ไม่ทันจะเป็นหนุ่มเลย ลูกชายของคุณก็แอบปิ๊งสาวโต๊ะข้างๆ เสียแล้ว ข้างลูกสาวก็แอบกรี๊ดกร๊าดหนุ่มน้อยหน้าใส คุณแม่เริ่มไม่สบายใจ เอ๊ะ เร็วไปหรือเปล่านะ?
ในช่วงวัยนี้อารมณ์ของลูกยังไม่ถึงขนาดหลงใหลหรือตกหลุมรักใครหรอกค่ะ เด็กๆ เพียงแต่เริ่มจะสังเกตเพศที่ต่างไป และเรียนรู้ที่จะพึงพอใจในสิ่งที่เห็น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือรับฟังและรับรู้ว่าลูกกำลังเริ่มสนใจเพศตรงข้าม โดยไม่มีทีท่าตกใจหรือกังวลเกินเหตุ ยกตัวอย่างง่ายๆ
ถ้าลูกมาเล่าว่า “เคนนี่หล่อมากเลยค่ะแม่ แถมเขายังเตะบอลเก่งสุดๆด้วยนะคะ หนูช้อบชอบเขาละ” คำตอบของคุณควรจะเป็น “เก่งแค่ไหนจ๊ะ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม” ไม่ใช่เอ็ดใส่ว่า “ลูกยังเด็กเกินกว่าจะชมเด็กผู้ชายคนไหนนะ!” และถ้าหากลูกชายมาขอซื้อสร้อยราคาแพงให้สาวที่ไหน คุณก็ประนีประนอมไปว่า “แม่ว่าเอาของอย่างอื่นน่าจะเหมาะกว่านะ ลองช็อกโกแลตสักชิ้นไหมจ๊ะ”
สำหรับคุณแม่คนไหนที่ลูกมาบอกตรงๆ ว่า “หนูมีแฟนแล้วค่ะ” คำแนะนำคือ ค่อยๆ อธิบายว่า “ไม่ใช่หรอกจ้ะลูกรัก แฟนน่ะต้องเป็นกันตอนหนูโตกว่านี้อีกหน่อย สำหรับตอนนี้แม่ว่าหนูกับเคนนี่เป็นเพื่อนกันมากกว่าจ้ะ”
สุดท้ายนี้ แม้ว่าสื่อส่วนใหญ่จะนำเสนอความสัมพันธ์ของเด็กๆ ในรูปแบบ “แฟน” มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่ควรจะเชื่อแบบนั้นไปด้วยหรอกนะคะ ดูแลลูกน้อยให้น่ารักตามวัยน่าจะดีกว่าค่ะ
คำเตือนถึงคุณแม่!
ส่วนใหญ่แล้วเด็กวัยนี้จะไม่ไปไกลมากนัก แต่ถ้ากังวล ลองเตือนลูกว่า “แม่ว่าตอนนี้ลูกแค่เล่นด้วยกันก็พอแล้ว อย่าไปไกลถึงขั้นกอดเลยจ้ะ” จำไว้ว่าเตือนอย่างละมุนละม่อมแต่หนักแน่น ไม่หักหาญความรู้สึกไว้ก่อน ดีกว่าปล่อยไปแล้วส่งผลเสียในภายหลังนะคะ
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง