Amarin Baby & Kids มีเรื่องราวหนึ่งที่น่าสนใจจากเพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา มาเล่าให้คุณพ่อ คุณแม่ฟัง เกี่ยวกับการใช้ของรางวัล เช่น โทรศัพท์มือถือ มาเป็น แรงจูงใจในการเรียน ให้ลูกน้อย โดยมีเงื่อนไขว่า ลูกต้องสอบได้เกรด 4 ทุกวิชา เมื่อแม่ซื้อมือถือให้ ผลที่ได้รับกลับทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
#ชีวิตเปลี่ยนไปในวันที่ซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูก
โพสต์นี้หมอเขียนเพื่อให้พ่อแม่หลายๆ คนที่กำลังคิดว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูก หรือใช้โทรศัพท์มือถือ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกขยันและตั้งใจเรียน แต่กลับทำให้ชีวิตครอบครัวเปลี่ยนไป อย่างที่ไม่ตั้งใจ
ลองมาฟังเรื่องของพลกับแม่…
พลเด็กชายวัย 8 ขวบ อยากได้สมาร์ทโฟนเป็นของตัวเองมาก พลบอกแม่ว่า
“เพื่อนพลมีไอ… แกแล็ค…ใช้กันเกือบทุกคน พลอยากได้บ้าง”
“ถ้าพลอยากได้แม่จะซื้อให้ แต่ต้องดูผลสอบก่อน ถ้าสอบได้ 4 หมด แม่จะซื้อ ไอ…ให้ ดีไหม”
“โอเคครับแม่ พลจะพยายาม”
แม้ว่าจะไม่ได้สมัครแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตให้ แต่ที่บ้านก็มีสัญญาณไวไฟใช้ตามสบาย พลก็ได้เล่นอินเทอร์เน็ตด้วย สิ่งที่พลชอบเล่นมากคือ ดูยูทูบ เล่นเกมออนไลน์
เวลาผ่านหนึ่งปีกว่า พลกับแม่เริ่มทะเลาะกันมากขึ้น พลไม่เชื่อฟังแม่เหมือนเคย ติดเกมออนไลน์ จนไม่ทำการบ้าน ไม่นอน การเรียนตกลง ไม่เฉพาะเรื่องเรียน แต่พลนอนดึก ตื่นสาย อารมณ์หงุดหงิดง่าย สนใจแต่จะรีบไปเล่นโทรศัพท์ แม่เครียด รู้สึกชีวิตครอบครัวไม่เหมือนเดิม
เกิดอะไรขึ้นกับพลและแม่ เพราะอะไรชีวิตจึงเปลี่ยนไป หลังจากซื้อโทรศัพท์ให้เครื่องเดียว
ถึงแม้ว่า การมีโทรศัพท์มือถือก็มีข้อดี ทำให้สะดวกสบาย ใช้ติดต่อสื่อสาร หาความรู้ แต่หมออยากจะบอกว่า อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ไม่เหมือนของเล่นทั่วๆ ไปที่พ่อแม่อยากจะซื้อให้ลูกเมื่อไหร่ก็ซื้อได้ และไม่ควรจะนำมาใช้เป็นรางวัลหากยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม
แม้ว่าลูกของคนอื่นจะมีโทรศัพท์มือถือใช้ แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่จงมีความหนักแน่น ถือคติที่ว่า ลูกของเรา เราต้องดูแลและรับผิดชอบ อย่าไหลตามกระแสสังคม เพราะคนส่วนใหญ่ทำแบบนั้นแล้วเราต้องทำบ้าง ดูตามความเหมาะสมดีกว่า
ว่าแต่ มีอะไรบ้างที่ต้องคิดก่อนซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูก
อ่านต่อ “สิ่งที่ต้องคิดก่อนซื้อมือถือให้ลูก” คลิกหน้า 2
- อายุ
ควรรอจนเขามีความรับผิดชอบที่จะดูแลของๆ ตัวเองได้ เพราะฉะนั้นถ้าเด็กเกินไปก็ไม่สมควร ควรโตพอที่จะสามารถพูดคุยเข้าใจกติกาในการใช้โทรศัพท์มือถือกับพ่อแม่ได้ ตามจริงแล้วก็น่าจะเป็นช่วงเข้าชั้นมัธยมเป็นต้นไป
ชมรมจิตแพทย์เด็กมีข้อกำหนดแนะนำว่า ไม่ควรให้เด็กอายุน้อยกว่า 3 ปีใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับจอทุกชนิด เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ ทีวี
ในเด็กเล็ก การให้เด็กใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้มากๆ จะทำให้เด็กมีความเสี่ยงที่จะพูดช้า มีสมาธิไม่ดี
- ต้องตั้งกฎกติกากับเด็กให้ชัดเจนก่อนจะซื้อให้
บอกลูกว่าโทรศัพท์มือถือที่ให้นี้เป็นของพ่อแม่ ดังนั้นพ่อแม่จะมีสิทธิ์เอาคืนและตรวจสอบได้ในกรณีที่จำเป็น และควรกำหนดกติกาที่ชัดเจน อาจจะต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
เช่น ควรมีเวลาใช้ที่ต้องเป็นกฎ อาทิ ต้องงดใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น ระหว่างกินข้าว หลังสี่ทุ่ม ต้องปิดเครื่อง
บอกลูกว่าพ่อแม่มีสิทธิ์ที่จะขอดูโทรศัพท์มือถือของลูกในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เพราะบางครั้งอันตรายหลายๆอย่าง ก็เกิดขึ้นจากการติดต่อทางโทรศัพท์
เด็กต้องรับทราบและยอมรับกฎเหล่านี้ ก่อนที่เด็กจะได้โทรศัพท์มือถือ และกำหนดกติกาว่าถ้าไม่ทำตามที่ตกลง พ่อแม่จะยึดโทรศัพท์ เป็นข้อตกลงกัน
- ถ้าอยู่ดีๆ ก็ซื้อให้ และไม่ได้ตกลงกติกาการใช้กันให้ชัดเจนก่อน เด็กมักจะควบคุมการใช้ไม่ได้ เพราะใช้แล้วสนุก เพลิน จนติดมือถือ กลายเป็น โรคสังคมก้มหน้าอย่างที่เห็น ต้องมาทะเลาะกันกับพ่อแม่ให้หงุดหงิดและเครียดกันไปทั้งสองฝ่าย
- ปลูกฝังและทำเป็นตัวอย่างเรื่องมารยาทในการใช้โทรศัพท์มือถือ
เช่น การปิดโทรศัพท์ในที่ประชุม โรงหนัง ที่สาธารณะ
เด็กที่โตขึ้นถ้าใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ พบบ่อยๆ สิ่งที่มาหาคือเรื่องปัญหาการนอน นอนไม่เป็นเวลา เด็กมักไม่ได้ออกกำลังกาย มัวแต่นั่งหรือนอนเล่นมือถือ เป็นโรคอ้วน กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ขาดการพัฒนาตามวัยอย่างเหมาะสม
อย่าลืมคิดสักนิดก่อนจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกนะคะ
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
โทรศัพท์มือถืออันตราย กับลูกน้อยจริงหรือไม่?
ต้นเหตุลูกพูดช้า เพราะดูทีวี มือถือ และแท็บเล็ต ประสบการณ์จากคุณแม่
Smart Phone แก้ปัญหาลูกติดมือถือใน 7 วัน
Save
Save