่มีห่านวิเศษออกไข่เป็นทองคำทุกวันๆละ 1 ฟอง เขาจะเก็บวันไปขายที่ตลาดทุกวันสม่ำเสมอจนร่ำรวย แต่มาวันหนึ่งเขาเกิดความโลภ อยากเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน จึงใช้มีดผ่าท้องห่านเพราะหวังจะได้ไข่ทีเดียวมากๆ ปรากฏว่าในท้องห่านมีแต่ความว่างเปล่า เมื่อเจ้าห่านก็ตายไปชายผู้นี้ก็ไม่มีไข่ทองคำอีกเลย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “คนพูดโกหกย่อมไม่มีใครเชื่อถือ”
เด็กเลี้ยงแกะ
เด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งชอบปั้นเรื่องโกหก ระหว่างเลี้ยงแกะอยู่เบื่อๆ นึกสนุกคะนอง จึงตะโกนว่ามีหมาป่าจะมากินแกะ ชาวบ้านที่ได้ยินจึงหยิบอาวุธมาช่วยกันขับไล่ แต่เมื่อมาถึง เด็กเลี้ยงแกะกลับหัวเราะชอบใจที่หลอกคนอื่นได้สำเร็จ ชาวบ้านโกรธมาก
หลังจากนั้นเด็กเลี้ยงแกะแกล้งตะโกนหลอกชาวบ้านเรื่อยมา กระทั่งวันหนึ่งมีหมาป่ามาไล่กัดฝูงแกะจริงๆ แต่เสียงตะโกนจากเด็กเลี้ยงแกะครั้งนี้ ไม่มีชาวบ้านคนไหนมาช่วยอีก สุดท้ายหมาป่าก็กินฝูงแกะจนหมด
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “คนซื่อสัตย์ย่อมพบเจอแต่สิ่งดีงาม”
เทพารักษ์กับชายตัดไม้
ชายตัดไม้คนหนึ่งทำขวานหลุดมือตกลงไปในบึง เทพารักษ์ที่สถิตในบึงแห่งนั้นรู้สึกสงสารจึงช่วยงมขวานคืนให้เทพารักษ์งมขึ้นมาครั้งแรกเป็นขวานทอง ชายตัดฟืนปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตน เทพารักษ์งมขวานมาให้อีกครั้งเป็นขวานเงิน ชายตัดฟืนก็ยังปฏิเสธ สุดท้ายเทพารักษ์งมเอาขวานเหล็กเก่าๆ อันเดิมมาให้ ชายตัดฟืนบอกว่านั่นแหละคือขวานของตน
เทพารักษ์ชื่นชมความซื่อสัตย์ของชาวผู้นี้ จึงมอบขวานทองและขวานเงินให้ด้วย เพื่อนของชายตัดฟืนรู้เรื่องนี้เข้า จึงแกล้งทำขวานหล่นน้ำบ้าง เมื่อเทพารักษ์งมขวานทองขึ้นมาให้ เขารีบบอกว่าขวานทองเป็นของตัวเองทันที เทพารักษ์เห็นว่าเขาเป็นคนโกหกจึงหายตัวไป เขาจึงไม่ได้ขวานมีค่าแถมยังต้องเสียขวานอันเดียที่มีไปด้วย
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “การใช้กำลังบังคับไม่ได้ให้ผลดีเสมอไป”
ลมกับพระอาทิตย์
ลมกับพระอาทิตย์ถกเถียงกันว่าใครมีอำนาจเหนือกว่ากัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปจึงตัดสินใจแข่งขันกันว่า “ถ้าใครทำให้ชายคนที่เดินผ่านมาถอดเสื้อคลุมออกได้ก่อน คนนั้นเป็นฝ่ายชนะ” ลมจึงรวมกำลังพัดโหมกระหน่ำ หวังให้เสื้อปลิวหลุดไปอย่างรวดเร็ว แต่ชายคนนั้นกลับยิ่งจับเสื้อไว้แน่น ส่วนพระอาทิตย์เลือกที่จะส่องแสงแดดอ่อนๆ แล้วค่อยแผดจ้าจนชายผู้นั้นรู้สึกร้อนและถอดเสื้อคลุมในที่สุด พระอาทิตย์จึงกลายเป็นผู้ชนะโดยที่ใช้พละกำลังน้อยกว่า
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “ความอ่อนโยนแก้ไขเรื่องคับขันได้ดีกว่าความแข็งกร้าว ”
ต้นโอ๊กกับต้นอ้อ
ณ บึงน้ำแห่งหนึ่ง มีต้นโอ๊กสูงใหญ่แข็งแรงริมฝั่ง กับต้นอ้อบอบบางเอนลู่ไปตามลมขึ้นอยู่ใกล้กัน ต้นโอ๊กเยาะต้นอ้อว่า “เจ้าช่างไม่มีความแข็งแรงเอาเสียเลย แค่ลมพัดมาเบาๆ ก็โอนเอนตามเสียแล้ว ไม่เหมือนต้นโอ๊กที่มั่นคงไม่หวาดหวั่น”
พอตกค่ำวันนั้น เกิดมีลมพายุพัดแรง ต้นโอ๊กพยายามยืนต้านพายุ แต่ก็ต้านไม่ไหวจนหักโค่นไปในที่สุด ส่วนต้นอ้อนั้นไหวเอนไปตามแรงลม และเมื่อพายุสงบลง ใบของต้นอ้อก็กลับมาปลิวไสวดังเดิม
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “ความสงบทำให้ชีวิตมีความสุขกว่าการผจญภัย”
หนูนากับหนูเมือง
วันหนึ่งหนูนาชวนหนูเมืองเพื่อนรักมาเที่ยวบ้านของตน หนูนาเตรียมอาหารท้องทุ่งไว้ต้อนรับหนูเมือง แต่หนูเมืองเชิดใส่ แถมยังบอกว่า “เจ้าทนกินอาหารแบบนี้ได้ยังไง ย้ายไปอยู่ในเมืองกันดีกว่า มีของอร่อยเพียบ”
เมื่อหนูนาตามหนูเมืองไปกินอาหารหรูเลิศตามบ้านต่างๆอย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างนั้นมีหมาตัวใหญ่น่ากลัวไล่ตะครุบหนูทั้งสองตัว จนเผ่นหนีแทบไม่ทัน หนูนาจึงบอกว่าถ้าอยู่ในเมืองได้กินอาหารดีๆ แต่ชีวิตอันตรายแบบนี้ ขอกลับไปใช้ชีวิตสโลไลฟ์ในท้องทุ่งดีกว่า
สอนเด็กๆ ให้รู้ไว้ “คนพาลย่อมหาแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งอยู่เสมอ”
นกกระทากับไก่ชน
ชายคนหนึ่งจับนกกระทามาได้ แล้วนำไปเลี้ยงรวมไว้ในเล้าไก่ชน เมื่อถึงเวลาอาหาร ฝูงไก่ก็จิกตีไม่ให้นกกระทาเข้ามากินอาหารด้วย นกกระทาคิดว่าที่ถูกรังแกเพราะตนไม่ใช่ไก่ชน จึงตีตัวออกห่าง แต่หลายวันผ่านไป ไก่ชนเหล่านี้ยังคงจิกตีกันแม้จะเป็นพวกเดียวกันเองโดยไม่ต้องไปกว่าที่ทำกับตัวเองเลย
นิทานอีสปสั้นๆ มีให้เลือกอ่านเป็นร้อยเรื่อง ที่มีคติสอนใจแตกต่างกันไป บางเรื่องอาจมีบทลงโทษสำหรับการทำไม่ได้ในตอนจบ หรือบางเรื่องอาจมีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงสักหน่อย ซึ่งไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆ เพราะอาจทำให้ลูกรู้สึกกลัว และฝังใจได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกนิทานอีสปให้ลูกอ่าน อาจต้องพิจารณาเนื้อหาให้เหมาะกับวัยของลูกด้วย เพื่อให้เพลิดเพลินกับการฟังนิทานผ่านเสียงคุณแม่ และเรียนรู้เรื่องดีไปพร้อมกันอย่างสนุกสนาน ยิ้มได้ตลอดเรื่อง
แหล่งข้อมูล online.fliphtml5.com/mofx/zyqh/#p=1
บทความน่าสนใจอื่นๆ
รวม นิทานหมอประเสริฐแนะนำ พ่อแม่อ่านให้ฟัง เสริมพัฒนาการลูกทุกวัย